จากปาฐกถาเมื่อวันที่ ๒๕-๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ ของนายแดเนียล อาร์
รัสเซิล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ แผนกกิจการเอเซียตะวันออกและภาคพื้นแปซิฟิค
อันเป็นส่วนหนึ่งของการเยือนประเทศในภูมิภาค ได้แก่ ไทย ฟิลิปปินส์ มาเลย์เซีย
และกัมพูชา
http://www.bbc.com/news/world-asia-30978016
“เขา (นายรัสเซิล) บอกว่าการลงมติของสภานิติบัญญัติที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารทำการถอดถอน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำให้เห็นได้ว่าเป็นเรื่องการเมือง”
“กระทรวงต่างประเทศสหรัฐแจ้งว่า เขา (นายรัสเซิล) ได้บอกกับ
พล.อ. ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศว่า ความสัมพันธ์กับประเทศไทยจะยังไม่คืนสู่ปกติ
ตราบเท่าที่ประชาธิปไตยยังไม่ได้รับการรื้อฟื้น”
“เขา (นายรัสเซิล) ยังเตือนด้วยว่า เมื่อผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งอย่าง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกถอดถอนโดยผู้กุมอำนาจที่โค่นล้มเธอ
ประชาคมนานาชาติเหลืออยู่ทางเดียวที่จะเกิดความเข้าใจได้ว่า
การกระทำเหล่านั้นเป็นไปโดยจุดมุ่งหมายทางการเมือง”
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน
จากปาฐกถาที่สถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
ต้นฉบับภาษาอังกฤษ http://www.state.gov/p/eap/rls/rm/2015/01/236308.htm
คำแปลภาษาไทย (ตอนหนึ่ง) โดยสถานทูตสหรัฐ ณ กรุงเทพมหานคร http://thai.bangkok.usembassy.gov/012615_as_russel_remarks.html
“ผมเข้าใจดีว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง
จึงขอยกประเด็นนี้ขึ้นมาด้วยความนอบน้อมและความเคารพต่อประชาชนชาวไทย สหรัฐฯ
ไม่เข้าข้างฝ่ายใดในการเมืองไทย เราเชื่อว่าประชาชนชาวไทยคือผู้กำหนดความชอบธรรมของกระบวนการทางการเมืองและกระบวนการทางกฎหมายของตน
ทว่า สหรัฐฯ ยังคงกังวลเกี่ยวกับการจำกัดเสรีภาพอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่รัฐประหาร
อันรวมถึงข้อจำกัดด้านการพูดและการชุมนุม
นอกจากนี้ สหรัฐฯ
ยังมีความกังวลเป็นพิเศษในประเด็นที่ว่า กระบวนการทางการเมืองขณะนี้ไม่ได้เป็นตัวแทนทุกภาคส่วนของสังคมไทย ผมขอย้ำอีกครั้งว่า สหรัฐฯ ไม่ได้กำลังบงการเส้นทางการเมืองที่ไทยควรดำเนินตามเพื่อกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยหรือกำลังเลือกข้างในการเมืองไทย
แต่กระบวนการที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนนั้นจะส่งเสริมการปรองดองทางการเมือง ซึ่งสำคัญต่อความมั่นคงในระยะยาว
กระบวนการในวงแคบที่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งนั้นเสี่ยงต่อการปล่อยให้คนไทยจำนวนมากรู้สึกถูกกีดกันจากระบบการเมือง
นี่คือเหตุผลที่สหรัฐฯ
ยังคงมุ่งสนับสนุนกระบวนการทางการเมืองที่ครอบคลุมในวงกว้างกว่า ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนของสังคมได้รู้สึกว่า
กระบวนการดังกล่าวเป็นตัวแทนของตนด้วย
นอกจากนี้
มุมมองความเข้าใจเรื่องความเป็นธรรมก็เป็นสิ่งสำคัญ ผมขอกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า เมื่อผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งถูกปลดออกจากตำแหน่ง
ถูกถอดถอนโดยผู้มีอำนาจที่ก่อรัฐประหาร และตกเป็นเป้าด้วยข้อหาอาญาในขณะที่กระบวนการและสถาบันพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตยต้องหยุดชะงักลง ประชาคมโลกจึงเกิดความรู้สึกว่า
ขั้นตอนเหล่านี้อาจเกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง
นี่คือเหตุผลที่สหรัฐฯ
หวังว่าจะได้เห็นกระบวนการที่เสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนไทยต่อ รัฐบาลและสถาบันตุลาการของตน
รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นต่อนานาประเทศว่า ประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคงและทุกฝ่ายมีส่วนร่วมด้วย
การยกเลิกกฎอัยการศึกทั่วประเทศและยกเลิกข้อจำกัดเสรีภาพในการพูดและการชุมนุม
คือก้าวสำคัญอันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปฏิรูปที่ครอบคลุมทุกภาคสวนอย่างแท้จริง ซึ่งจะสะท้อนความหลากหลายของความคิดเห็นภายในประเทศ สหรัฐฯ หวังว่า ผลลัพธ์ของกระบวนการนี้จะนำมาซึ่งสถาบันที่มั่นคงและเป็นประชาธิปไตยที่สะท้อนและตอบสนองต่อเจตนารมณ์ของประชาชนชาวไทย”
ช่วงตอบคำถาม
ถาม “เป็นเกียรติที่ได้มาร่วมงานนี้เพราะข้าพเจ้าเคยเป็นศิษย์เก่าจุฬาเช่นกัน
คำถามของข้าพเจ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทย ท่านได้พูดถึงความ ‘ไม่จำเป็น’ ของกฏอัยการศึก ท่านพูดถึงการประนีประนอมและระเบียบกฏหมาย
และข้าพเจ้าเดาว่าท่านได้พูดกับรัฐมนตรีต่างประเทศเมื่อเช้านี้ด้วย
ดังนี้ข้าพเจ้าอยากทราบว่าท่านรัฐมนตรีมีท่าทีอย่างไรกับประเด็นเหล่านั้น และถึงตอนนี้ท่านประเมินได้อย่างไร
จากซ้ายไปขวา ตอนนี้เราอยู่ที่จุดไหน”
ผู้ช่วย รมว. ตอบ ...
“ผมไม่ลังเลที่จะบอกคุณว่า ผมคิดว่าผมได้รับทราบเรื่องราวสำคัญทีเดียว
ผมมาประเทศไทยในฐานะตัวแทนของรัฐบาลสหรัฐ ทั้งเพื่อรับฟัง ฟังรัฐบาลของท่าน
ฟังผู้นำการเมือง ฟังประชาสังคม และฟังท่านทั้งหลาย กับมาเสนอแนวคิดของเรา และความคาดหวังต่อประเทศไทย
และผมได้แจ้งแก่ท่านรัฐมนตรีต่างประเทศ เช่นเดียวกับที่แจ้งแก่ผู้นำทางการเมือง
และแก่ท่านในปาฐกถาวันนี้ ว่าสหรัฐมีความใส่ใจอย่างใหญ่หลวงในความสำเร็จของประเทศไทย
ความเข้มแข็ง รุดหน้าทางเศรษฐกิจ ทรงอิทธิพลและมั่นคงทางการเมืองของประเทศไทย
เป็นองค์ประกอบอันจำเป็นต่อการเติบโตก้าวหน้าของภูมิภาค เรามีความเชื่อว่าการขีดวงกั้นสิทธิมนุษยชน การจำกัดขอบข่ายสิทธิมหาชนสากล
อาทิ เสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการชุมนุม ไม่ได้ก่อให้เกิดความมั่นคงเลยในระยะยาว
เราเชื่อว่าการดำเนินการโดยเร็วที่จะยุติกฏอัยการศึก
เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นโดยครรลองแห่งนิติธรรมและสันติ
กับส่งเสริมกระบวนการอันบริบูรณ์ที่ซึ่งทุกภาคส่วนของสังคมรู้สึกว่าได้รับการรับฟัง
จะก่อให้เกิดสถาบันและผลลัพท์ที่ซึ่งทุกภาคส่วนในสังคมมีความเชื่อมั่นว่าตนมีส่วนร่วม