22 hours ago
·
ความคิดที่จะทำลายขีดความสามารถด้านการทหารของกัมพูชาจนไม่มีทางเป็นภัยคุกคามต่อไทยนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย
ต่อให้ครั้งนี้ กัมพูชายอมหยุดยิงก่อน ต่อให้ครั้งนี้ไทยทำลายคลังอาวุธของกัมพูชาทั้งหมดได้สำเร็จ - ซึ่งดิฉันเชื่อว่ายากจะเกิดขึ้นได้ แต่ต่อให้สมมติว่าทำได้ หลังจากนี้ กัมพูชาก็จะเริ่มสะสมอาวุธอย่างเร่งด่วน โดยวางอยู่บนแนวคิดว่าประเทศไทยคือเป้าหมายของการโจมตีตอบโต้
ดิฉันเคยเขียนไว้ตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของความขัดแย้งว่า นับตั้งแต่เหตุการณ์ความขัดแย้งกรณีพระวิหารปี 2551-2556 การจัดซื้ออาวุธของกัมพูชาวางอยู่บนแนวคิดว่าไทยคือภัยคุกคามที่สำคัญของเขา อาวุธที่เขาใช้ก็เป็นอาวุธขนาดกลางที่ใช้โจมตีพื้นที่ชายแดนไทยได้ ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบจากอาวุธเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยิงจรวด เครื่องยิงรถถัง แต่เขาคงคาดไม่ถึงว่าความขัดแย้งกับไทยในรอบใหม่นี้ ฝ่ายไทยจะตัดสินใจใช้เครื่องบินรบโจมตีเขาอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้กัมพูชาไม่มีเครื่องบินรบ แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ กัมพูชาจะต้องจัดหามาให้ได้ จะซื้อจากจีน รัสเซีย ยุโรปก็ได้ทั้งนั้น ซึ่งหมายความว่าในอนาคตอันใกล้ ประเทศไทยจะตกอยู่ในความเสี่ยงทางทหารมากยิ่งขึ้น เพื่อนบ้านของเราจะน่ากลัวมากขึ้น กองทัพไทยก็จะต้องเร่งซื้ออาวุธขนาดใหญ่มาเสริมทัพให้ตัวเอง งบประมาณด้านการทหารก็จะต้องเพิ่มขึ้นแม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะถดถอยอย่างไรก็ตาม รัฐบาลพลเรือนก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร
ฉะนั้น การใช้แนวทางการทหารนำการแก้ไขปัญหา จึงไม่มีทางที่จะสร้างความสงบสุข เสถียรภาพให้กับประเทศไทยในระยะยาวได้จริง แนวทางทหารควรมีไว้ป้องปรามเพื่อดึงให้คู่กรณีกลับสู่การเจรจา เพื่อสร้างความเป็นเพื่อนบ้านที่เคารพกัน เกรงใจกันและกัน ต่อให้มีอาวุธก็จะพยายามไม่ใช้ แต่โชคร้ายว่าสงครามครั้งนี้ ผู้นำประเทศของทั้งสองฝ่ายช่างสายตาสั้นเสียเหลือเกิน
เพิ่มเติม ข้อเสนอของดิฉันคือ ทั้งสองฝ่าย
ควรยอมรับการกลับไปสู่สถานะเดิม (status quo) ก่อนความขัดแย้งรอบนี้ คือยังคงอำนาจอธิปไตยเหนือดิแดนพิพาทของตนไว้ แล้วดูแลพื้นที่ร่วมกัน ห้ามเปลี่ยนแปลงพื้นที่
.....
https://www.facebook.com/reel/1462874875198019·
ความคิดที่จะทำลายขีดความสามารถด้านการทหารของกัมพูชาจนไม่มีทางเป็นภัยคุกคามต่อไทยนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย
ต่อให้ครั้งนี้ กัมพูชายอมหยุดยิงก่อน ต่อให้ครั้งนี้ไทยทำลายคลังอาวุธของกัมพูชาทั้งหมดได้สำเร็จ - ซึ่งดิฉันเชื่อว่ายากจะเกิดขึ้นได้ แต่ต่อให้สมมติว่าทำได้ หลังจากนี้ กัมพูชาก็จะเริ่มสะสมอาวุธอย่างเร่งด่วน โดยวางอยู่บนแนวคิดว่าประเทศไทยคือเป้าหมายของการโจมตีตอบโต้
ดิฉันเคยเขียนไว้ตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของความขัดแย้งว่า นับตั้งแต่เหตุการณ์ความขัดแย้งกรณีพระวิหารปี 2551-2556 การจัดซื้ออาวุธของกัมพูชาวางอยู่บนแนวคิดว่าไทยคือภัยคุกคามที่สำคัญของเขา อาวุธที่เขาใช้ก็เป็นอาวุธขนาดกลางที่ใช้โจมตีพื้นที่ชายแดนไทยได้ ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบจากอาวุธเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยิงจรวด เครื่องยิงรถถัง แต่เขาคงคาดไม่ถึงว่าความขัดแย้งกับไทยในรอบใหม่นี้ ฝ่ายไทยจะตัดสินใจใช้เครื่องบินรบโจมตีเขาอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้กัมพูชาไม่มีเครื่องบินรบ แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ กัมพูชาจะต้องจัดหามาให้ได้ จะซื้อจากจีน รัสเซีย ยุโรปก็ได้ทั้งนั้น ซึ่งหมายความว่าในอนาคตอันใกล้ ประเทศไทยจะตกอยู่ในความเสี่ยงทางทหารมากยิ่งขึ้น เพื่อนบ้านของเราจะน่ากลัวมากขึ้น กองทัพไทยก็จะต้องเร่งซื้ออาวุธขนาดใหญ่มาเสริมทัพให้ตัวเอง งบประมาณด้านการทหารก็จะต้องเพิ่มขึ้นแม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะถดถอยอย่างไรก็ตาม รัฐบาลพลเรือนก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร
ฉะนั้น การใช้แนวทางการทหารนำการแก้ไขปัญหา จึงไม่มีทางที่จะสร้างความสงบสุข เสถียรภาพให้กับประเทศไทยในระยะยาวได้จริง แนวทางทหารควรมีไว้ป้องปรามเพื่อดึงให้คู่กรณีกลับสู่การเจรจา เพื่อสร้างความเป็นเพื่อนบ้านที่เคารพกัน เกรงใจกันและกัน ต่อให้มีอาวุธก็จะพยายามไม่ใช้ แต่โชคร้ายว่าสงครามครั้งนี้ ผู้นำประเทศของทั้งสองฝ่ายช่างสายตาสั้นเสียเหลือเกิน
เพิ่มเติม ข้อเสนอของดิฉันคือ ทั้งสองฝ่าย
ควรยอมรับการกลับไปสู่สถานะเดิม (status quo) ก่อนความขัดแย้งรอบนี้ คือยังคงอำนาจอธิปไตยเหนือดิแดนพิพาทของตนไว้ แล้วดูแลพื้นที่ร่วมกัน ห้ามเปลี่ยนแปลงพื้นที่
.....
“ก็อยากให้ทุกๆอย่างมันกลับมาสู่ความสงบและอยู่กันอย่างสันติสุขจริง ๆ มันไม่มีหรอกว่าตรงไหนที่จะไม่มีปัญหากัน แต่แค่รู้สึกว่า ครั้งนี้ไม่อยากให้มันยืดเยื้อไปมากกว่านี้ ถ้ามันสงบสุขและสันติ มันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ
“มันไม่ใช่แค่คนไทย พี่น้องชาวกัมพูชาก็เหมือนกัน หลายๆ ครอบครัวก็ลำบากไม่แพ้กันกับเรา
"อันนี้ก็มองโดยรวมโดยที่เราก็อยู่บนโลกใบนี้เหมือนกัน และทุกชีวิตก็มีค่า ก็อยากให้ทุกคนปลอดภัยไม่ว่าจะชาติใดในโลกนี้เหมือนกัน อยากให้ทุกคนปลอดภัยแล้วก็อยากให้อยู่ร่วมกัน ชายแดนที่ไหนก็ตามก็อยากให้สงบสุขไปด้วยกัน” #NoWarThaiCambodia
“ต่าย อรทัย ห่วงแม่อพยพหนีเหตุปะทะชายแดน วอนความสงบสุขกลับมาอีกครั้ง” https://www.matichon.co.th/entertainment/news_5506226