วันอาทิตย์, ตุลาคม 19, 2568

มาร์ค คัม แบก น้ำพริกเก่าในขวดใหม่ 🤣 (ทีมงาน ถ้านับอายุรวมกัน แก่กว่าอายุของไหบ้านเชียง (อ.ปวินว่าไว้))


.....
Atukkit Sawangsuk 
7 hours ago
·
มาร์ค Cum Bag
:
มีความหมายนะครับ ในการแย่งฐานเสียงอนุรักษนิยมจาก "พรรคดูด โหนสถาบัน กองทัพ"
ซึ่งสำหรับฝ่ายอนุรักษนิยมดั้งเดิม ถือว่าไม่ใช่ของแทร่
อนุรักษนิยมตั้งแต่อดีต ต้องชื่นชมนิยมป๋าเปรม นายกอานันท์ ถัดมาก็ลดระดับเป็นชวน เป็นมาร์ค ไม่ซื้อเสียงไม่เลี้ยงกาแฟใคร
มีอย่างที่ไหน หลังรัฐประหารหลังประยุทธ์ 9 ปี
อำนาจอนุรักษนิยมต้องใช้เพื่อไทยเป็นนั่งร้าน 2 ปี แล้วหันมาหนู-เน
มันสวนทางการเมืองคนดีย์การเมืองศีลธรรม
ตั้งแต่ยุคคนชนบทตั้งรัฐบาลคนกรุงล้มรัฐบาล เกลียดยี้ห้อยร้อยยี่สิบ
ตอนนี้จะให้มวลชนอนุรักษนิยม เสื้อเหลืองนกหวีด
เลือกพรรคยี้เพียงเพราะโหนสถาบัน
ทำใจกันได้ไง
:
มันจึงเป็นช่องว่างสำหรับพรรคแมลงสาบ
ซึ่งจำเป็นต้องผลัดตัวเองอีกครั้ง จากพรรคท้องถิ่นบ้านใหญ่ (แบบเดียวกับภูมิใจไทยนั่นแหละแต่จำกัดเฉพาะภาคใต้)
หลังการเมืองเปลี่ยน อยู่แบบเดิม ภูมิใจไทย-กล้าธรรม รุมสกรัมตาย
ต้องกลับมาเป็นพรรคพระแม่ธรณี ชูอุดมการณ์เหลืองอี๋
เรานี่แหละอนุรักษนิยมของจริง
เพื่อช่วงชิงฐานเสียง 4.7 ล้านที่เลือกรวมไทยสร้างชาติ 9.2 แสนที่เลือกประชาธิปัตย์
แม้น้อยนิดก็มีค่านะเออ
แม้ไม่มีความหวังแย่งที่ 1 ที่ 2 แต่ก็อย่างมาร์คบอก "มาเพิ่อส่งต่อ" หวังฟื้นคืนชีพก่อน
โดยอาจหวังดึงเหลืองอ่อน ที่ข้ามไปโหวตส้ม ให้กลับมา หลังส้มโหวต "คนเลว" ในสายตาอนุรักษนิยมดั้งเดิม
(ย้อนแย้งนะ อนุรักษ์ดั้งเดิมด่า แต่อำนาจอนุรักษ์เขาเลือกอนุทิน )
:
งานยากของมาร์คคือจะยืนจุดไหน
ยอมให้ ปชป.เป็นลูกไล่อนุทินไม่ได้แน่
ต้องพิสูจน์ตัวเอง โหนของแทร่ แต่พรรคจะมีจุดยืนอย่างไรต่อการแก้รัฐธรรมนูญ ต่อ MOU43-44 (ต่อเนื่องจากรัฐบาลชวนแต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็จะยกเลิก)
จะฟื้น "ฝ่ายขวาแบบแมลงสาบ" อย่างไร
ขณะเดียวกันยังต้องด่าทักษิณเพื่อไทย
ต้องช่วงชิงมวลชนเหลืองกลับจากพรรคส้ม
:
(มิตร) อภิสิทธิ์ดีเบตนี่น่ากลัวนะ เค้าเป็นนักโต้วาทีจากออกซ์ฟอร์ด
พรรคส้มฝีปากสู้มาร์คไม่ได้หรอก ไม่ทันมัน
แต่มีคนหนึ่งกินขาด ขึ้นเวทีไหน มาร์คแพ้แน่นอล
ไอติม
(ไอติมอาจจะฝีปากสู้ไม่ได้ ไอติมอาจจะดูทื่อๆ ไม่มีเหลี่ยมคู แต่กินขาดน้าเรื่องความจริงใจความมุ่งมั่นตั้งใจ)

https://www.facebook.com/baitongpost/posts/24912954821693012
.....

อ่านวิสัยทัศน์ 3 ด้าน ในแถลงแรกของ "อภิสิทธิ์"



ที่มา บีบีซีไทย

ในช่วงเย็น หลังจากกระบวนการเลือกตำแหน่งต่าง ๆ ในพรรคใกล้เสร็จสิ้น นายอภิสิทธิ์ ได้ใช้เวลาเกือบ 30 นาทีกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมพรรคเป็นครั้งแรก

หัวหน้าพรรค ปชป. คนใหม่ กล่าวว่าเขาทราบดีถึงสถานการณ์ในวันนี้ เพื่อนใน ปชป. หลายคนหวั่นไหวกับสถานการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งความเสียเปรียบของพรรค ทำให้คนในพรรคหลายคนบอกตนว่า การกลับมาเที่ยวนี้ เขาไม่มีทางกำไร อย่างมากสุดก็เสมอตัวขาดทุนไม่มากก็น้อย น่าจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุด แต่เขาเห็นว่า "ชีวิตผมมาถึงจุดนี้ได้ เพราะพรรค ปชป. จะลำบากอย่างไร จะขาดทุนเท่าไร ผมก็ต้องกลับมา เพื่อให้พรรคการเมืองนี้อยู่คู่ประเทศไทยตลอดไปให้ได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

หลังจากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ในด้านต่าง ๆ 3 เรื่อง ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และการฟื้นฟูพรรค ปชป. ขึ้นมาอีกครั้ง บีบีซีไทยขอสรุป คำประกาศ-วิสัยทัศน์ของเขา หลังจากหวนกลับมายัง ปชป. ในรอบเกือบสองปี

เศรษฐกิจ

อภิสิทธิ์ เริ่มจากการกล่าวว่า วันนี้เศรษฐกิจติดหล่ม สังคมเหลื่อมล้ำ ความยุติธรรมหดหาย หลายปีที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นคนภายนอกมองประเทศไทยหรือคนในประเทศสัมผัสกับความเป็นจริง ทุกคนห่วงใยว่าประเทศจะเดินต่อไปแบบนี้หรือ

เขาย้อนกลับไปยังช่วงปีสุดท้ายที่ ปชป. เป็นแกนนำรัฐบาล โดยอ้างว่าปี 2554 เป็นปีแรกที่เศรษฐกิจไทยขยับขึ้นไปเป็นประเทศรายได้ปานกลางขั้นสูง แต่เวลาผ่านไปจนถึงวันนี้ 14 ปี แม้แต่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีก็ยังไม่มีใครมั่นใจเลยว่า ประเทศไทยจะขยับขึ้นไปอีกขั้นได้เมื่อใด

"เป็นไปได้อย่างไรวันนี้ตัวเลขเศรษฐกิจถ้าโตขยับใกล้ 2% ก็ดีใจโล่งใจกันแล้ว" นายอภิสิทธิ์กล่าว ก่อนจะพาดพิงไปยังมาตรการช่วยลดรายจ่ายประชาชนของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่กำลังจะดำเนินโครงการภายในเดือนต.ค.

"มันไม่พอหรอกครับในการที่จะยกระดับความเป็นอยู่และชีวิตของพี่น้องประชาชน เป็นไปได้อย่างไรที่เศรษฐกิจเราติดหล่มมาเป็น 10 ปี ทุกวันนี้เราลุ้นกันได้แค่คนละครึ่งพลัสที่อาจจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ในยามลำบาก แต่ 3-4 เดือนหลังจากโครงการจบ สิ่งที่ทิ้งไว้ก็เพียงแต่หนี้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น" หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าว

เขากล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบที่ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น ขณะที่คนหนุ่มสาวขาดความมั่นคงและสวัสดิการที่ดี ในขณะที่การเมือง "หลอกตัวเอง หลอกประชาชน" ว่าหยิบยื่นสวัสดิการที่ดีให้ประชาชนแล้ว แต่เก็บภาษีได้ไม่ถึง 15% ของจีดีพี อีกด้านหนึ่งก็มีปัญหาการผูกขาดทั้งเศรษฐกิจและการเมือง ทั้งสองภาคส่วนมีความแน่นแฟ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเราจะนิ่งดูดายปล่อยให้ประเทศเดินไปแบบนี้ไม่ได้

จากทั้งหมดนี้ อภิสิทธิ์ชี้ว่าการเมืองไทยคือสิ่งที่ฉุดรั้งไม่ให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า จึงเป็นเหตุผลที่เขาได้นำพาคนใหม่ ๆ เข้ามาร่วมงานกับพรรค

"วันนี้ที่ผมนำเอาคนใหม่ ๆ เข้ามา ขอบคุณที่ท่านทั้งหลายที่ยกเว้นคุณสมบัติยกเว้นข้อบังคับให้โอกาสเข้ามาทำงาน เพราะวันนี้สิ่งที่ประเทศไทยต้องการที่สุดคือ เครื่องจักรที่จะทำให้เศรษฐกิจโตต่อไปได้เครื่องจักรใหม่"

นายอภิสิทธิ์ชี้ว่า ประเทศไทยกินบุญเก่าจากอดีตไม่ได้อีกต่อไป ทั้งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรมที่แข่งเพื่อนบ้านไม่ได้แล้ว ภาคท่องเที่ยวที่คนจีนหายไปเพียงครึ่งก็เดือดร้อนกันไปทั่ว ดังนั้น เครื่องจักรใหม่จึงต้องเกิด ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลก

นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงโอกาสทางเศรษฐกิจของคนรุ่นใหม่ ที่ต่างจากรุ่นเขาที่เส้นทางอาชีพขึ้นอยู่กับการเติบโตในองค์กรใหญ่ แต่คนรุ่นใหม่ ต้องการสร้างโอกาสที่มากับระบบเศรษฐกิจกิ๊ก (Gig economy) ดังนั้น โจทย์ของทีมของพรรค จึงเป็นการออกแบบเศรษฐกิจที่ตอบโจทย์คนกลุ่มนี้

การเมือง สถาบันกษัตริย์ ความมั่นคง

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อไปว่า แต่ทั้งหมดข้างต้น "การเมืองต้องเปิดประตู" แข่งขันกันด้วยการนำเสนอวิสัยทัศน์ มิใช่นโยบายที่ปราศจากการคิดเป็นระบบและมีกรอบความคิดหรืออุดมการณ์รองรับ

"วันนี้ผมจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ตกอยู่ในวังวนวาทกรรม ไม่ต้องมาถามว่าเราอนุรักษ (นิยม) หรือเราประชาธิปไตย หรือเรากั๊กจะเป็นอนุรักษ (นิยม)-ก้าวหน้า ไม่ต้องถามเราครับ เพราะเราประกาศอุดมการณ์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2489 ว่าเราคือต้นตำรับของพรรคเสรีประชาธิปไตยในประเทศไทย"

หัวหน้าพรรค ปชป. และอดีตนายกฯ คนที่ 27 ยังกล่าวถึงประเด็นของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นใจกลางของของความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมาด้วย

"วันนี้ผมไม่ต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่นำเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาอยู่ในวังวนของความขัดแย้งทางการเมือง กล่าวหาฝ่ายหนึ่งว่าล้ม กล่าวหาฝ่ายหนึ่งว่าโหน ไม่ใช่เรื่องครับ ไม่ใช่เรื่องของการเมืองเลย เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ คือศูนย์รวมจิตใจของประชาชนคนไทยที่ต้องอยู่เหนือการเมืองไม่ว่าเราจะมีแนวความคิดการเมืองต่างกันอย่างไร"

เขายังกล่าวถึงประเด็นกองทัพว่า ต้องไม่เอากองทัพมาเป็นประเด็นทางการเมือง "กองทัพจะทำหน้าที่ได้อย่างไรถ้าพรรคการเมืองมีอคติกับกองทัพ และกองทัพเวลาปกป้องแผ่นดินไทยอย่างเข้มแข็ง การเมืองไปโหนไม่ได้"

เขาเห็นว่า การเมืองต้องช่วยสนับสนุนด้วยการดำเนินนโยบายการต่างประเทศการทูตเชิงรุกเพื่อให้การทำงานของทหารและกองทัพทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนแสดงความไม่เห็นด้วยเรื่องการนำประเด็นความมั่นคงมาให้ประชาชนตัดสินใจผ่านการลงประชามติ

"เราไม่ควรเอาเรื่องความมั่นคงของประเทศ เราไม่ควรเอานโยบายการต่างประเทศมาเสี่ยงผลักภาระให้ประชาชนลงประชามติในสิ่งที่อย่าบอกว่าประชาชนจะเข้าใจหรือไม่ และผมยังไม่แน่ใจว่าคนที่คิดให้ถาม [ประชาชน] ตัวเองเข้าใจหรือยัง"

ฟื้นฟูพรรค เปรียบ ปชป. เหมือนเพลงเทเลอร์ สวิฟต์

นายอภิสิทธิ์ กล่าวยกอุดมการณ์ก่อตั้ง ปชป. 10 ข้อตั้งแต่ปี พ.ศ. 2489 ซึ่งมีทั้งหลักการกระจายอำนาจ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่กล่าวไว้ว่า "เศรษฐกิจต้องเสรี แต่รัฐต้องเข้าแทรกแซงเพื่อความยุติธรรมในสังคม"

เขาชี้ว่าทั้งสิบข้อนี้เป็นอุดมการณ์ที่ทันสมัย อีกทั้งยังเป็นหลักประกันที่ทำให้การเมืองโปร่งใสเป็นประชาธิปไตย เศรษฐกิจยั่งยืนในสังคมที่เกื้อกูล

"สิ่งเหล่านี้เป็นโจทย์ใหญ่กว่าเรื่องว่า พรรคเราจะมี สส. กี่คน โจทย์เหล่านี้คือหน้าที่ของพรรคการเมืองที่ผมมั่นใจว่าถ้าเราแก้ได้ เราจะอยู่คู่ประเทศไทย เราจะไม่หายไปไหน"

เขายอมรับว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลายคนในพรรคเครียด กังวล และมากระซิบกับตนว่ากังวลเรื่อง สส. ย้ายพรรค ทว่านายอภิสิทธิ์ที่บอกว่าตนเป็นนักการเมืองมา 30 ปี กล่าวว่า "อย่าไปเครียด" เพราะหาก ปชป. อยากอยู่คู่ประเทศไทยก็ต้องสร้างคนอย่างต่อเนื่อง ก่อนเปรียบเปรยเรื่องการซื้อตัว สส. ของบางพรรคการเมืองกับงานอดิเรกที่เขาชื่นชอบ คือ การดูฟุตบอลลีกอังกฤษ

"ระวังนะครับศูนย์หน้าฟอร์มดี ๆ ค่าตัวแพงที่สุดย้ายสโมสรไปแล้วมันยิงไม่ได้สักประตู" หัวหน้าพรรค ปชป. ระบุ

นอกจากฟุตบอลแล้ว งานอดิเรกที่นายอภิสิทธิ์ หยิบยกมากล่าวคือการสะสมแผ่นเสียง เขาบอกว่า แผ่นเสียงล่าสุดที่ซื้อคือ อัลบั้มของเทเลอร์ สวิฟต์ ที่มีคำคมว่า "แก้วที่แตกจะมีความคมมากขึ้น" ซึ่งเขานำเนื้อเพลงท่อนนี้มาเปรียบเปรยกับพรรคสีฟ้าอายุเกือบ 80 ปีนี้ด้วย

"ใครที่กำลังจะมาทุบประชาธิปัตย์ ก็เหมือนกำลังทุบแก้วให้แตก ผมจะบอกว่าทุบเสร็จ ผมจะเอาความคมของแก้วที่แตก ไปตัดวงจรอุบาทว์การซื้อเสียงและการคอร์รัปชันในประเทศไทย"

ผู้นำพรรค ปชป. คนที่ 10 กล่าวกับสมาชิกพรรคในช่วงท้ายว่า "อย่าหวั่นไหว" แม้มีคนปรามาสว่าเป็น "เหล้าเก่าขวดเก่า" พร้อมยกสัญลักษณ์พระแม่ธรณีของพรรค และข้อความ "สัจจังเว อมตะวาจา (วาจาเป็นสิ่งไม่ตาย)" บนสัญลักษณ์พรรคว่า เป็นคำตอบของยุคสมัยนี้ และผู้ที่จะทำให้เกิดขึ้นได้คือสมาชิก ปชป. ทุกคน

"วันนี้ผมเชิญชวนคนทั้งประเทศที่เบื่อกับการเมืองที่ท่านเห็นมาร่วมกับเรา" นายอภิสิทธิ์ ทิ้งท้าย

ที่มา บีบีซีไทย
https://www.bbc.com/thai/articles/c4gjwzpgqwpo
.....
·
เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ดิชั้นเขียนแซวว่า เข็นอภิสิทธิ์ออกมาสู้
เหมือนผลิตเพจเจอร์ออกมาขายอีกรอบ แล้วดิชั้นก็หัวเราะ 55555 สรุปวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์เข็นอภิสิทธิ์ออกมาจริงๆ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค แถมถ่ายรูปอวดกับทีมงานใหม่ ที่อายุรวมกันแก่กว่าอายุของไหบ้านเชียง แถมการจัดวางภาพ สถานที่ถ่ายภาพ เหมือนถูกทำขึ้นมาโดยเด็กประถม ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ไร้รสนิยม ไร้ความน่าเชื่อถือ ถ้าโฟกัสหน้าอภิสิทธิ์ เราจะเห็นถึงความล้าและความสิ้นหวัง
…แต่ที่สำคัญกว่านั้น การคืนสังเวียนของอภิสิทธิ์ตอกย้ำถึงวัฒนธรรมไม่ต้องรับผิด (impunity) ผู้ชายคนนี้อยู่เบื้องหลังการสั่งสังหารคนเสื้อแดงอย่างป่าเถื่อนถึงเกือบร้อยศพ ผ่านมา 15 ปี อภิสิทธิ์ไม่เคยต้องรับโทษแม้แต่วันเดียว แถมวันนี้กลับมารับบทนักการเมืองอีกครั้ง - คนอย่างนี้ Abhisit Vejjajiva ไม่ต้องลงเลือกตั้งค่ะ ลงนรกได้อย่างเดียว