
Noppakow Kongsuwan
8 hours ago
·
ทุกวันนี้ที่บอกว่า “ทักษิณโกง” เชื่อว่าส่วนใหญ่ยังตอบเป็นระบบไม่ได้เลยว่าคุณทักษิณไป “โกงอะไร?“
เอาแค่ “3 คดี” ที่ทำให้คุณทักษิณต้องกลับเข้าเรือนจำ (ตามคำสั่งบังคับให้กลับไปรับโทษ) ล้วนเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องจากการดำเนินนโยบายทางการเมืองทั้งสิ้น
1. คดี Exim Bank ปล่อยกู้สินเชื่อให้พม่า 4,000 ล้านบาท
คดีนี้คุณทักษิณถูกตัดสินโทษจำคุก 3 ปี ความผิดตาม ป.อาญา ม.152 (ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือปฏิบัติหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย) ดอกเบี้ยให้กู้ต่ำกว่าต้นทุน (3% ต่อปี) คดีนี้ถูกชี้ว่าผิดเพราะพม่าเอาที่กู้ไปซื้อบริการดาวเทียมจากไทยคม (ในเครือชินคอร์ป เวลานั้น) สิ่งนี้ถูกอธิบายว่าเป็น “ผลประโยชน์ทับซ้อน”
ว่ากันตามข้อเท็จจริง แม้สิ่งนี้จะถูกตัดสินว่าผิด
- คดีนี้รัฐไทยไม่เสียหายอะไรเลย เพราะรัฐบาลพม่าได้ชำระหนี้คืนครบถ้วนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแล้ว (ไม่ได้หนี้สูญ)
- เอาเข้าจริงก็มี “ไทยคม” เจ้าเดียวที่ทำบริษัทดาวเทียม และมีศักยภาพ ก็พม่ามันจะกู้ไปทำเรื่องดาวเทียม ก็ต้องซื้อบริการจากไทยคม คุณจะให้ซื้อบริการจากบริษัทขายกล้วยแขกเหรอ?
- อีกมุม มันก็คือหนึ่งในนโยบาย “การทูตเศรษฐกิจ” ตามปกติ และการปล่อยกู้แบบ Soft Loan ก็เป็นเครื่องมือที่รัฐบาลชุดอื่นใช้สร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านเป็นปกติ รัฐบาลชวน , ประยุทธ์ , อภิสิทธิ ก็เคยให้กู้ในลักษณะนี้ทั้งนั้น
2. คดีแปลงสัญญาสัมปทานเอื้อชินคอร์ป
คดีแปลงสัญญาสัมปทาน คดีนี้เกิดจาก รัฐบาลคุณทักษิณออกกฎหมายให้นำค่าสัมปทาน ที่ค่ายมือถือต้องจ่ายให้รัฐวิสาหกิจ (TOT/CAT) เปลี่ยนมาจ่ายเป็น "ภาษีสรรพสามิต" เข้ากระทรวงการคลังแทน
- ศาลตัดสินว่า "ผิด" เพราะมองว่าคุณทักษิณ (ซึ่งศาลมองว่ายังถือหุ้นชินคอร์ปผ่านนอมินี) ใช้อำนาจ “เอื้อประโยชน์ทับซ้อน” ทำให้รัฐวิสาหกิจรายได้ลดลงและกีดกันคู่แข่งรายใหม่เพื่อปกป้อง AIS ประหนึ่งว่า AIS ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงสัมปทานนี่แต่เพียงผู้เดียว
- แต่ในข้อเท็จจริง กรณีนี้ “รัฐก็ไม่ได้เสียหาย” เพราะเอกชนจ่ายเงินเข้ารัฐรวมเท่าเดิม (แค่เปลี่ยนมือคนรับจากองค์กรหนึ่งไปอีกองค์กรหนึ่ง เปลี่ยนจากเข้ารัฐวิสาหกิจสู่รัฐบาลโดยตรงผ่าน ก.คลัง)
ซึ่ง...เอาเข้าจริง จะนับว่าเป็น “ปรับโครงสร้าง” โทรคมนาคมให้รองรับการเปิดเสรี และกฎหมายนี้ก็บังคับใช้กับทุกค่ายมือถือ (DTAC, Orange ที่ปัจจุบันคือ True) เท่าเทียมกัน ไม่ใช่ AIS ได้ประโยชน์เพียงรายเดียว และหลังจากนโยบายบังคับใช้ หากใครจำได้ ค่าโทรศัพท์ต่อนาทีถูกลงอย่างเห็นได้ชัด ค่ายมือถือพากันออกโปรค่าโทรถูกเพื่อแข่งขันกัน (เช่น โปรบุฟเฟต์โทรไม่อั้น หรือ นาทีละไม่กี่สตางค์) มันคือผลส่วนหนึ่งจากนโยบายนี้นี่แหละ และการเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทานครั้งนั้น คนได้ประโยชน์คือชาวบ้านล้วนๆ
3. คดีหวยบนดิน คดีนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ผุดโปรเจคต์ “หวยบนดิน” เอาเงินขายหวยไปส่งเด็กบ้านนอกเรียนเมืองนอก แต่ต้องติดคุก 2 ปี
คดีนี้ยิ่งแล้วใหญ่เพราะ "เงินไม่ได้หายไปไหน (แถมรัฐบาลได้กำไร ไม่มีอะไรเสียหายเลย)" แต่ศาลมองว่าผิดที่ "กระบวนการและอำนาจทางกฎหมาย"
คดีหวยบนดิน ”ผิด“ เพราะศาลมองว่ารัฐเป็นเจ้ามือการพนันที่เสี่ยงขาดทุนไม่ได้ และนำเงินไปใช้นอกระบบงบประมาณที่ตรวจสอบยาก เรื่องนี้กลายเป็นคดีที่ผิด ม.157 (ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ) และความผิดตาม พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ปี 2517 เพราะมองว่ารัฐกินรวบ และศาลมองว่าไม่แก้กฎหมายก่อนทำโครงการ
แต่อีกมุมหนึ่ง นี่คือการ “ทลายหวยใต้ดิน” ได้สำเร็จที่สุด เป็นการทลายเครือข่ายเจ้ามือหวยใต้ดินและดึงเงินเม็ดเงินสีเทาให้กลายมาเป็นกำไรของรัฐรวมกว่า 3 หมื่นล้าน (ไม่ได้ขาดทุนสะสม)
และดอกผลที่ชาวบ้านได้รับโดยตรงคือการนำกำไรส่วนนี้ไปตั้งเป็นกองทุนการศึกษา “หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน” (ODOS) ส่งเด็กยากจนในชนบทไปเรียนต่อต่างประเทศ มีการนำเงินหวยบนดิน ซื้ออุปกรณ์การแพทย์-รถดับเพลิง ฯลฯ มันคือการทลายทุนเทา และ เปลี่ยนเงินพนันให้เป็นโอกาสของคนจนไปในตัว รัฐไม่เสียหายอะไร และไม่มีใคร “โกง” อะไรเลยจากโครงการนี้
ที่สำคัญ เอาแค่ 3 คดีนี้ ที่ทำให้คุณทักษิณโดยตรง หลายคดีดำเนินบนกระบวนการที่มีปัญหา หลังรัฐประหาร 2549 มีการตั้ง “คณะกรรมการ คตส.” ในคณะกรรมการหลายคนคือคนที่เกลียดทักษิณมารวมตัวกัน ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อหาข้อกฎหมายมาเล่นงานคุณทักษิณโดยเฉพาะ จนกระทั่งกลายเป็นข้อหาและนำมาตัดสินว่าเขาผิด
และหากเลยจาก 3 คดีนี้ไปอีกคดี ก็คือ “คดี ม.112” ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องคุณทักษิณไปแล้ว และอัยการมีมติไม่อุทธรณ์ต่อ แต่อัยการก็ฉีกมติทิ้งและเดินหน้าอุทธรณ์ต่อในวันนี้ ทั้งๆ ที่หลักฐานคดีนี้เป็นหนึ่งหลักฐานคดีที่ปัญญาอ่อนที่สุดครั้งหนึ่งเท่าที่ได้เห็นมา กล่าวคือ ดำเนินคดียุครัฐประหาร 57 ผ่านการแปลคำสัมภาษณ์ Palace Circle และตีความว่าหมิ่นสถาบันฯ เลยนำมาฟ้องดำเนินคดี
ความไม่ถูกใจ-ไม่พอใจทางการเมืองต่อคุณทักษิณ ทั้งในเรื่องแนวคิด และนโยบายทางการเมือง ควรต้องถูกแยกออกจากข้อเท็จจริงเหล่านี้ เราสามารถวิจารณ์คุณทักษิณในมุมมองเหล่านั้นได้อย่างเสรี และบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ไม่มีใครไปแจ้งจับคุณถ้าหากคุณด่าทักษิณบนพื้นฐานการด่าบนหลักนี้แน่นอน เพราะเห็นก็ทำกันมา 20 กว่าปี เห็นมีอะไรก็ด่าทักษิณกันไว้ก่อนเป็นปกติ
และความรู้สึกว่า “ทักษิณสมควรติดคุกเพราะโกง“ ก็เป็นผลผลิตของกระบวนการที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำลายคุณทักษิณโดยเฉพาะหลัง 2 รัฐประหาร (49-57) มากกว่าจะเป็นข้อสรุปจากข้อเท็จจริงอย่างเป็นธรรม กระบวนการนี้ค่อยๆ ฝังความเชื่อผิดรูปให้สังคมยอมรับว่าเป็นความจริง
ทั้งที่แท้จริงแล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่กับตัวทักษิณคนเดียว แต่คือการทำลายโอกาสของประเทศตลอดเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมาโอกาสที่อาจทำให้ประเทศไทยเดินหน้าได้ไกลกว่านี้
หากไม่ถูกดึงถอยด้วยเกมการเมืองทำลายล้างแบบนี้
https://www.facebook.com/photo?fbid=2152856671789417&set=a.124630191278752