วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 30, 2568

บีบีซีไทยเปรียบเทียบข้อเหมือนและข้อแตกต่างของเอกสารข้อตกลงด้านห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญที่สหรัฐอเมริกาทำขึ้นกับมาเลเซีย, ไทย, และญี่ปุ่น ทั้งสามฉบับ



เปิด 11 ข้อเหมือน-ต่าง ข้อตกลงเกี่ยวกับแร่ธาตุสำคัญที่สหรัฐฯ ทำกับไทย-มาเลเซีย-ญี่ปุ่น

วศินี พบูประภาพ
ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
เมื่อ 7 ชั่วโมงที่แล้ว

ในวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา นอกจากแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา (Joint Statement on Framework for United States–Thailand Agreement on Reciprocal Trade) แล้ว ยังมีอีกข้อตกลงหนึ่งที่ผู้นำจากสองประเทศลงนามร่วมกันและสังคมกำลังให้ความสนใจ

นั่นคือ ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญ

แม้ชื่อของบันทึกความเข้าใจจะระบุว่าเป็นแร่ธาตุสำคัญ (Critical Minerals) แต่นักวิเคราะห์คาดว่าเป้าหมายการลงนามครั้งนี้อยู่ที่แร่หายาก (แรร์เอิร์ธ- Rare Earth Elements) เป็นหลักจากมาตรการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายากของจีน ทำให้ทรัมป์ต้องมีภารกิจในการทำข้อตกลงกับหลากหลายประเทศระหว่างการเยือนเอเชียครั้งนี้ ซึ่งจะเห็นได้การการที่เว็บไซต์ของทำเนียบขาวได้เผยแพร่รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับข้อตกลงเรื่องนี้ในเวลาต่อมา

ไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่ได้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าว ในวันเดียวกันนั้น สหรัฐฯ ก็ลงนามในบันทึกความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญกับมาเลเซีย และในวันนี้ (29 ต.ค.) สหรัฐฯ และญี่ปุ่นก็ได้ร่วมลงนามกรอบความร่วมมือในการจัดหาแร่ธาตุสำคัญและแร่หายากด้วย ในลักษณะคล้าย ๆ กับ ข้อตกลงที่สหรัฐฯ เซ็นร่วมกับออสเตรเลียก่อนหน้านี้ในวันที่ 20 ต.ค. เพื่อประกันความมั่นคงด้านวัตถุดิบในด้านการทำเหมืองและแปรรูปแร่ธาตุสำคัญและแรร์เอิร์ธ

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงทั้งสามฉบับระบุชัดเจนว่า "ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย" โดยเฉพาะกรอบความร่วมมือของญี่ปุ่นที่ระบุไว้อย่างครอบคลุมว่า "ไม่ก่อให้เกิดสิทธิหรือข้อผูกพันตามกฎหมายใด ๆ" ขณะที่บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทยและมาเลเซียระบุว่า "ความร่วมมือจะขึ้นอยู่กับความพร้อมด้านเงินทุน" และ "ไม่ได้แสดงถึงข้อผูกพันในการจัดสรรงบประมาณโดยตรง"

บีบีซีไทยเปรียบเทียบข้อเหมือนและข้อแตกต่างของเอกสารข้อตกลงด้านห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญที่สหรัฐอเมริกาทำขึ้นกับมาเลเซีย, ไทย, และญี่ปุ่น ทั้งสามฉบับ ดังนี้

1. ไทย-ญี่ปุ่นเน้นคุณลักษณะตลาด "เปิดกว้าง มีประสิทธิภาพ มีความมั่นคง และโปร่งใส" ส่วนมาเลเซียไม่ได้ระบุถึง

ในบทนำของบันทึกความเข้าใจที่สหรัฐฯ ลงนามกับรัฐบาลไทยและกับรัฐบาลมาเลเซียใช้ข้อความคล้าย ๆ จะสามารถเทียบเคียงกันได้ในลักษณะคำต่อคำ อย่างไรก็ดี มีจุดที่ไม่เหมือนกันอย่างมีนัยสำคัญในส่วนความตระหนักถึง (Recognising) ที่บันทึกข้อตกลงของมาเลเซียระบุว่า "[ผู้เข้าร่วม]ในการตระหนักถึงความสำคัญของห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญ ในด้านการสนับสนุนการสำรวจ การสกัด การแปรรูป การผลิต การประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม การนำกลับมาใช้ใหม่ และการรีไซเคิล"

ทั้งนี้ในเอกสารดังกล่าวของสหรัฐฯ ระบุถึงประเทศที่ลงนามข้อตกลงว่า "ผู้เข้าร่วม" (Participants)

ขณะที่ถ้อยคำในส่วนเดียวกันของบันทึกความเข้าใจของไทยได้มีการเน้นย้ำถึงคุณลักษณะของของตลาดห่วงโซ่อุปทานดังกล่าวว่าต้องมีความมั่นคง(secure) ความหลากหลาย(diversified) ความมีสภาพคล่อง(liquid) และความเป็นธรรม(fair) โดยระบุว่า "[ผู้เข้าร่วม] ในการตระหนักถึงความสำคัญของตลาดห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญที่มีความมั่นคง มีความหลากหลาย มีสภาพคล่อง และมีความเป็นธรรม ในด้านการสนับสนุนการสำรวจ การสกัด การแปรรูป การประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม การนำกลับมาใช้ใหม่ และการรีไซเคิล"

การเพิ่มเติมถ้อยคำเน้นย้ำคุณลักษณะของตลาดยังสามารถเห็นได้จากถ้อยคำในส่วนของเป้าหมาย (Objectives) ของบันทึกความเข้าใจที่ไทยทำกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยมีการบรรยายเป้าหมายของการลงนามในบันทึกความเข้าใจนี้ว่าเป็นไปเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ตลาดแร่ธาตุสำคัญและแร่หายากที่ "เปิดกว้าง มีประสิทธิภาพ มีความมั่นคง และโปร่งใส" เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ความมั่นคง และความมั่งคั่งของห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญและแร่หายากในสหรัฐฯ และไทย

ขณะที่บันทึกความเข้าใจของมาเลเซียไม่มีถ้อยคำการบรรยายคุณลักษณะข้างต้นทั้งสี่คำ แต่ข้อความอื่น ๆ ในส่วนเดียวกันจะเหมือนกันทั้งหมด

ด้านกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นนั้น แม้จะมีโครงสร้างข้อความในเอกสารจะต่างจากเอกสารที่ลงนามในวันที่ 26 ต.ค. ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซียโดยสิ้นเชิง

ทว่ามีการใช้ถ้อยคำบรรยายคุณลักษณะของตลาดที่พึงประสงค์คล้ายกับถ้อยคำที่บันทึกความเข้าใจของไทยใช้ โดยระบุว่า "[ประเทศคู่เจรจาลงนามในกรอบความตกลงนี้] เพื่อเร่งรัดการพัฒนาตลาดแร่ธาตุสำคัญและแร่หายากที่มีความหลากหลาย มีสภาพคล่อง และมีความเป็นธรรม"

2. MOU กับไทยไม่กล่าวถึง 'การผลิต' ขณะที่ MOU กับมาเลเซีย-ญี่ปุ่นเน้นชัด

ในส่วนบทนำและวัตถุประสงค์ของ MOU ที่ไทยและมาเลเซียทำกับสหรัฐฯ พบว่าข้อตกลงของไทยไม่มีการพูดถึงเรื่อง 'การผลิต' ในจุดที่มาเลเซียมีการระบุไว้

เห็นได้จากถ้อยคำในส่วนความเชื่อมั่น (Believe) ของบันทึกความเข้าใจในส่วนบทนำ ซึ่งบันทึกความเข้าใจของไทยกล่าวว่า "[ผู้เข้าร่วม]เชื่อว่าความร่วมมือระหว่างผู้เข้าร่วมจะเป็นประโยชน์ร่วมกันในการสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่มั่นคงสำหรับการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพิ่มความยืดหยุ่นและความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญในแต่ละประเทศ และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจของทั้งสองประเทศในด้านการสำรวจ การพัฒนา การแปรรูป และการใช้งานแร่ธาตุสำคัญ"

ขณะที่ส่วนเดียวกันนี้ บันทึกความเข้าใจของมาเลเซีย ได้ระบุขั้นตอนใน "การผลิต" ด้วย

นอกจากนี้ ในส่วนหนึ่งของของเป้าหมาย (Objectives) บันทึกความเข้าใจของมาเลเซียระบุว่า "เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างผู้เข้าร่วมในด้านการสำรวจ การสกัด การแปรรูปและการกลั่น การผลิต และการรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ใหม่ของทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญ"

ขณะที่ส่วนเดียวกันในบันทึกความเข้าใจของไทยก็ได้ระบุ ในถ้อยคำที่เหมือนกันทั้งหมด เพียงแต่ไม่ปรากฏถ้อยคำ "การผลิต"

ขณะที่กรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นระบุชัดว่า ประเทศคู่เจรจามีความตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากการดำเนินงานด้านการทำเหมืองและการแปรรูปแร่ธาตุสำคัญ รวมถึงแร่หายากชนิดหนักและชนิดเบา ที่มีอยู่ในแต่ละประเทศ ตลอดจนขยายขีดความสามารถให้เพิ่มขึ้น


การก่อสร้างโรงงาน Advanced Materials Plant ของบริษัท ไลนาส คอร์ป. ในเขตอุตสาหกรรมเกอเบ็ง ใกล้เมืองกวนตัน ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 เม.ย. 2012 นับเป็นหนึ่งในโรงงานแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดในโลก

3. มาเลเซียให้สิทธิลงทุนสหรัฐฯ ชัดเจน ไทยใช้ถ้อยคำไม่ผูกมัด-ย้ำจะส่งข้อมูลการเปิดประมูลให้สหรัฐฯ เร็วที่สุด ส่วนญี่ปุ่นเน้นระดมทุนร่วม

จากเอกสารทั้งสามฉบับ อีกหนึ่งความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดคือหลักการจัดลำดับความสำคัญในการลงทุนด้านสินทรัพย์แร่ธาตุสำคัญในแต่ละประเทศซึ่งระบุ ในส่วนขอบเขตความร่วมมือ (Areas of Cooperation) ของเอกสาร บีบีซีไทยไล่ลำดับความเข้มข้นของการจัดลำดับดังนี้

สหรัฐฯ ดูจะได้รับความร่วมมือด้านการลงทุนที่รัดกุมจากมาเลเซียมากที่สุด เห็นได้จากการที่บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซีย ระบุว่า "คู่เจรจาตั้งใจที่จะทำงานด้วยความสุจริตเพื่อให้ความสำคัญกับการลงทุนจากสหรัฐอเมริกา" (Participants will work in good faith to prioritize investment from the United States) ในสินทรัพย์แร่ธาตุสำคัญที่อาจถูกขายในมาเลเซีย หรือโดยบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่หรือจดทะเบียนในมาเลเซีย

ขณะที่บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทยระบุว่า "คู่เจรจาคาดหวังว่าจะมีโอกาสแรกในการลงทุน โดยให้เป็นไปตามกฎหมายภายในประเทศ" (Participants expect to have first opportunity to invest, in accordance with domestic laws) ในสินทรัพย์แร่ธาตุสำคัญที่อาจถูกขายในไทย หรือโดยบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่หรือจดทะเบียนในไทย

จุดที่น่าสังเกตคือบันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทยใช้คำว่า "Participants" ซึ่งหมายถึงทั้งสหรัฐฯ และไทย ที่คาดหวังโอกาสแรกในการลงทุน ขณะที่บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซีย เน้นเฉพาะ "การลงทุนจากสหรัฐฯ" เป็นหลัก

นอกจากนี้เอกสารบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและสหรัฐฯ ยังระบุว่า คู่เจรจามีความตั้งใจที่จะให้ข้อมูลการเปิดประมูลและโครงการที่อาจเกิดขึ้นแก่กันโดยเร็วที่สุดเท่าที่สามารถดำเนินการได้ และไม่ช้ากว่าช่วงเวลาที่ข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งต่อให้แก่นักลงทุนรายอื่น เพื่อให้ผู้คู่เจรจาสามารถเผยแพร่ข้อมูลนี้ไปยังบริษัทและพันธมิตรของตนได้อย่างทันท่วงที เพื่อให้ผู้รับข้อมูลมีเวลาเพียงพอในการเข้าร่วมการประมูลและโครงการดังกล่าว

ส่วนกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นนั้นมีแนวทางที่แตกต่างออกไป โดยเน้นการระดมการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน เช่น เงินช่วยเหลือ การค้ำประกัน เงินกู้ หรือหุ้นส่วน เพื่อระบุโครงการที่น่าสนใจร่วมกันในการแก้ไขช่องว่างในห่วงโซ่อุปทาน

นอกจากนี้ ยังระบุว่าโครงการที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินภายในหกเดือน เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ปลายทางสำหรับผู้ซื้อในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และประเทศที่มีแนวคิดเดียวกัน


ตอนหนึ่งของกรอบความร่วมมือนี้ยังระบุถึงความตั้งใจที่จะร่วมกันพัฒนากลไกใหม่หรือกลไกเฉพาะ เพื่อระดมทุนจากภาคเอกชนและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญและแร่หายากโดยเฉพาะ

4.ไทยเน้นแปรรูปในประเทศและถ่ายโอนเทคโนโลยี ญี่ปุ่นเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมร่วม มาเลเซียไม่ได้ระบุ

ในส่วนเป้าหมาย (Objective) ของการลงนาม เอกสารบันทึกความเข้าใจของไทยยังปรากฏข้อมูลเป้าหมายของบันทึกความเข้าใจนี้ว่า เป็นไปเพื่อ "ส่งเสริมการลงทุนที่สนับสนุนการเพิ่มมูลค่าในประเทศและอุตสาหกรรมการแปรรูป แทนที่จะเป็นการส่งออกวัตถุดิบเท่านั้น"

นอกจากนี้ ในส่วนขอบเขตความร่วมมือของบันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทย ยังกล่าวถึงข้อกำหนดว่าต้องมีการถ่ายโอนเทคโนโลยี การสร้างขีดความสามารถ และการฝึกอบรมบุคลากรในประเทศ ซึ่งข้อความข้างต้นนี้ไม่ปรากฏในส่วนเดียวกันของเอกสารความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ และมาเลเซีย

ในทางกลับกัน กรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น มีแนวทางที่แตกต่างออกไป โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศของทั้งสองฝ่าย โดยเน้นย้ำถึงการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงและฐานอุตสาหกรรมของแต่ละฝ่ายโดยจะเน้นการใช้เครื่องมือนโยบายทางเศรษฐกิจและการลงทุนที่ประสานงานกัน เพื่อเร่งการพัฒนาตลาด พร้อมทั้งตระหนักถึงบทบาทของบริษัทจากทั้งสองประเทศที่กำลังดำเนินโครงการที่เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ที่ปลอดภัยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

5.ไทยเน้นเพิ่มมูลค่าในประเทศ-ถ่ายโอนเทคโนโลยี ญี่ปุ่นใช้กลไกพัฒนาอุตสาหกรรมร่วม มาเลเซียไม่กล่าวถึง

ในส่วนข้อแรกของขอบเขตความร่วมมือระหว่างไทย-สหรัฐฯ และมาเลเซีย-สหรัฐฯ มีความคล้ายคลึงกันอย่างยิ่ง โดยกล่าวเหมือนกันว่า ประเทศประเทศคู่เจรจามีความตั้งใจที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และความเชี่ยวชาญทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับสากล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคแร่ธาตุสำคัญของแต่ละประเทศ และประสานการสนับสนุนโครงการทวิภาคีที่ส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญที่มีความมั่นคง มีความยืดหยุ่น และมีความรับผิดชอบ

อย่างไรก็ตาม ในข้อนี้ ข้อความของบันทึกความเข้าใจของไทยระบุชี้ชัดลงไปอีก ว่าจะมีการสนับสนุนการวิเคราะห์ศักยภาพของฐานทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญของไทย และประสานงานตามความเหมาะสมในโครงการที่มีลำดับความสำคัญ

แม้ข้อตกลงนี้จะไม่ปรากฏในบันทึกความเข้าใจกับมาเลเซีย แต่ในกรอบการดำเนินงานระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นนั้นได้กล่าวถึงแนวทางในการร่วมกันจัดทำการทำแผนที่ธรณีวิทยาโดยเฉพาะเจาะจงเป็นหนึ่งหัวข้อย่อยซึ่งระบุว่า "คู่เจรจามีความตั้งใจที่จะร่วมมือกันในการสนับสนุนการทำแผนที่ทรัพยากรแร่ธาตุตามที่ได้ตกลงร่วมกันในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และพื้นที่อื่น ๆ เพื่อส่งเสริมการกระจายห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญและแร่หายาก"



6.ไทย-มาเลเซีย-ญี่ปุ่นเห็นพ้องสร้างตลาดมาตรฐานสูง แต่แนวทางนิยามยังต่างกัน

ข้อตกลงทุกฉบับระบุว่า จะมีการประสานงานเพื่อปกป้องตลาดแร่ธาตุในประเทศของตน และมุ่งมั่นที่จะสร้าง "ตลาดที่มีมาตรฐานสูงโดยกล่าวถึงกรอบการกำหนดราคาเพื่อสนับสนุนเสถียรภาพของตลาดเหล่านี้

อย่างไรก็ดี แต่ละฉบับเน้นย้ำประเด็นตลาดในมิติที่แตกต่างกัน ดังนี้

ทั้งบันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซียและกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นต่างเอ่ยถึงการดำเนินการกับตลาดแร่ธาตุสำคัญจาก "นโยบายที่ไม่ได้อิงกลไกตลาดและแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม" (non-market policies and unfair trade practices) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างตลาดที่มีมาตรฐานสูงและส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและมีความโปร่งใส

อย่างไรก็ตาม แนวทางในการนิยามและดำเนินการตามเป้าหมายดังกล่าวมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างสองฉบับ โดยบันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซียระบุว่า ตลาดที่มีมาตรฐานสูงจะ "อนุญาตให้ผู้ที่ผ่านเกณฑ์สามารถทำการค้าได้อย่างเสรี ( trade freely)"

ส่วนกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นเน้นย้ำว่า ตลาดที่มีมาตรฐานสูงจะต้อง "สะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริงของการสกัด การแปรรูป และการค้าอย่างมีความรับผิดชอบ"

ส่วนบันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทยใช้คำต่างออกจากประเทศทั้งสอง โดยเลือกกล่าวถึงการปกป้องตลาดบนพื้นฐานของ "นโยบายที่มุ่งเน้นตลาดและแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรม" (market-oriented policy and fair-trade practices) โดยตลาดที่มีมาตรฐานสูงจะอนุญาตให้ผู้ที่ผ่านเกณฑ์สามารถ "ทำการค้าแบบให้สิทธิพิเศษ (trade preferentially)"

7.ไทย-ญี่ปุ่นเน้นยับยั้งการขายสินทรัพย์แร่เพื่อความมั่นคง มาเลเซียเน้นแค่เสริมการทบทวน

ข้อตกลงทั้งสามฉบับระหว่างสหรัฐฯ กับไทย, มาเลเซีย และญี่ปุ่น ต่างแสดงความมุ่งมั่นที่จะทบทวนหรือพัฒนากลไกในการตรวจสอบการขายสินทรัพย์แร่ธาตุสำคัญและแร่หายากโดยมีรายละเอียดแตกต่างกันออกไป

ขณะที่บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซียระบุว่า "คู่เจรจาตั้งใจที่จะทำงานด้วยความสุจริตเพื่อเสริมสร้างการทบทวน" (strengthen the review) เครื่องมือแร่ธาตุสำคัญและการขายสินทรัพย์แร่หายาก"

บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทยระบุว่า "คู่เจรจาจะทำงานด้วยความสุจริตเพื่อพัฒนาใหม่หรือเสริมสร้างอำนาจที่มีอยู่ ที่ทบทวนและยับยั้ง (deter) การขายสินทรัพย์แร่ธาตุสำคัญและแร่หายากบางรายการที่อาจกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ"

ส่วนกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นระบุว่า "คู่เจรจามุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาขอบเขตอำนาจใหม่หรือเสริมสร้างขอบเขตอำนาจและเครื่องมือทางการทูต (diplomatic tools) ที่มีอยู่เพื่อทบทวนและยับยั้งการขายสินทรัพย์แร่ธาตุสำคัญและแร่หายากที่อาจกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสนใจว่า ขณะที่บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซีย เลือกใช้คำว่า "เสริมสร้างการทบทวน" โดยไม่กล่าวถึงการยับยั้งหรือเหตุผลด้านความมั่นคงโดยตรง

ขณะที่บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทย และ กรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นเลือกระบุโดยตรงว่าจะมีการทำงานเพื่อ "ยับยั้ง" การขายสินทรัพย์ และเน้นเหตุผลว่าเป็น "ด้านความมั่นคงแห่งชาติ"

8. กลไกการดำเนินงานเฉพาะกิจอื่น ๆ ที่มาเลย์-ญี่ปุ่นได้ แต่ไทยไม่ได้

นอกจากข้อตกลงด้านการลงทุนในแร่ธาตุสำคัญ เอกสารระหว่างระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซีย กรอบความร่วมมกับระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น ได้รวมถึงกลไกความร่วมมือในด้านอื่น ๆ ด้วย

บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซีย และบันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทย ต่างมีเนื้อหาที่ครอบคลุมกลไกความร่วมมือด้านการกำกับดูแล โดยระบุถึงการใช้มาตรการเพื่อ "ปรับปรุงกระบวนการอนุญาตให้ง่ายขึ้น" (streamline permitting processes) นอกจากนี้ บันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับมาเลเซียยังเน้นการส่งเสริม "การปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียมกันของนักลงทุน" และ "ความยั่งยืนของโครงการ"

ส่วนกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นเป็นฉบับที่มีรายละเอียดการปฏิบัติงานเฉพาะเจาะจงที่สุด โดยครอบคลุมหัวข้อสำคัญหลายด้านโดยละเอียด ทั้งการอนุญาต การรีไซเคิล และมีการจัดตั้ง "กลุ่มตอบสนองอย่างรวดเร็วเพื่อความมั่นคงด้านอุปทานแร่ธาตุสำคัญระหว่างสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น" (U.S.-Japan Critical Minerals Supply Security Rapid Response Group) ภายใต้การนำของรัฐมนตรีพลังงานสหรัฐฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความร่วมมือเพื่อพิจารณาการจัดเตรียม "การสำรองแร่ธาตุที่เสริมซึ่งกันและกัน" (mutually complementary stockpiling arrangement)


ภาพเหมืองแร่หายากแบบเปิดของบริษัท เอ็มพี แมทีเรียลส์ (MP Materials) ที่เมืองเมาน์เทนพาส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ บันทึไว้เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2020

9. ไทยเน้นความร่วมมือหลายระดับ มาเลเซียประชุมรายไตรมาส ญี่ปุ่นมีระบบตอบสนองฉุกเฉิน

ในด้านการประชุมเพื่อดำเนินความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ กับมาเลเซีย และกับไทย ระบุถึงความตั้งใจที่จะพบปะกันในระดับปฏิบัติการอย่างสม่ำเสมอ โดยบันทึกข้อตกลงของมาเลเซีย ระบุว่า จะมีการประชุม "เป็นรายไตรมาส" ขณะที่บันทึกข้อตกลงของไทยใช้ถ้อยคำที่ยืดหยุ่นกว่า โดยระบุว่าจะประชุม "เป็นประจำ" (on a regular basis)

อย่างไรก็ดี บันทึกข้อตกลงของไทยมีลักษณะเฉพาะเพิ่มเติมในด้านการแบ่งปันข้อมูลและการประสานงานในหลายระดับของรัฐบาล โดยระบุว่าจะมี "ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลระดับประเทศและหน่วยงานรัฐบาลระดับรอง"

ในทางกลับกันบันทึกข้อตกลงของมาเลเซีย กรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น มีโครงสร้างกลไกการประชุมที่เฉพาะทางและมีรายละเอียดมากที่สุด โดยระบุว่าจะมีการจัดประชุมทวิภาคีระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเหมืองแร่ แร่ธาตุ และโลหะ (Bilateral Mining, Minerals and Metals Investment Ministerial) ภายใน 180 วันหลังจากเริ่มต้นความร่วมมือ รวมถึงการจัดตั้ง "กลุ่มตอบสนองอย่างรวดเร็ว" (Rapid Response Group) เพื่อรับมือกับความเสี่ยงด้านอุปทานแร่ธาตุสำคัญ และยังมีแผนที่จะพบปะกัน "ตามคำขอเป็นลายลักษณ์อักษรของอีกฝ่าย ภายใน 10 วัน" นับจากวันที่ได้รับคำขอ ซึ่งสะท้อนถึงความพร้อมในการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินและการดำเนินงานที่มีความคล่องตัวสูง

10.ทั้งสามประเทศสามารถยุติความร่วมมือได้ทุกเมื่อ

ข้อตกลงระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทย มาเลเซีย และญี่ปุ่นต่างมีการกำหนดกลไกการประชุมและช่องทางการยุติความร่วมมืออย่างชัดเจน

โดยทุกฉบับเปิดโอกาสให้ประเทศร่วมโครงการสามารถยุติความร่วมมือได้ตามความเหมาะสม

โดย บันทึกข้อตกลงของมาเลเซียและของไทยระบุว่า "คู่ร่วมโครงการฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถยุติความร่วมมือได้ตลอดเวลา" โดยต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางทางการทูต (diplomatic note)

ส่วนกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ระบุว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถยุติการเข้าร่วมในกรอบความร่วมมือนี้ได้ โดยให้มีผล "ในวันที่สามสิบหลังจากวันที่ได้รับแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรจากอีกฝ่าย"

อย่างไรก็ตาม MOU ที่สหรัฐฯ ทำกับทั้งไทยและมาเลเซียมีข้อที่ระบุเหมือนกันในข้อ 3 ว่า "บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ไม่มีเจตนาที่จะมีผลผูกพันทางกฎหมายหรือส่งผลกระทบต่อข้อตกลงที่มีอยู่ระหว่างผู้เข้าร่วม"

ส่วนเอกสารกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นไม่ได้ระบุไว้

11.ญี่ปุ่นเจาะจงพูดถึงแร่และผลิตภัณฑ์บางชนิด ซึ่งไทยและมาเลเซียไม่ได้เอ่ยถึง

เอกสารทั้งสามกล่าวถึงวัสดุใจกลางของความร่วมมือโดยกว้างว่าคือ "แร่ธาตุสำคัญ" และ "แร่หายาก"

อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่าที่เอกสารของญี่ปุ่นเป็นเอกสารฉบับเดียวที่มีการชี้ชัดว่า แร่หายากที่กล่าวถึง เป็นแร่หายากแร่หายากชนิดหนัก (Heavy rare earth) และชนิดเบา (Light rare earth) โดยเจาะจงในส่วนบทนำของกรอบความตกลงและไม่ได้กล่าวถึงแร่หายากชนิดกลาง (Medium rare earth)

นอกจากนี้ บางส่วนของข้อตกลงยังขยายขอบเขตกล่าวไปถึงผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง เช่น แม่เหล็กถาวร แบตเตอรี่ ตัวเร่งปฏิกิริยา และวัสดุออปติคัล อีกด้วย โดยที่เอกสารของทั้งไทยและมาเลเซียไม่ได้มีการเฉพาะเจาะจงแต่อย่างใด

https://www.bbc.com/thai/articles/crmx4pjny38o