อันที่จริงไม่อยากแตะทั่นผู้ณรรมนักนะ กลัวทั่นเล่นหูลูบหัว
แต่ว่านานวันทั่นยิ่งปล่อยปละพวกขุนพลอยพยัก ทั้ง สนช. สปช. และสมฟ. (สมีฟรีด้อม)
ออกมาเล่นละเลงกันไม่เกรงใจใคร (รวมทั้งตัวทั่น)
หากขืนละเลยมากไป ไอ้ที่ว่า ‘เสียของ’ นั่นคงเป็นได้
เรื่องตั้งลูกตั้งเมียไปกินเงินเดือนของสภานี่ขายหน้าชาวเมือง
มีอย่างที่ไหน สนช. ตั้งเกือบครึ่งเอางบฯ หลวงไปแจกลูกแลเต้า
สมเจตน์ สมชาย ไพบูลย์ นิพนธ์ (อดีตผู้ว่าฯ ปัตตานี) สม (ไม่คิด) ล้วนคนดีสกุลดังทั้งนั้น (บุญถนอม แสวงการ นิติตะวัน นราพิทักษ์กุล จาตุศรีพิทักษ์)
(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1425034595)
(http://www.isranews.org/…/inves…/item/36824-sapa_901_01.html)
แค่กฏระเบียบเปิดช่อง ‘ไม่มีข้อห้าม’ (อย่างที่ประธาน สนช. พรเพชร วิชิตชลชัย ว่าไว้ โดยมี ผบ. ทบ. รับลูกต่อ นั่นน่ะ) ก็เลยฉกฉวยเอาง่ายๆ ไม่คิดหน้าคิดหลัง
อีกทั้งเกจิเรือแป๊ะกำลังยำใหญ่กฏหมายแม่ ผูกเงื่อนงำล้ำเส้นไม่ยอมให้ใครแก้ได้ ชนิดภายหน้าถ้าไม่ลงตัวคงต้องหักเอาอย่างเดียว ส่งเสริมวัฒนธรรมรุนแรงสุดโต่ง ไม่นึกถึงลูกหลานต้องเจอชนักปักหลังตั้งแต่ก่อนเกิด
ไหนจะ สว. ลากตั้งทั้งกระจาด ๒๐๐ นายมากกว่านาง (ที่ทำให้ สนช. นักวิชาการจากจุฬาฯ ทิชา ณ นคร ตัวดีที่เคยขับไล่นายกฯ หญิง ร่ำไห้เสียใจที่เสนอสัดส่วน ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ มีผู้หญิง ๓๐ เปอร์เซ็นต์แล้วกรรมาธิการไม่เอาด้วย ถึงได้ต้องลาออกไง
(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1425174748)
แล้วยังเอาตัวแทนชาติพันธุ์กับปราชญ์ชาวบ้านมาเป็นสีสัน แถมนายกรัฐมนตรีเป็นคนนอกก็ได้ ไม่ต้องมาจากเลือกตั้งเข้าอีก
เลยเกิดเสียงระเง็งเซ็งสุดว่า งานนี้ลิ่วล้อล่อกันเละ ไม่ต้องบันยะบันยัง
ทำท่าจะไม่ง่ายสบายๆ อย่างเคยคุย กลับกลายเป็น ‘เอาไม่อยู่’ ไปเสียฉิบ
เห็นได้จากกรณีเปิดสัมปทานพลังงานรอบที่ ๒๑ ก็สำเร็จรสนา (โตสิตระกูล) และ ‘เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย’ (คปพ.) ไปแระ
เมื่อณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว. พลังงานจำต้องเซ็นคำสั่งงดการเปิดรับคำร้อง ไม่ต้องชลออย่างทั่นผู้ณรรมว่า
นี่แหละที่ทั่นอ้างนักอ้างหนาเวลาไปให้สัมภาษณ์ถึงเมืองนอกเมืองนา ว่าเป็นกรรมการเข้ามาปรามสองฝ่ายตีกัน แต่แล้วดัน ‘ปรับทัศนคติ’ ห้ามแค่ฝ่ายเดียว
ซ้ำร้ายเผลอไผล (ที่จริงอาจจะไม่รู้สา) ดันไปทำเจี๋ยมเจี้ยมให้สัมภาษณ์เอ็นเอชเค ว่า
“ส่วนสาเหตุที่ยังมีความขัดแย้ง มีการประท้วงเป็นช่วงๆ” ทั่นผู้นำบอกว่า “เป็นเพราะประเทศของเรามีคนจนอยู่ถึง ๓๗ ล้านคน คนกลุ่มนี้เป็นคนยากจนเลยถูกจูงใจได้ง่าย....เดี๋ยวก็มีคนที่ชักจูงให้พวกเขาออกมาต่อสู้อีก“
(http://www3.nhk.or.jp/nhk…/english/…/asianvoices/150213.html)
คนชักจูงคงไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ก็พวกทั่นนั่นแหละ ทั้งไล่ล่า หาเรื่อง รังแก พวกชาวบ้านหัวก้าวหน้าและนักศึกษาประชาธิปไตย ไม่เว้นแต่ละวัน
เป็นที่ประจักษ์ในสายตาสื่อมวลชนสากล และองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติ จากที่เคยติติงกันกว้างขวางในระดับประเทศ เดี๋ยวนี้ลงลึกไปถึงการเรียกร้องเจาะจงในระดับพลเมือง
ดังกรณีล่าสุด สมาคมนักเขียนสากล (PEN) เรียกร้องให้ปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไขสองนักศึกษาที่เล่นละคร ‘เจ้าสาวหมาป่า’ แล้วโดนคดีหมิ่นกษัตริย์ตามมาตรา ๑๑๒ ต้องโทษจำคุก ๒ ปี ๖ เดือน
(http://www.pen-international.org/…/thailand-student-activi…/)
ข้อเรียกร้องหนึ่งในสาม “กระตุ้นผลักดันให้มีการแก้ไขกฏหมายอาญา โดยเฉพาะที่ว่าด้วยการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯ เพื่อให้มั่นใจว่าต้องตรงต่อพันธะกรณีระหว่างประเทศที่ไทยมีอยู่กับการปกป้องเสรีภาพในการแสดงออก”
แล้วมาบอกว่าการปรับทัศนะทำเฉพาะกับคนที่ปักหลักต้านเท่านั้น
ปัญหามีอยู่ว่า คนต้านแค่หยิบมือก็จริงแหละ แต่คนเห็นต่างมีมากมายกว่าโพลว่าไว้หลายพันเท่า ถ้าพวกเขาออกมาแสดงตัวกันหมด คนที่จะโดนปรับทัศนคติน่าจะเป็นพวกทั่น
รูปการณ์มันจะไปทางนั้น นับวันยิ่งชัดขึ้นทุกที