วันศุกร์, พฤศจิกายน 07, 2568

กมธ. ความมั่นคงแห่งรัฐฯ เรียก 5 คนไทยแจงโยง B.I.C. Group ใครมา ใครไม่มา และแต่ละคนปฏิเสธอย่างไรบ้าง ?


นายรังสิมันต์ โรม ประธาน กมธ. ความมั่นคงแห่งรัฐฯ แถลงความคืบหน้าหลังสิ้นสุดการประชุมวันนี้ บอกว่ามีบุคคลรายเดียวเข้ามาชี้แจงกับ กมธ. วันนี้้

5 พฤศจิกายน 2025
บีบีซีไทย

อดีตนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการคลัง อดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และนักธุรกิจชื่อดังของไทย ถูกเชิญมาให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากปรากฏรายชื่อเชื่อมโยงกับบริษัทและบุคคลที่อยู่ในบัญชีที่จะถูกทางการสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตร ฐานพัวพันกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่เชื่อมโยงกับสแกมเมอร์ในกัมพูชา

เดือน ก.ย. ที่ผ่านมา นายชรีฟ เจฟเฟอร์สัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จากพรรครีพับลิกันในรัฐอินเดียนา เสนอร่างกฎหมายต่อรัฐสภาของสหรัฐฯ เพื่อจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจร่วมระหว่างหน่วยงานเพื่อปราบปรามกลุ่มอาชญากรข้ามชาติที่ฉ้อโกงชาวอเมริกันในร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวระบุว่าประธานาธิบดีมีสิทธิใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อปราบปรามกลุ่มอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับระบุรายชื่อชาวต่างชาติและบริษัทที่ถูกพิจารณาว่าจะถูกใช้มาตรการนี้ เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับศูนย์หลอกลวงออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการค้ามนุษย์

หนึ่งในหลายสิบรายชื่อตามเนื้อหาร่างกฎหมายนั้น คือ นายยิม เลียก นักธุรกิจชาวกัมพูชา และ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ นักธุรกิจเชื้อสายแอฟริกาใต้

ในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลอนุทินในวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จากพรรคประชาชน บอกว่านายเบนจามินเคยมีประวัติทำธุรกิจสแกมเมอร์รุ่นดั้งเดิมมาก่อน ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา

นอกจากนี้ ชายคนนี้ยังรู้จักกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงปรากฏภาพของเขาไปงานบุญร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ

ขณะที่ นายยิม เลียก มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายเบนจามิน โดยในการอภิปรายของนายรังสิมันต์ อ้างอิงรายงานของนายทอม ไรท์ นักข่าวจากเว็บไซต์ข่าว Whale Hunting ที่ระบุว่า นักธุรกิจชาวแอฟริกาใต้ผู้นี้ เป็นคนแนะนำให้นายยิม เลียก สร้างรายได้ผ่านการพัฒนาที่ดินเป็นกาสิโนเพื่อใช้ฟอกเงินให้กับพวกทุนจีน โดยหนึ่งในนั้นคือโครงการเมืองใหม่ดาราสาครที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ชายฝั่งทะเลในจังหวัดเกาะกงของกัมพูชา

เมืองใหม่ไม่ไกลจากชายแดน จ.ตราด ของไทยแห่งนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ

วันนี้ (5 พ.ย.) คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายรังสิมันต์ โรม เป็นประธาน กมธ. นัดประชุมพิจารณาศึกษาปัญหาการฟอกเงินของกลุ่มทุนกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กรณีกลุ่มบริษัทบีไอซีกรุ๊ป (B.I.C. Group) ธนาคารบีไอซี (B.I.C. Bank) ซึ่งมีนายยิม เลียก เป็นประธาน เนื่องจากเห็นว่าการที่เครือข่ายบริษัทนี้มีสำนักงานและมีธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเงินและตลาดหลักทรัพย์ในไทย กำลังกระทบต่อความมั่งคงและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของประเทศ

รายชื่อบุคคลที่ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ เชิญมาให้ข้อมูลในวันนี้ ได้แก่
  • นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง
  • นายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล
  • พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ ปัจจุบันนั่งเป็นกรรมการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยหลายแห่ง
  • ผศ.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อดีตปลัดหลายกระทรวง ไม่ว่าจะเป็นคลัง พลังงาน หรือการท่องเที่ยวและกีฬา
  • นายรีวิน เพทายบรรลือ กรรมการ บจก.ไพร์มสตรีท แอดไวเซอรี่ (ประเทศไทย)
  • ประธานกรรมการ บจก.ไพรม์สตรีทแคปิตัล แต่ไม่ได้ระบุชื่อบุคคล
บีบีซีไทยพบว่ารายชื่อดังกล่าว บางคนมีความเกี่ยวข้องกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ นายยิม เลียก ไม่ก็มีรายชื่อนั่งอยู่ในคณะผู้บริหารของบีไอซีกรุ๊ป หรือธนาคารบีไอซี (กัมพูชา)

เหตุใด กมธ. เล็งเป้าเครือข่ายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ และนายยิม เลียก ?

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ จากพรรค ปชน. ขึ้นอภิปรายนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าด้วยการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมไซเบอร์

ในการอภิปรายดังกล่าว นายวิโรจน์ตั้งข้อสงสัยว่ามีทุนข้ามชาติที่อาจเกี่ยวข้องกับขบวนการอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชา เข้ามาซื้อหุ้น บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชัน (BCP) มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท โดยเริ่มจากการไล่ไทม์ไลน์ว่าในปี 2567 สำนักข่าวเอเชียเซนทิเนล (Asia Sentinel) ซึ่งเป็นสื่อในสหรัฐฯ รายงานว่ามี "กองทุนลึกลับ" พยายามเข้าซื้อหุ้นบางจากในส่วนที่กองทุนประกันสังคมถือครองอยู่ 14.1% มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท แต่การซื้อหุ้นดังกล่าวไม่เกิดขึ้น เนื่องจากคณะอนุกรรมการบริหารการลงทุนสำนักงานประกันสังคมไม่ได้คำตอบว่าผู้ที่ต้องการจะซื้อหุ้นคือใคร

สส.จากพรรคประชาชนผู้นี้อภิปรายต่อว่า จากนั้นกองทุนแคปปิตอล เอเชีย อินเวสต์เมนท์ (CAI) จากสิงคโปร์ ซึ่งมีแคทรียา บีเวอร์ ภรรยาของนายเบน สมิธ เป็นผู้จัดการกองทุนดังกล่าว ได้เข้ามาครองหุ้นบางจากในสัดส่วนถึง 14%

นายวิโรจน์อภิปรายว่า กองทุน CAI มีความเกี่ยวข้องกับนายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีต รมช.คลัง ของรัฐบาลนายอนุทิน ซึ่งขณะนั้นยังไม่ลาออกจากตำแหน่ง ในแง่ที่ว่านายวรภัคเคยเป็นผู้ก่อตั้ง บจก. พิลกริม ฟินันซ่า อินเวสเม้นท์ โฮลดิ้ง (PFIH) และในเวลาต่อมาหุ้นบริษัท ฟินันเซีย เอ็กซ์ จำกัด (FSX) ที่เคยถือครองโดยบริษัท PFIH ก็ตกไปอยู่กับกองทุน CAI

นายวิโรจน์ตั้งคำถามในการอภิปรายว่า ธุรกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดข้อสงสัยว่านายวรภัครู้จักกับนางแคทรียา และนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือไม่


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อจากพรรคประชาชน

ต่อมาในวันที่ 22 ต.ค. นายวรภัคออกมาประกาศว่าขอลาออกจากตำแหน่ง รมช. คลัง พร้อมกับชี้แจงว่ารู้จัก เบนจามิน เพราะลูกเรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่เว็บไซต์ Whale Hunting ที่เกาะติดความเคลื่อนไหวของเครือข่ายนายเบนจามิน เปิดหลักฐานว่าภรรยาของทั้งคู่ขายหุ้นให้ผู้ซื้อเดียวกันในวันเดียวกัน และทำธุรกิจร่วมกัน ซึ่งในเวลาต่อมานายวรภัคออกมาบอกว่าแค่เคยลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพด้วยกันเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ เดือน มี.ค. ปีนี้ กองทุน CAI ขายหุ้นกว่า 9% ให้กับ บจก.อัลฟ่า ชาร์เตอร์ด เอนเนอจี (ACE) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในไทยในเดือน มี.ค. 2568 โดยนายวิโรจน์บอกว่า บจก.ACE "ไล่ซื้อหุ้นบางจากเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนวันที่ 9 เม.ย. ทาง ACE เข้าครอบครองหุ้นบางจากได้ 20%"

นายวิโรจน์เปิดเผยว่า ACE มีผู้ถือหุ้น 2 รายคือ บจก.อัลฟ่า โกลบอล และ บจก.เอ็นคอร์ อิสชูแอนซ์ เอส เอ

ทั้งนี้ บจก.เอ็นคอร์ฯ เป็นบริษัทในเครือของชาร์เตอร์ด กรุ๊ป (Chartered Group) ซึ่งเป็นบริษัทด้านไพรเวทอิควิตี (Private Equity) ระดับโลกที่ดำเนินการลงทุนในบริษัทเอกชนไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเครือบริษัทนี้มีบริษัทลูกอีกแห่งหนึ่งชื่อว่า บมจ.โอปุส-ชาร์เตอร์ด อิชชูแอนเซสซ์ แอส.อา.

เขาอภิปรายต่อว่า บมจ.โอปุสฯ เข้าไปซื้อหุ้นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการกองทุนประกันสังคมของไทย โดยในตอนนั้นกองทุนประกันสังคมถือหุ้นบางจากอยู่ที่ 15.1%

"การที่บริษัทในเครือข่ายของทุนที่น่าสงสัยเข้ามาซื้อหุ้น MFC จึงสร้างข้อกังวลอย่างยิ่ง เรื่องนี้เชื่อมโยงไปถึงกรณีตึก SKYY9 อันอื้อฉาว เพราะ MFC นี่เองที่ขายตึก SKYY9 ให้กับกองทุนประกันสังคมในราคา 7,000 ล้านบาท ทั้งที่การประเมินมูลค่าตลาดอยู่เพียง 3,428–3,863 ล้านบาท เท่านั้น" นายวิโรจน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทชาร์เตอร์ด กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บจก.เอ็นคอร์ฯ หนึ่งในผู้ถือหุ้น ACE ที่ไปซื้อหุ้นบางจาก ได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อว่ากลุ่มบริษัทฯ ไม่เคยมีและไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ โดยทางตรงหรือทางอ้อมกับนักการเมือง พรรคการเมือง หรือบุคคลและ/หรือกลุ่มบุคคลที่ปรากฏในสื่อ สิ่งพิมพ์ และสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน การดําเนินธุรกิจทั้งหมดของกลุ่มบริษัทเป็นไปตามกฎหมายและข้อกําหนดด้านกํากับดูแลที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ


นายวรภัค ธันยาวงษ์ ขณะเข้าพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล วันที่ 24 ก.ย. 2568 ต่อมาเขาแถลงลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา จากกรณีอื้อฉาวเกี่ยวข้องกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ และนายยิม เลียก

นอกจาก "ความพยายามฮุบหุ้นบางจาก" ซึ่งเป็นคำที่นายวิโรจน์ใช้อภิปรายแล้ว อีกหนึ่งจุดที่น่าสังเกตในความเห็นของ สส.รายนี้ คือ ที่ตั้งของ บจก.อัลฟ่า โกลบอล หนึ่งในผู้ถือหุ้นหลักของ ACE ซึ่งเป็นผู้ซื้อหุ้นบางจาก

เขาพบว่าบริษัทแห่งนี้มีสำนักงานอยู่ที่ชั้น 28 อาคารเกษรทาวเวอร์ ชั้นเดียวกันกับสำนักงานของ บจก.เอเพกซ์ เอคควิตี้ เวนเจอร์ ซึ่งเจ้าของบริษัท คือ ภรรยาของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ และชั้นเดียวกันนี้ ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานบีไอซีกรุ๊ปของนายยิม เลียก

นายวิโรจน์ตั้งข้อสันนิษฐานว่าบีไอซีกรุ๊ปของนายยิม เลียก อาจพยายาม "แทรกแซงการกำกับดูแลระบบการเงินและการธนาคารของประเทศไทย" หรือไม่ เนื่องจากพบว่าธนาคารบีไอซีของเครือบีไอซีกรุ๊ป เคยมีประธานคนแรกชื่อว่านายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ุ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง

"เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 68 สถิตย์ได้รับการแต่งตั้งจาก นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลังในขณะนั้น ให้เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย นอกจากนั้นวันที่ 20 มี.ค. 68 สถิตย์ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือกผู้ว่าแบงก์ชาติ (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ด้วยอีกตำแหน่ง" นายวิโรจน์ กล่าว

ที่มาที่ไปของผู้ถูกเชิญมาให้ข้อมูลกับ กมธ. ความมั่นคงแห่งรัฐฯ

(คนซ้ายมือ) นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เป็นประธานบริษัทธนาคารบีไอซี (กัมพูชา) จากรายงานประจำปีของธนาคารฯ ในปี 2561
  • นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์
จากรายงานประจำปี 2561 ของธนาคารบีไอซี (กัมพูชา) ระบุว่า นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เป็นประธานบริษัท (Chairman) และให้ประวัติว่าเคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังของไทย รวมถึงองค์กรภาครัฐและเอกชนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.), ธนาคารแห่งประเทศไทย, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ, ธนาคารกรุงไทย, กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต และ ธนาคารทหารไทย (TMB Bank)

วันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา นายสถิตย์เปิดเผยกับประชาชาติธุรกิจว่า ตนเองเคยมีส่วนร่วมก่อตั้งธนาคารบีไอซีในปี 2561 ซึ่งเป็นช่วงหลังเกษียณจากตำแหน่งปลัดคลังแล้ว โดยในตอนนั้นมีเพียงแค่ตัวเขา นายรีวิน เพทายบรรลือ และตัวแทนธนาคารบีไอซี (สปป.ลาว) เท่านั้น

พอร่วมกันก่อตั้งธนาคารเสร็จ ตัวเขาก็ลาออก โดยจะเห็นได้ว่าไม่ปรากฏชื่อของเขาในรายงานประจำปี 2562 ของธนาคารบีไอซี (กัมพูชา)

ทั้งนี้ เขายืนยันกับประชาชาติธุรกิจว่า "ผมแค่ไปตั้งแบงก์ ไม่ได้เกี่ยวกับอย่างอื่นเลย จึงต้องขอความเป็นธรรม" และเรื่องคอลเซ็นเตอร์ก็เกิดขึ้น 2021 ซึ่งตอนก่อตั้งธนาคารยังไม่มีกรณีนี้ด้วยซ้ำ

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับนายยิม เลียก ก็ไม่มีอะไรกัน ได้เจอกันแค่ตอนตั้งธนาคาร และตอนไปงานแต่งงานลูกสาวนักธุรกิจไทยรายหนึ่ง


จากรายงานประจำปีของธนาคารบีไอซี (กัมพูชา) ปี 2561 ระบุว่ามีผู้อำนวยการ (director) 3 ราย คือ นายยิม เลียก (คนขวามือ) และ นายรีวิน เพทายบรรลือ ทั้งนี้ปรากฏชื่อคนไทยอีกรายนั่งตำแหน่งนี้ด้วย แต่ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ไม่ได้เชิญมาชี้แจงข้อมูล
  • นายรีวิน เพทายบรรลือ
จากรายงานประจำปี 2561 ของธนาคารบีไอซี (กัมพูชา) ยังปรากฏชื่อ นายรีวิน เพทายบรรลือ กรรมการ บจก.ไพร์มสตรีท แอดไวเซอรี่ (ประเทศไทย) นั่งตำแหน่งผู้อำนวยการ (director) โดยระบุประวัติในรายงานว่า เขามีความเชี่ยวชาญครอบคลุมด้านการเงินองค์กร การควบรวมและซื้อกิจการ รวมถึงการจัดหาเงินทุน โดยมีประสบการณ์ในหลากหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ โทรคมนาคม โครงสร้างพื้นฐาน พลังงานและสาธารณูปโภค เหมืองแร่ อสังหาริมทรัพย์ และสถาบันการเงิน อีกทั้งยังมีความชำนาญในการทำธุรกรรมการควบรวมกิจการ (M&A) ข้ามพรมแดน และให้คำปรึกษากองทุนไพรเวทอิควิตีและกองทุนเฮดจ์

ปัจจุบัน เขาดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการ บจก.ไพรม์สตรีทแคปิตัล (Prime Street Capital) ด้วย จากข้อมูลในกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ทั้งนี้ บจก.ไพรม์สตรีทแคปิตัล ประกอบธุรกิจบริการรับเป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำเกี่ยวกับด้านบริหารงานพาณิชกรรม และเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ กมธ. เรียกมาชี้แจงวันนี้

วันนี้ สำนักข่าวอิศรารายงานว่า บจก.ไพร์มสตรีท แอดไวเซอรี่ (ประเทศไทย) ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าบริษัทฯ และนายรีวิน ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนต่อการกระทำใด ๆ ที่เป็นความผิดอาญา โดยชี้แจงว่า หลังจากธนาคารบีไอซีได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งชาติกัมพูชาแล้ว ทางบริษัทฯ และนายรีวิน ได้ยุติบทบาททุกสถานะ

แถลงการณ์ระบุว่า นายรีวิน ไม่เคยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือยุ่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการใด ๆ ของธนาคารบีไอซี และช่วงเวลาที่บริษัทฯ กับนายรีวินสิ้นสุดความเกี่ยวข้องกับธนาคารดังกล่าว ก็เกิดขึ้นก่อนจะมีปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ

"บริษัทฯ และนายรีวินตระหนักถึงความเดือดร้อนของสังคมจากอาชญากรรมอันร้ายแรงในลักษณะนี้ และพร้อมให้ความร่วมมือให้ข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์เพื่อความถูกต้องและประโยชน์ของประเทศชาติ" แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ


หน้าเว็บไซต์ของบีไอซีกรุ๊ป (B.I.C Group) ซึ่งปรากฏชื่อและภาพบุคคลมีชื่อเสียงของไทยว่านั่งอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารของเครือ ได้แก่ นายวรภัค ธันยาวงษ์, ผศ.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม, และ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ
  • นายวรภัค ธันยาวงษ์
นอกจากนายวรภัคจะถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ผ่านการทำธุรกิจต่าง ๆ ในห้วงที่ผ่านมา บีบีซีไทยพบว่าชื่อของเขาปรากฏชื่อบนเว็บไซต์บีไอซีกรุ๊ปด้วย

ในหน้าเว็บไซต์ของบีไอซีกรุ๊ป ซึ่งปัจจุบันถูกลบออกไปแล้วนั้น ระบุว่านายวรภัคดำรงตำแหน่ง Board Advisory หรือที่ปรึกษาคณะกรรมการ

วันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา เขาบอกกับสื่อว่า "การที่เขา [BIC Group] นำรูปและชื่อของผมไปใช้ลงว่าเป็นที่ปรึกษากับกลุ่มธนาคารนั้น ผมไม่เคยทราบมาก่อน แต่พอมีคนบอก เข้าไปดูอีกทีก็ไม่มี [ข้อมูล] แล้ว เขาเอาออกไป" พร้อมกับปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับธนาคารบีไอซี (กัมพูชา) โดยบอกว่าไม่เคยนั่งตำแหน่งใด ๆ และไม่เคยได้รับเงินหรือผลตอบแทนจากที่นั่น
  • ผศ.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม
นอกจากนายวรภัคแล้ว บนเว็บไซต์ของเครือบีไอซีกรุ๊ป ยังระบุว่า ผศ.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม นั่งตำแหน่ง Board Advisory หรือที่ปรึกษาคณะกรรมการด้วย

ผศ.อารีพงศ์ เคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง, ปลัดกระทรวงพลังงาน, และปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามาก่อน ปัจจุบันเกษียณราชการแล้ว
  • พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ
อีกหนึ่งรายชื่อคนไทยที่ปรากฏบนหน้าเว็บไซต์บีไอซีกรุ๊ปที่ถูกลบออกไปแล้ว คือ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ ปัจจุบันเกษียณราชการแล้ว และนั่งเป็นกรรมการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยหลายแห่ง รวมถึงเป็นกรรมการอิสระ บมจ.บีซีพีจี ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบางจากด้วย

สำนักข่าวพีพีทีวีรายงานว่า พล.ต.อ.วิสนุ ยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับธนาคารบีไอซี และให้ฝ่ายกฎหมายตำหนิไปทางบีไอซีไปแล้ว จากกรณีที่นำภาพของเขาไปใช้ในเว็บไซต์โดยพลการ รวมถึงท้วงถามเหตุผลที่นำภาพของ พล.ต.อ.วิสนุ ไปใช้ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ

"เบื้องต้นเดาว่า อาจเป็นเพราะตนเคยรู้จักกับนาย ยิม เลียก ประธานธนาคารบีไอซี (กัมพูชา) ในฐานะที่เขาเป็นนักธุรกิจด้านธนาคารรุ่นใหม่เพียงเท่านั้น ไม่ได้ไปรู้เบื้องลึกว่าเขาไปมีส่วนกับการฟอกเงินผิดกฎหมายแต่อย่างใด จึงอาจมีการนำชื่อตนซึ่งเป็นที่รู้จักในแวดวงราชการและภาคธุรกิจ เอาไปแอบอ้างเพื่อสร้างเครดิตให้กับบีไอซีกัมพูชา" พล.ต.อ.วิสนุ บอกกับพีพีทีวี

เขายังบอกด้วยว่าจากกรณีที่มีบางสำนักข่าวหรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์บางคน ขยายความว่าตนเองในฐานะที่เป็นกรรมการตรวจสอบ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือชื่อเดิม คือ บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี 2549 เป็นผู้อนุมัติให้นักลงทุนชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไซเบอร์นั้น "ขอตั้งสังเกตว่าผู้เขียนเจตนาให้ร้าย ให้ตนเกิดความเสื่อมเสีย" โดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าตำแหน่งผู้ตรวจสอบไม่มีอำนาจทำเช่นนั้น

ทั้งนี้ บจก. พิลกริม ฟินันซ่า อินเวสเม้นท์ โฮลดิ้ง (PFIH) ซึ่งเป็นบริษัทที่นายวรภัคก่อตั้ง เคยเข้าซื้อหุ้น บล.ฟินันเซีย ไซรัสฯ ในปี 2564

พล.ต.อ.วิสนุ ยืนยันกับพีพีทีวีว่า ตนเองเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเครือบีไอซีกรุ๊ปอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ให้สังคมได้ทราบความจริงต่อไป แต่เขาจำเป็นต้องออกมาชี้แจง เพราะถ้าหากนิ่งเฉยก็จะถูกสังคมเข้าใจผิดว่าเป็นการยอมรับ พร้อมกับจ่อฟ้อง "คนที่ไปเขียนข่าวให้ร้ายตนทุกราย"

รังสิมันต์ เผยวันนี้มีเพียง "สถิตย์" ที่มาชี้แจงกับ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ

เวลาประมาณ 15.40 น. ของวันนี้ นายรังสิมันต์ในฐานะประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ แถลงข่าวที่รัฐสภาหลังจบการประชุมว่าภาพรวมการประชุมเป็นไปด้วยดี มีความคืบหน้าพอสมควร แต่ยังไม่เป็นที่พึงพอใจและเท่าทันต่อสถานการณ์นัก

เขาบอกว่ามีเพียงนายสถิตย์ที่ให้ความร่วมมือมาให้ข้อมูลกับ กมธ. ด้วยตนเอง ส่วนนายวรภัค และ ผศ.อารีพงศ์ ส่งหนังสือชี้แจงว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธนาคารบีไอซี

สำหรับข้อมูลของนายสถิตย์ที่แจงต่อ กมธ. ค่อนข้างสอดคล้องกับที่บอกกับสาธารณะก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าตนเองเข้าไปเป็นประธานธนาคารบีไอซีจากการชักชวนของนักธุรกิจคนหนึ่ง และอยู่ในตำแหน่งแค่ปีเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ได้ดำเนินการอะไรต่อ

นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า กมธ. ยังได้สอบถามนายสถิตย์ เกี่ยวกับกรณีความเชื่อมโยงระหว่างธนาคารบีไอซีกับบริษัทเจิ้งเหอ (Zhengheng) ซึ่งภายหลังถูกคว่ำบาตรโดยทางการอังกฤษ เนื่องจากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินให้เครือข่ายสแกมเมอร์ด้วย แต่นายสถิตย์ชี้แจงว่าไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

ส่วนในแง่ความสัมพันธ์ส่วนตัว นายสถิตย์บอกว่าตนเองรู้จักกับพ่อของนายยิม เลียก ซึ่งเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชามากกว่านายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ซึ่งไม่ได้สนิทคุ้นเคยเป็นการส่วนตัว และเคยพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมวันนี้ ทาง กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ยังติดตามกรณีนายเบนจามินเคยยื่นขอสัญชาติไทยด้วย และได้ข้อมูลว่าชายผู้กว้างขวางรายนี้มีหลายสัญชาติ ส่วนขั้นตอนการขอสัญชาติในไทยนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว และมีการส่งคำร้องคืนไปยังผู้ขอเนื่องจากพบว่ามีความพยายามในการตกแต่งบัญชีในการยื่นภาษี ทำให้ไม่สามารถขอสัญชาติได้

นายรังสิมันต์เปิดเผยด้วยว่า ทาง กมธ. พบหลักฐานบางประการที่อาจจะทำให้ดำเนินคดีบางอย่างเพิ่มเติมกับนายเบนจามินได้อีกด้วย

ในการแถลงต่อสื่อวันนี้ นายรังสิมันต์ยังแสดงความผิดหวัง เมื่อเห็นว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติวานนี้ (4 พ.ย.) แต่งตั้งนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษา ร.อ.ธรรมนัส รมว.เกษตรฯ เป็นข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

นายเบนจามิน หรือ นายเบน สมิธ เพิ่งมอบอำนาจให้นายธนดลเป็นทนายความยื่นฟ้องนายรังสิมันต์ในข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมกับเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท เนื่องจากถูกพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์และเครือข่ายฟอกเงินข้ามชาติ จากการอภิปรายนโยบายรัฐบาลอนุทินในวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา

"แม้จะบอกว่าเป็นเรื่องของโควตาของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่มีการแบ่งสรรกัน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาที่ประชาชนมองก็จะมองว่า ทำไมนายกรัฐมนตรีถึงไม่คิดห้ามปรามหรือดำเนินการ เพื่อไม่ให้คนอย่างที่ปรึกษาของเบน สมิธ เข้าไปมีตำแหน่งที่สูงขนาดนี้" นายรังสิมันต์ กล่าว

https://www.bbc.com/thai/articles/ckg1l6jjk37o