iLaw
12 hours ago
·
ศาลปกครองกำลังมีนัดในคดีที่ฟ้องกองทัพบกขอให้เลิกปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) ต่อประชาชน โดยนัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันที่ 15 ตุลาคม 2568 และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 30 ตุลาคม 2568 จึงชวนย้อนดูหลักฐานที่สำคัญในคดีส่วนหนึ่ง เหตุผลที่เชื่อได้ว่า บัญชีที่มุ่งโจมตีประชาชนนั้นเป็นปฏิบัติการของกองทัพจริง
1. รัฐบาลและกองทัพไทย มีประวัติโดนบริษัทเทคจับได้ว่า ทำไอโอ
เดือนตุลาคม 2563 ทวิตเตอร์เผยแพร่รายงาน “Disclosing networks to our state-linked information operations archive” ระบุตอนหนึ่งว่า “…การสอบสวนของเราได้พบเครือข่ายของบัญชีจำนวนมากที่ร่วมกันทำปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปยังกองทัพบกได้อย่างน่าเชื่อถือ บัญชีเหล่านี้ร่วมกันขยายเนื้อหาในทางสนับสนุนกองทัพบก รัฐบาลและยังมีพฤติกรรมที่ตั้งเป้าหมายบุคคลที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่มีชื่อเสียง วันนี้เราปิดบัญชีที่เกี่ยวข้องจำนวน 929 บัญชี” https://blog.x.com/.../disclosing-removed-networks-to-our...
เดือนกุมภาพันธ์ 2564 เฟซบุ๊กเผยแพร่รายงาน “February 2021 Coordinated Inauthentic Behavior Report” ระบุว่า ลบบัญชีเฟซบุ๊ก 77 บัญชี กลุ่มเฟซบุ๊ก 18 กลุ่มและบัญชีอินสตาแกรม 18 บัญชี ซึ่งมีที่มาในประเทศไทยและตั้งเป้าหมายต่อผู้ชมภายในประเทศในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ จากการสืบสวนมีความเชื่อมโยงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) https://about.fb.com/.../03/February-2021-CIB-Report.pdf
.
2. พฤติกรรมโพสเนื้อหาของเครือข่ายบัญชีสอดคล้องกับภารกิจทหาร
กองทัพบกและผู้บัญชาการกองทัพบก ในฐานะผู้ถูกฟ้องคดีให้การต่อศาลปกครองว่า ในระหว่างที่ประเทศอยู่ในสภาวะปกติ ไม่มีปฏิบัติการรบ กองทัพบกมีการประชาสัมพันธ์และปฏิบัติการไซเบอร์ เพื่อสร้างการตระหนักรู้ข้อเท็จจริง ข้อมูล ข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร
ด้านพล.ต.ธรรมนูญ ไม้สนธิ์ ผู้แทนกอ.รมน. เคยกล่าวไว้ว่า กอ.รมน.ไม่มีการทำไอโอ แต่อย่างใด “หน่วยงานระดับ กอ.รมน. เป็นหน่วยงานประชาสัมพันธ์หรือเสริมสร้างประชาชนให้มีความตระหนักรู้ในเรื่องเกี่ยวกับหน้าที่และการพิทักษ์รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหลัก”
จากเอกสารหัวข้อ “ยุทธศาสตร์ฝ่ายเรา ประจำวันที่ 17-23 ส.ค. 67” ที่เผยแพร่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจพบว่า เพจเฟซบุ๊กไอโอในเอกสารดังกล่าวจำนวนมากเผยแพร่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางเทิดทูน และเผยแพร่ภารกิจของหน่วยงานทหาร สอดคล้องกับที่กองทัพพยายามอธิบายเอาไว้ โดยมีภาพพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ มีภาพปฏิบัติการของทหารในลักษณะจัดทำจากบุคคลภายในปฏิบัติการ ประชาชนทั่วไปไม่สามารถนำเสนอภาพและข้อมูลเช่นนี้ได้
.
3. มีการใช้ภาพและเนื้อหาแบบเดียวกันโพสต์บนเพจเฟซบุ๊กหลายเพจ
เพจเฟซบุ๊กหลายเพจตามเอกสารที่ยื่นต่อศาล มีพฤติกรรมโพสเนื้อหาโจมตีให้ร้ายต่อบุคคลอื่นหลายครั้ง โดยต่างโพสภาพและเนื้อหาที่ซ้ำๆ กันอยู่เป็นประจำ ในวันและเวลาที่แตกต่างกันเล็กน้อยสลับกันไปมา แสดงให้เห็นถึงการทำงานประสานกันหรือร่วมกันนำเสนอเนื้อหาในประเด็นซ้ำๆ ตามวัตถุประสงค์ที่มีร่วมกัน และแสดงให้เห็นว่าบัญชีเหล่านี้ไม่ใช่บัญชีของบุคคลธรรมดาที่จัดทำขึ้นโดยอิสระและโพสต์แสดงความคิดเห็นโดยอิสระ แต่เป็นการจัดทำโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเดียวกันที่ทำงานโดยประสานงานกันหรือร่วมกันจัดทำภาพและเนื้อหาต่างๆ เพื่อใช้บนพื้นที่ของทุกเพจ
อีกหลายเพจที่ปรากฏตามเอกสารฉบับเดียวกัน มีพฤติกรรมที่โพสถึงประเด็นทางการเมืองในเรื่องเดียวกัน ข้อความเดียวกัน หรือใช้ภาพเดียวกัน ในวันและเวลาไล่เลี่ยกันอยู่เป็นประจำ ทั้งที่ภาพที่เอามาโพสนั้นเป็นเพียงการกล่าวหาที่ไม่มีพื้นฐานข้อเท็จจริงและเหตุผล ที่วิญญูชนคนธรรมดาไม่น่าจะหลงเชื่อและนำมาโพสต่อได้
.
4. เครือข่ายบัญชีไอโอเป็นเพื่อนกันเอง และกดไลก์กันเอง
บัญชีโซเชียลมีเดียในเอกสารที่เสนอต่อศาลจำนวนหนึ่งเป็นบัญชีประเภทบุคคลธรรมดา ไม่ใช่เพจ ซึ่งเมื่อสืบค้นพฤติกรรมของบัญชีเหล่านี้พบว่า มีเพื่อนเพียงไม่กี่คน และทุกคนในนั้นเป็นเพื่อนกันเองอยู่กลุ่มเดียว ไม่มีบุคคลอื่นเป็นเพื่อน โดยบัญชีทั้งหมดยังมีพฤติกรรมการโพสเนื้อหาเพียงเรื่องการเมืองไม่กี่เรื่องเป็นการโจมตีฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล
หรือกรณีของบัญชีต่างๆ ที่มากดไลค์โพสของเพจเฟซบุ๊ก “FC นายกตู่” ซึ่งเพจนี้มีการโพสต์เนื้อหาต่อเนื่องทั้งที่มีอัตรา Reaction ที่ต่ำหรือบางโพสไม่มีปฏิสัมพันธ์กับบัญชีเฟซบุ๊กอื่นๆ เลย
https://www.ilaw.or.th/articles/54102
https://www.facebook.com/iLawClub/posts/pfbid0FhvV9iMGxV6DHieXBCdUkkPC88Z9AtZs74g5p5uPvTtzufPtTiZXj9jSiqwa94VZl
·
ศาลปกครองกำลังมีนัดในคดีที่ฟ้องกองทัพบกขอให้เลิกปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) ต่อประชาชน โดยนัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันที่ 15 ตุลาคม 2568 และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 30 ตุลาคม 2568 จึงชวนย้อนดูหลักฐานที่สำคัญในคดีส่วนหนึ่ง เหตุผลที่เชื่อได้ว่า บัญชีที่มุ่งโจมตีประชาชนนั้นเป็นปฏิบัติการของกองทัพจริง
1. รัฐบาลและกองทัพไทย มีประวัติโดนบริษัทเทคจับได้ว่า ทำไอโอ
เดือนตุลาคม 2563 ทวิตเตอร์เผยแพร่รายงาน “Disclosing networks to our state-linked information operations archive” ระบุตอนหนึ่งว่า “…การสอบสวนของเราได้พบเครือข่ายของบัญชีจำนวนมากที่ร่วมกันทำปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปยังกองทัพบกได้อย่างน่าเชื่อถือ บัญชีเหล่านี้ร่วมกันขยายเนื้อหาในทางสนับสนุนกองทัพบก รัฐบาลและยังมีพฤติกรรมที่ตั้งเป้าหมายบุคคลที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่มีชื่อเสียง วันนี้เราปิดบัญชีที่เกี่ยวข้องจำนวน 929 บัญชี” https://blog.x.com/.../disclosing-removed-networks-to-our...
เดือนกุมภาพันธ์ 2564 เฟซบุ๊กเผยแพร่รายงาน “February 2021 Coordinated Inauthentic Behavior Report” ระบุว่า ลบบัญชีเฟซบุ๊ก 77 บัญชี กลุ่มเฟซบุ๊ก 18 กลุ่มและบัญชีอินสตาแกรม 18 บัญชี ซึ่งมีที่มาในประเทศไทยและตั้งเป้าหมายต่อผู้ชมภายในประเทศในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ จากการสืบสวนมีความเชื่อมโยงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) https://about.fb.com/.../03/February-2021-CIB-Report.pdf
.
2. พฤติกรรมโพสเนื้อหาของเครือข่ายบัญชีสอดคล้องกับภารกิจทหาร
กองทัพบกและผู้บัญชาการกองทัพบก ในฐานะผู้ถูกฟ้องคดีให้การต่อศาลปกครองว่า ในระหว่างที่ประเทศอยู่ในสภาวะปกติ ไม่มีปฏิบัติการรบ กองทัพบกมีการประชาสัมพันธ์และปฏิบัติการไซเบอร์ เพื่อสร้างการตระหนักรู้ข้อเท็จจริง ข้อมูล ข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร
ด้านพล.ต.ธรรมนูญ ไม้สนธิ์ ผู้แทนกอ.รมน. เคยกล่าวไว้ว่า กอ.รมน.ไม่มีการทำไอโอ แต่อย่างใด “หน่วยงานระดับ กอ.รมน. เป็นหน่วยงานประชาสัมพันธ์หรือเสริมสร้างประชาชนให้มีความตระหนักรู้ในเรื่องเกี่ยวกับหน้าที่และการพิทักษ์รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหลัก”
จากเอกสารหัวข้อ “ยุทธศาสตร์ฝ่ายเรา ประจำวันที่ 17-23 ส.ค. 67” ที่เผยแพร่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจพบว่า เพจเฟซบุ๊กไอโอในเอกสารดังกล่าวจำนวนมากเผยแพร่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางเทิดทูน และเผยแพร่ภารกิจของหน่วยงานทหาร สอดคล้องกับที่กองทัพพยายามอธิบายเอาไว้ โดยมีภาพพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ มีภาพปฏิบัติการของทหารในลักษณะจัดทำจากบุคคลภายในปฏิบัติการ ประชาชนทั่วไปไม่สามารถนำเสนอภาพและข้อมูลเช่นนี้ได้
.
3. มีการใช้ภาพและเนื้อหาแบบเดียวกันโพสต์บนเพจเฟซบุ๊กหลายเพจ
เพจเฟซบุ๊กหลายเพจตามเอกสารที่ยื่นต่อศาล มีพฤติกรรมโพสเนื้อหาโจมตีให้ร้ายต่อบุคคลอื่นหลายครั้ง โดยต่างโพสภาพและเนื้อหาที่ซ้ำๆ กันอยู่เป็นประจำ ในวันและเวลาที่แตกต่างกันเล็กน้อยสลับกันไปมา แสดงให้เห็นถึงการทำงานประสานกันหรือร่วมกันนำเสนอเนื้อหาในประเด็นซ้ำๆ ตามวัตถุประสงค์ที่มีร่วมกัน และแสดงให้เห็นว่าบัญชีเหล่านี้ไม่ใช่บัญชีของบุคคลธรรมดาที่จัดทำขึ้นโดยอิสระและโพสต์แสดงความคิดเห็นโดยอิสระ แต่เป็นการจัดทำโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเดียวกันที่ทำงานโดยประสานงานกันหรือร่วมกันจัดทำภาพและเนื้อหาต่างๆ เพื่อใช้บนพื้นที่ของทุกเพจ
อีกหลายเพจที่ปรากฏตามเอกสารฉบับเดียวกัน มีพฤติกรรมที่โพสถึงประเด็นทางการเมืองในเรื่องเดียวกัน ข้อความเดียวกัน หรือใช้ภาพเดียวกัน ในวันและเวลาไล่เลี่ยกันอยู่เป็นประจำ ทั้งที่ภาพที่เอามาโพสนั้นเป็นเพียงการกล่าวหาที่ไม่มีพื้นฐานข้อเท็จจริงและเหตุผล ที่วิญญูชนคนธรรมดาไม่น่าจะหลงเชื่อและนำมาโพสต่อได้
.
4. เครือข่ายบัญชีไอโอเป็นเพื่อนกันเอง และกดไลก์กันเอง
บัญชีโซเชียลมีเดียในเอกสารที่เสนอต่อศาลจำนวนหนึ่งเป็นบัญชีประเภทบุคคลธรรมดา ไม่ใช่เพจ ซึ่งเมื่อสืบค้นพฤติกรรมของบัญชีเหล่านี้พบว่า มีเพื่อนเพียงไม่กี่คน และทุกคนในนั้นเป็นเพื่อนกันเองอยู่กลุ่มเดียว ไม่มีบุคคลอื่นเป็นเพื่อน โดยบัญชีทั้งหมดยังมีพฤติกรรมการโพสเนื้อหาเพียงเรื่องการเมืองไม่กี่เรื่องเป็นการโจมตีฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล
หรือกรณีของบัญชีต่างๆ ที่มากดไลค์โพสของเพจเฟซบุ๊ก “FC นายกตู่” ซึ่งเพจนี้มีการโพสต์เนื้อหาต่อเนื่องทั้งที่มีอัตรา Reaction ที่ต่ำหรือบางโพสไม่มีปฏิสัมพันธ์กับบัญชีเฟซบุ๊กอื่นๆ เลย
https://www.ilaw.or.th/articles/54102
https://www.facebook.com/iLawClub/posts/pfbid0FhvV9iMGxV6DHieXBCdUkkPC88Z9AtZs74g5p5uPvTtzufPtTiZXj9jSiqwa94VZl