วันอังคาร, เมษายน 18, 2560

ท่ามกลางกระแส ‘ลือ’ เริ่มหนาหูขึ้น ว่างานนี้ “เสี่ยสั่งทำ” อันเป็นผลให้ คสช. ลอยตัว

ทีหมุดคณะราษฎรหาย ละทำสะบัดสำนวนกวนต.น พอเรื่องควักเงินคลังจ่ายลูกน้อง บร๊ะ ไวทันใจ

เมื่อวาน (๑๗ เมษา) รองโฆษกสำนักนายกฯ ตอบสำนักข่าวรอยเตอร์เรื่องหมุดหาย ว่า “เหตุใดต้องให้รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้

ถ้าเป็นเช่นนั้นแปลว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบสิ่งของที่หายไปทุกชิ้นในประเทศนี้น่ะสิ” คราวนี้พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค ออกลูกกร่างๆ


ฝ่าย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณ์กุล รอง ผบ.ตร. ก็ใช่ย่อย ทำตัวเป็นศรีธนญชัย พูดถึงกรณีที่นายพริษฐ์ รัตนกุลเสรีเริงฤทธิ์ วัย ๓๐ ปี หลานของสมาชิกคณะราษฎร ร่วมกับนักศึกษาจากสามมหาวิทยาลัย ไปแจ้งความกับสถานีตำรวจดุสิต ให้ติดตามหาหมุดคณะราษฎรที่หายไป

หมุดดังกล่าวนั้น เป็นทรัพย์มรดกของตนเองหรือเป็นทรัพย์สินของบุคคลใด และเป็นผู้เสียหายหรือไม่...

บริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่ของตนเองหรือไม่ จึงนำหมุดดังกล่าวไปวางไว้ ซึ่งความจริงแล้วพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อะไร...

ฝากเตือนกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องเรื่องนี้ ให้เลี่ยงแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในบริเวณพื้นที่ลานพระราชวังดุสิต เพราะอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. และ พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะได้


พูดซะอย่าง ลาฉลาด’ smart ass หารู้ไม่ว่าผิดถนัด ต้องอาศัยทนายน้อย อานนท์ นำภา ช่วยเบิกปัญญาให้กระจ่าง

ความผิดฐานลักทรัพย์และ/หรือทำให้ทรัพย์สาธารณะเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๓๓๕ และ ม.๓๖๐ ถือเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน

บุคคลที่พบเห็นว่ามีการกระทำความผิด จะรู้ตัวคนทำหรือไม่ก็ได้ สามารถแจ้งความกล่าวโทษได้ ตามประมวลกฎหมายอาญาวิธีพิจารณาความอาญา ()

หากเจ้าหน้าที่ไม่รับแจ้งความ เจ้าหน้าที่จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๑๕๗” (#แจ้งความหมุดฯหาย)

พรุ่งนี้ เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมืองเขาจึงจะได้มี “กิจกรรมตามหาหมุดที่หายไป” ตั้งแต่ ๙ โมงเช้า ณ บริเวณหน้า สน.ดุสิต เพื่อเข้าแจ้งความกับตำรวจกันอีก

จากนั้นจะพากันเดินไปที่จุดหมุดหาย (ซึ่งมีหมุด หน้าใส มาแทนที่) เพื่อสำรวจพื้นที่รอบๆ และจดเลขกล้อง cctv ที่จริงเขาจะไปดูสิว่ากล้องทีวีวงจรปิดนั่น จะหายไปในคืนนี้ด้วยหรือไม่

ถึงหายก็ไม่เป็นไร เพราะตอนเพลวันพุธนี้พวกเขาจะไปยังศาลาว่าการ กทม. ยื่นเรื่องขอดูภาพจากกล้องซีซีทีวี ให้เห็นเป็นสักขีพยานว่าเกิดอะไรขึ้นกับหมุดคณะราษฎร สมบัติของชาติ

โดยให้เวลา ๑ อาทิตย์ จะกลับไปขอรับแผ่นดีวีดีบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดนั้น

ดูซิว่ามะรืนนี้จะมีทหารไปหิ้วนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง เหมือนที่นำตัว ศรีสุวรรณ จรรยา ไปเข้าค่ายก่อนเขายื่นหนังสือให้นายกฯ ตู่ชี้แจงเงื่อนงำการหายไปของหมุดคณะราษฎร (#PPTVHD36) ด้วยหรือไม่

ท่ามกลางกระแส ลือ เริ่มหนาหูขึ้น วันนี้เป็นวันที่สามว่างานนี้ “เสี่ยสั่งทำ” อันเป็นผลให้ คสช. ลอยตัว

ก็เลยย่ามใจ รีบตักตวงต่อไปไม่หยุดยั้ง ใหม่เอี่ยมล่าสุด ผลประชุม ครม. วันนี้น่าจะอนุมัติ “เลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ ๒ ขั้น เพิ่มเติมอีกร้อยละ ๓ นอกเหนือโควต้าปกติจากงบกลาง

เพิ่มเติมให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานใน คสช. ที่อยู่ในเกณฑ์สามารถนำมาพิจารณาบำเหน็จประจำปีได้จำนวน ๗๒๑ คน”

ให้มีผลในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ นี้เลย “โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน”


อันนั้นจะเป็นผลงานของสำนักเลขาธิการ คสช. โดยตรง แต่อีกอันเป็นหน้าที่ของ สนช. พวกลิ่วล้อคอยผ่านกฎหมายให้ คสช.ครองเมืองได้นานไม่น้อยกว่า ๒๐ ปี

มีร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญสำคัญสองฉบับเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. วันนี้ คือกฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมาย กกต. ที่ว่ากันว่าจะไม่มีการ ถอนก่อนเสร็จ withdrawal อย่างเด็ดขาด แม้นว่าพรรคการเมืองหลักสองพรรคจะออกอาการไม่เห็นด้วยก็ตาม

เกี่ยวกับ พ.ร.ป. พรรคการเมือง นอกจาก “เพิ่มมาตรา ๑๔ ว่าด้วยคำประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคและนโยบายพรรคการเมืองขึ้นใหม่” แล้ว มีกำหนดห้ามศาสนาเข้าไปข้องเกี่ยวกิจกรรมพรรคการเมืองเด็ดขาด

และกำหนดโทษยุบพรรคในรายละเอียดการกระทำต้องห้ามหลายอย่าง รวมทั้ง “ให้บุคคลที่ไม่เป็นสมาชิกพรรคครอบงำ ควบคุม ชี้นำ สมาชิกพรรคจนขาดอิสระ...

“และเมื่อศาลมีคำสั่งยุบพรรค ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นด้วย จากเดิมที่ไม่ได้ระบุโทษต่อกรรมการบริหารพรรค”


กรณี พ.ร.ป. ว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง มีการเพิ่มเติมลักษณะต้องห้ามในด้านจริยธรรมว่า กรรมการเลือกตั้งจะต้อง “ไม่เคยมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง” แล้ว

ก็มาถึงประเด็นสำคัญยิ่งยวด คือจำนวนเงินที่ต้องควักจากคลังไปให้แก่ กกต. แม้จะไม่มีการให้สองขั้นเหมือนข้าราชการ คสช. แต่ก็จะมี บำเหน็ดตอบแทนเป็นเงินจ่ายครั้งเดียวแก่กรรมการและประธาน เมื่อพ้นจากตำแหน่ง

“ในกรณีออกเมื่อครบวาระ, ตาย, ลาออก มีอายุครบ ๗๐ ปีโดยการจ่ายค่าบำเหน็จนั้นให้นำเงินเดือนคูณด้วยปีที่ดำรงตำแหน่ง โดยเศษของปีให้นับเป็น ๑ ปี” 

เห็นหรือยังล่ะว่า หมุดหาย ชั่งหัวมันสำหรับ คสช. ค่าตอบแทนสำคัญกว่า และมาก่อน