สำหรับหลายคนการไปเที่ยวในช่วงปีใหม่ คือเวลาที่แสนพิเศษที่ได้อยู่กับคนที่เรารัก ได้อยู่กับครอบครัวหลังจากไม่เจอกันนาน ได้พักผ่อนหลังจากทำงานอย่างหนัก และเหนื่อยหน่ายเมื่อคิดขึ้นได้ว่าอีกไม่กี่วันก็ต้องกลับมาทำงานแล้ว แต่สำหรับนักโทษในเรือนจำ ปีใหม่คือช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุดสำหรับพวกเขา มันคือช่วงเวลาที่ไม่ได้พบปะใครข้างนอก พวกเขาอยากให้วันเวลาเหล่านี้ผ่านไปเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้พบปะญาติมิตรและเพื่อนฝูงอีกครั้ง
.
ไผ่เป็นหนึ่งในนั้น หลังจากมีคนมาเยี่ยมครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ธันวา เรือนจำก็ไม่อนุญาตให้ใครมาเยี่ยมได้อีกเนื่องจากเจ้าหน้าที่เองก็ต้องการพักผ่อน เพื่อพบปะครอบครัวเหมือนปุถุชนทั่ว ๆ ไป
.
ไผ่ดูอ่อนล้ากว่าที่เคยเป็น สายตาไม่แข็งกร้าวอย่างที่คุ้นเคย ร่างกายดูซูบไปนิด(น้ำหนักลดไป 3 กิโล) สิ่งเดียวที่ไผ่ยังคงมีและมอบให้เราทุกคนเหมือนเคย คือ รอยยิ้ม ที่ยิ้มให้กับพวกเราเสมอ ไม่ว่าตนเองจะลำบากมากเพียงใด ผมถามไผ่ว่า มึงจะยิ้มอะไรนักหนา ไผ่ตอบผม “กูเหลืออยู่แค่นี้ และพวกแม่งเอามันไปจากกูไม่ได้” จริงของมัน ไผ่มันแทบไม่เหลืออะไรแล้วในชีวิต หลังจากออกมาสู้กับพวกทหารโดยหวังว่าจะทวงคืนสิทธิเสรีภาพของคนไทยคืนมา ไผ่กลับสูญเสียหลายสิ่งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเรียน(ไผ่อาจจะต้องออกจากการเป็นนักศึกษาหากไม่ได้สอบคอมพิวเตอร์ในวันที่ 17 – 18 ที่จะถึงนี้) หรือร่างกายที่ถูกจองจำเอาไว้ในห้องขัง นี่ยังไม่นับโอกาสอื่นๆในการทำงาน ที่ภายใต้ระบอบแบบนี้จะไม่อนุญาตให้คนที่กบฏต่อสังคมได้เข้าทำงาน
.
ที่ผ่านมา ไผ่เชื่อเสมอว่าการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าสามารถเกิดขึ้นได้ หากเราทุกคนลงมือทำ ไผ่มันรู้เหมือนกับที่เราทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่า การรัฐประหารยึดอำนาจใด ๆ คือสิ่งชั่วร้าย เป็นวงจรอุบาทว์ของประเทศไทย ไผ่มันเลยเอาทุกอย่างที่ตัวเองมีเข้าแลก โดยหวังว่าประเทศไทยจะมีประชาธิปไตยที่ทำให้คนทุกคนเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไผ่ได้ทำทุกอย่าง อย่างคนที่ไม่ได้คิดถึงว่าจะเจอภยันตรายใด ๆ ในอนาคต เพราะสำหรับไผ่ ถ้าวันนี้ดี เดี๋ยวพรุ่งนี้มันดีเอง
.
น่าเสียดาย คนแบบไผ่มีน้อยเกินไป และทหารเรียนรู้ว่าจะปล่อยให้คนแบบนี้เป็นหน่ออ่อนในสังคมไม่ได้ มิฉะนั้นจะเสียการควบคุม วันนี้ไผ่จึงต้องไปใช้ชีวิตในคุก ไม่ใช่เพราะไผ่พ่ายแพ้ต่ออำนาจทหาร หรือเพราะศาลมีคำสั่งฝากขังไผ่ในเรือนจำ หากแต่เป็นเพราะความเฉยชาของสังคมที่ไม่รู้สึกรู้สาต่อความอยุติธรรมใดๆที่เกิดขึ้น ศาลและทหารคงไม่สามารถทำความชั่วช้าเหล่านี้ได้ ถ้าสังคมไม่อนุญาตให้มันเกิดขึ้น
#ปล่อยไผ่
ooo
ขอประกาศชื่อเจ้าของบทกลอนสามชิ้นที่โดนใจกรรมการที่สุดจากกิจกรรม #กลอนเพื่อไผ่ นะคะ ตัดสินใจยากจริงๆค่ะ เพราะทุกชิ้นมีค่าจากใจ ขอบพระคุณพี่ถึก ใบตองแห้ง และอ.เกษียร เตชะพีระ ที่ให้เกียรติร่วมให้ความเห็น และสามชิ้นนี้ คือบทกลอนที่โบว์จะขอส่งมอบของขวัญเล็กๆน้อยๆแทนคำขอบคุณ
Surin Wanai "ปณิธาน แห่งไผ่ ดาวดิน" ลงตัวจนได้เสียงโหวตเป็นเอกฉันท์จากกรรมการ ชวนอ่านกันอีกทีค่ะ
สมชาย แซ่จิว ชิ้นนี้ลอยมาเลย โดนใจคนอ่านและได้รับการแชร์ไปแล้วอย่างแพร่หลาย
หนุ่ย อภิสิทธิ์ มีความคิดสร้างสรรค์ชวนให้อ่านค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่ร่วมส่งกลอนส่งใจให้ไผ่และครอบครัว ศุกร์นี้จะมีการพิจารณาฝากขังผัดถัดไป ขอเป็นกำลังใจให้กัน #ปล่อยไผ่
#เราคือเพื่อนกัน #พลังมด
https://m.facebook.com/story.php…