
TODAY
8 hours ago
·
'ทุนเทากัมพูชา' อีกหนึ่งโจทย์ใหญ่บนโต๊ะประชุมอาเซียน
สหรัฐฯ เกาหลีใต้ ขยับแล้ว ภูมิภาคนี้จะเอายังไงต่อ?
.
คดีที่นักศึกษาหนุ่มชาวเกาหลีใต้วัย 22 ปี ถูกหลอกให้ไปทำงานกับแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา ก่อนถูกทรมานจนเสียชีวิต กำลังเขย่าสังคมเกาหลีใต้อย่างหนัก และทำให้รัฐบาลต้องขยับในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่การยกระดับ ‘คำเตือนการเดินทาง’ ไปยังพนมเปญเป็นระดับพิเศษ เรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชาเข้าพบ ไปจนถึงการตั้งคณะทำงานฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือพลเมืองเกาหลีใต้ในต่างแดน
.
ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ระบุว่า คดีลักพาตัว กักขัง และทรมานชาวเกาหลีในกัมพูชาพุ่งจาก 17 คดีในปี 2023 เป็นกว่า 330 คดีภายใน 8 เดือนแรกของปี 2025 เหยื่อส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานที่ถูกหลอกผ่านโฆษณางานเงินดี พอถึงที่หมายกลับถูกยึดพาสปอร์ต บังคับทำงานคอลเซ็นเตอร์ และหากขัดขืนก็ถูกทำร้ายหรือขายต่อให้ขบวนการอื่น
.
ความเคลื่อนไหวของเกาหลีใต้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีประเทศออกมาใช้ ‘ยาแรง’ จัดการกับขบวนการหลอกลวงและการฟอกเงินในกัมพูชา หากยังจำกันได้ เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ ก็เพิ่งประกาศคว่ำบาตร Huione Group บริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ในกัมพูชา ซึ่ง FinCEN ระบุว่าเป็น “ศูนย์กลางฟอกเงินของเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก”
.
เหตุการณ์ที่ทั้งสองประเทศกำลังเผชิญ จึงเหมือน ‘ปัญหาเดียวกันแต่คนละปลายสาย’ เกาหลีใต้เจอกับการสูญเสียชีวิตคน ส่วนสหรัฐฯ เจอกับเงินที่ไหลออกจากระบบการเงินโลก แต่สุดท้าย เส้นเรื่องทั้งสองกลับมาบรรจบกันที่กัมพูชา
.
[‘Huione Group’ เส้นเลือดใหญ่ของทุนเทาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้]
.
ในสายตาสหรัฐฯ ‘Huione Group’ ไม่ใช่เพียงบริษัทการเงินทั่วไป แต่คือหัวใจสำคัญของโครงสร้างฟอกเงินที่เชื่อมโยงตั้งแต่คอลเซ็นเตอร์ในสีหนุวิลล์ ไปจนถึงแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือ
.
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2025 สำนักงานป้องกันอาชญากรรมทางการเงินของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ หรือ FinCEN ออกประกาศตามมาตรา 311 แห่ง Patriot Act ระบุว่า Huione Group เป็น ‘สถาบันการเงินที่เป็นภัยคุกคามหลักต่อระบบการเงินโลก’ และเสนอใช้มาตรการขั้นสูงสุด Special Measure 5 เพื่อห้ามธนาคารสหรัฐฯ เปิดหรือคงบัญชีตัวแทนให้กับบริษัทในเครือ เท่ากับตัด Huione ออกจากระบบดอลลาร์โดยตรง
.
FinCEN เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2021–2025 บริษัทในเครือของ Huione ฟอกเงินผิดกฎหมายกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เงินเหล่านี้เชื่อมโยงกับขบวนการหลอกลงทุนออนไลน์ที่เรียกว่า ‘pig butchering scam’ เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติในเอเชีย และการโจรกรรมทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือ
.
โครงสร้างของ Huione ประกอบด้วยบริษัทลูกหลายแห่ง เช่น Huione Pay แพลตฟอร์มโอนเงินที่แทบไม่มีระบบยืนยันตัวตนผู้ใช้งาน, Huione Crypto ผู้ให้บริการคริปโตที่เอื้อต่อการฟอกเงิน และ Haowang Guarantee ตลาดมืดออนไลน์ที่ขายเครื่องมือปลอมตัวตนและข้อมูลหลอกลวงทางไซเบอร์
.
เครือข่ายเหล่านี้ทำงานสอดประสานกันเหมือนระบบการเงินเงาในอีกจักรวาลหนึ่ง ไม่มี KYC ไม่มี AML และแทบไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐใดๆ เลย การออกคำสั่งของสหรัฐฯ ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การคว่ำบาตรบริษัทหนึ่ง แต่เป็นการ ‘ตัดเส้นเลือดใหญ่ของทุนเทา’ ที่หล่อเลี้ยงอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชาและทั่วภูมิภาค
.
[‘แดนมืดของทุนเทา’ จากสีหนุวิลล์ถึงโบโกร์ เมืองที่ไม่เคยหลับ]
.
หากจะมีจุดใดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สะท้อน ‘โลกใต้ดินของทุนเทา’ ได้ชัดที่สุด คงหนีไม่พ้นชายฝั่งสีหนุวิลล์ และภูเขาโบโกร์ของกัมพูชา เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยถูกโปรโมตว่าเป็น ‘ไข่มุกแห่งอ่าวไทย’ แต่วันนี้กลับกลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เต็มไปด้วยคอมเพล็กซ์มืด คาสิโนร้าง และตึกสูงที่เปลี่ยนจากออฟฟิศท่องเที่ยวเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งสแกมเมอร์
.
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บริษัทจีนจำนวนมากแห่เข้ามาลงทุน โดยเฉพาะหลังจีนผลักดันโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ให้กัมพูชาเป็นฐานยุทธศาสตร์ในภูมิภาคอาเซียน แต่เมื่อเศรษฐกิจเริ่มชะลอและโควิด-19 ปิดประเทศ แรงงานจีนจำนวนมากตกงาน กลุ่มทุนเทาและขบวนการไซเบอร์จึงเข้ามาแทนที่
.
ตึกสูงที่เคยเป็นสำนักงานบริษัทท่องเที่ยวถูกดัดแปลงเป็นคอมเพล็กซ์คอลเซ็นเตอร์ โรงแรมร้างกลายเป็นศูนย์หลอกลวงออนไลน์ มีกำแพงสูง กล้องวงจรปิด และยามติดอาวุธ ภายในเต็มไปด้วยแรงงานจากหลายประเทศ ทั้งจีน ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม และในระยะหลัง ชาวเกาหลีใต้เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
.
ผู้ที่พยายามหนีจะถูกทุบตีหรือขายต่อให้แก๊งอื่น บางคนถูกนำไปกักขังที่ภูเขาโบโกร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นักสิทธิมนุษยชนเรียกว่า ‘สามเหลี่ยมมืดของทุนเทา’เชื่อมระหว่าง ปอยเปต–โบโกร์–สีหนุวิลล์ โดยแต่ละเมืองทำหน้าที่ต่างกัน ปอยเปตคือจุดรับแรงงานและเงิน, โบโกร์คือศูนย์กักกัน ส่วนสีหนุวิลล์คือสำนักงานใหญ่ทางเทคโนโลยี และทั้งหมดเชื่อมต่อกันด้วยโครงข่ายเดียว คือ Huione Group
.
[คดีนักศึกษาเกาหลีใต้ สู่การยกระดับมาตรการระดับชาติ]
.
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา สื่อเกาหลีใต้หลายสำนักรายงานข่าวการเสียชีวิตของนักศึกษาหนุ่มวัย 22 ปีในกัมพูชา ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่า จากข่าวอาชญากรรมทั่วไป จะกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้ ‘ลุกขึ้นตอบโต้อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน’ สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองในประเทศที่มีประชาชนเดินทางไปทำงานและท่องเที่ยวในกัมพูชามากกว่า 300,000 คนต่อปี
.
ประธานาธิบดี อี แจ-มยอง ถึงกับออกคำสั่งโดยตรงให้กระทรวงการต่างประเทศ ‘ยกระดับมาตรการทูตทุกช่องทาง’ เพื่อปกป้องพลเมืองเกาหลีใต้ในกัมพูชา พร้อมตั้งคณะทำงานฉุกเฉินที่มีทั้งหน่วยข่าวกรอง ตำรวจ และกระทรวงยุติธรรมเข้าร่วม
.
“ความปลอดภัยของพลเมืองเกาหลีคือสิ่งสำคัญสูงสุด รัฐบาลจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อค้นหาและช่วยเหลือผู้ที่ยังคงถูกกักขังอยู่ในกัมพูชา” ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระบุ
.
ขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ตัดสินใจยกระดับ ‘คำเตือนการเดินทาง’ ไปยังกัมพูชาเป็นระดับพิเศษ เทียบเท่า 2.5 จาก 4 ระดับ ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปกัมพูชาอย่างเด็ดขาด พร้อมเรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชาเข้าพบเพื่อแสดง “ความกังวลสูงสุด” และเรียกร้องให้มีมาตรการป้องกันเชิงรุก
.
นอกจากนี้ เกาหลียังเสนอแนวคิดตั้ง ‘Korean Desk’ ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา เพื่อให้เจ้าหน้าที่เกาหลีร่วมทำงานด้านการสืบสวนและช่วยเหลือผู้เสียหายโดยตรง
.
การตอบสนองของเกาหลีใต้ครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณสำคัญ เพราะนี่ไม่ใช่แค่การปกป้องพลเมืองของตัวเองแต่คือการส่งสัญญาณไปถึงรัฐบาลพนมเปญ ว่าปัญหานี้ไม่อาจเพิกเฉยได้อีก เพราะในสายตาโลกตอนนี้ กัมพูชาไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียง ‘จุดหมายปลายทางราคาถูก’ แต่คือ ‘ศูนย์กลางของทุนเทาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้’ ที่หลายประเทศเริ่มหมดความอดทน
.
[เมื่อโลกเริ่มขยับ ถึงเวลาที่อาเซียนต้องมีคำตอบ]
.
ในขณะที่สหรัฐฯ เดินหน้า ‘ตัดเส้นทางเงิน’ และเกาหลีใต้ ‘ยกระดับมาตรการทางการทูต’ โลกเริ่มจับตาดูว่า อาเซียนจะรับมือกับปรากฏการณ์ ‘ทุนเทา’ นี้อย่างไร
.
เพราะตลอดสองปีที่ผ่านมา (2024–2025) อาเซียนจัดการประชุมรัฐมนตรีและผู้นำหลายครั้ง ตั้งแต่จาการ์ตา พนมเปญ ถึงบรูไน แต่ในถ้อยแถลงร่วม กลับแทบไม่เคยมีคำว่า ‘grey capital’, ‘cybercrime hubs’ หรือ ‘transnational scam syndicates’ ปรากฏอยู่เลย
.
สิ่งที่ถูกพูดถึงยังคงวนอยู่กับ ‘เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ’ และ ‘ความร่วมมือด้านดิจิทัล’ ขณะที่ไม่มีใครกล้าพูดถึงรากของปัญหาที่กำลังกลืนภูมิภาคอยู่เงียบๆ ในทางกลับกัน สหรัฐฯ และเกาหลีใต้กลับใช้เหตุการณ์จริงในกัมพูชาเป็น ‘แรงขับเชิงนโยบาย’ ที่เปลี่ยนจากคำพูดเป็นการลงมือ
.
ประเทศหนึ่งตัดเส้นทางเงิน อีกประเทศปกป้องชีวิตคนของตัวเอง แต่สำหรับอาเซียน รวมถึงไทยเอง ซึ่งมีพรมแดนติดกัมพูชาโดยตรง ปัญหาคอลเซ็นเตอร์และทุนเทายังถูกพูดถึงในฐานะ “อาชญากรรมเฉพาะจุด” มากกว่าการมองเห็นว่า มันคือ ‘เครือข่ายระดับภูมิภาค’
.
ทั้งความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียนปลายเดือนตุลาคมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมีรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าร่วมในฐานะ ‘ผู้สังเกตการณ์พิเศษ’
.
ดังนั้น คำถามคือ เมื่อโลกเริ่มพูดถึง ‘ทุนเทากัมพูชา’ ในฐานะภัยความมั่นคงระดับภูมิภาค อาเซียนจะยังเลือกเงียบเหมือนเดิม หรือจะกล้าพอที่จะเริ่มพูดถึง ‘ศัตรูในเงา’ ที่อยู่ในบ้านตัวเองเสียที
.
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในกัมพูชาลุกลามจนถูกมองว่าไม่ใช่ปัญหาของประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป มันคือเครือข่ายทุนเทาที่พาดผ่านพรมแดนและแทรกซึมอยู่ในโครงสร้างเศรษฐกิจของภูมิภาค
.
หากอาเซียนยังเลือกที่จะนิ่งต่อไป ปล่อยให้การหลอกลวง การฟอกเงิน และการค้ามนุษย์จะยิ่งฝังรากลึกจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบปกติ เมื่อนั้นอาเซียนอาจถูกตราหน้าว่าเป็น ‘พื้นที่สีเทาในสายตาโลก’ และคงถึงเวลาแล้วที่ผู้นำอาเซียนจะต้องช่วยกันตัดสินใจว่า จะให้ภูมิภาคนี้มีภาพลักษณ์แบบไหนกันแน่
.
สำนักข่าว TODAY
สำนักข่าวออนไลน์ เปิดความรู้ ดูทูเดย์
'ทุนเทากัมพูชา' อีกหนึ่งโจทย์ใหญ่บนโต๊ะประชุมอาเซียน
สหรัฐฯ เกาหลีใต้ ขยับแล้ว ภูมิภาคนี้จะเอายังไงต่อ?
.
คดีที่นักศึกษาหนุ่มชาวเกาหลีใต้วัย 22 ปี ถูกหลอกให้ไปทำงานกับแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา ก่อนถูกทรมานจนเสียชีวิต กำลังเขย่าสังคมเกาหลีใต้อย่างหนัก และทำให้รัฐบาลต้องขยับในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่การยกระดับ ‘คำเตือนการเดินทาง’ ไปยังพนมเปญเป็นระดับพิเศษ เรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชาเข้าพบ ไปจนถึงการตั้งคณะทำงานฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือพลเมืองเกาหลีใต้ในต่างแดน
.
ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ระบุว่า คดีลักพาตัว กักขัง และทรมานชาวเกาหลีในกัมพูชาพุ่งจาก 17 คดีในปี 2023 เป็นกว่า 330 คดีภายใน 8 เดือนแรกของปี 2025 เหยื่อส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานที่ถูกหลอกผ่านโฆษณางานเงินดี พอถึงที่หมายกลับถูกยึดพาสปอร์ต บังคับทำงานคอลเซ็นเตอร์ และหากขัดขืนก็ถูกทำร้ายหรือขายต่อให้ขบวนการอื่น
.
ความเคลื่อนไหวของเกาหลีใต้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีประเทศออกมาใช้ ‘ยาแรง’ จัดการกับขบวนการหลอกลวงและการฟอกเงินในกัมพูชา หากยังจำกันได้ เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ ก็เพิ่งประกาศคว่ำบาตร Huione Group บริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ในกัมพูชา ซึ่ง FinCEN ระบุว่าเป็น “ศูนย์กลางฟอกเงินของเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก”
.
เหตุการณ์ที่ทั้งสองประเทศกำลังเผชิญ จึงเหมือน ‘ปัญหาเดียวกันแต่คนละปลายสาย’ เกาหลีใต้เจอกับการสูญเสียชีวิตคน ส่วนสหรัฐฯ เจอกับเงินที่ไหลออกจากระบบการเงินโลก แต่สุดท้าย เส้นเรื่องทั้งสองกลับมาบรรจบกันที่กัมพูชา
.
[‘Huione Group’ เส้นเลือดใหญ่ของทุนเทาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้]
.
ในสายตาสหรัฐฯ ‘Huione Group’ ไม่ใช่เพียงบริษัทการเงินทั่วไป แต่คือหัวใจสำคัญของโครงสร้างฟอกเงินที่เชื่อมโยงตั้งแต่คอลเซ็นเตอร์ในสีหนุวิลล์ ไปจนถึงแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือ
.
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2025 สำนักงานป้องกันอาชญากรรมทางการเงินของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ หรือ FinCEN ออกประกาศตามมาตรา 311 แห่ง Patriot Act ระบุว่า Huione Group เป็น ‘สถาบันการเงินที่เป็นภัยคุกคามหลักต่อระบบการเงินโลก’ และเสนอใช้มาตรการขั้นสูงสุด Special Measure 5 เพื่อห้ามธนาคารสหรัฐฯ เปิดหรือคงบัญชีตัวแทนให้กับบริษัทในเครือ เท่ากับตัด Huione ออกจากระบบดอลลาร์โดยตรง
.
FinCEN เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2021–2025 บริษัทในเครือของ Huione ฟอกเงินผิดกฎหมายกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เงินเหล่านี้เชื่อมโยงกับขบวนการหลอกลงทุนออนไลน์ที่เรียกว่า ‘pig butchering scam’ เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติในเอเชีย และการโจรกรรมทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือ
.
โครงสร้างของ Huione ประกอบด้วยบริษัทลูกหลายแห่ง เช่น Huione Pay แพลตฟอร์มโอนเงินที่แทบไม่มีระบบยืนยันตัวตนผู้ใช้งาน, Huione Crypto ผู้ให้บริการคริปโตที่เอื้อต่อการฟอกเงิน และ Haowang Guarantee ตลาดมืดออนไลน์ที่ขายเครื่องมือปลอมตัวตนและข้อมูลหลอกลวงทางไซเบอร์
.
เครือข่ายเหล่านี้ทำงานสอดประสานกันเหมือนระบบการเงินเงาในอีกจักรวาลหนึ่ง ไม่มี KYC ไม่มี AML และแทบไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐใดๆ เลย การออกคำสั่งของสหรัฐฯ ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การคว่ำบาตรบริษัทหนึ่ง แต่เป็นการ ‘ตัดเส้นเลือดใหญ่ของทุนเทา’ ที่หล่อเลี้ยงอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชาและทั่วภูมิภาค
.
[‘แดนมืดของทุนเทา’ จากสีหนุวิลล์ถึงโบโกร์ เมืองที่ไม่เคยหลับ]
.
หากจะมีจุดใดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สะท้อน ‘โลกใต้ดินของทุนเทา’ ได้ชัดที่สุด คงหนีไม่พ้นชายฝั่งสีหนุวิลล์ และภูเขาโบโกร์ของกัมพูชา เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยถูกโปรโมตว่าเป็น ‘ไข่มุกแห่งอ่าวไทย’ แต่วันนี้กลับกลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เต็มไปด้วยคอมเพล็กซ์มืด คาสิโนร้าง และตึกสูงที่เปลี่ยนจากออฟฟิศท่องเที่ยวเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งสแกมเมอร์
.
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บริษัทจีนจำนวนมากแห่เข้ามาลงทุน โดยเฉพาะหลังจีนผลักดันโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ให้กัมพูชาเป็นฐานยุทธศาสตร์ในภูมิภาคอาเซียน แต่เมื่อเศรษฐกิจเริ่มชะลอและโควิด-19 ปิดประเทศ แรงงานจีนจำนวนมากตกงาน กลุ่มทุนเทาและขบวนการไซเบอร์จึงเข้ามาแทนที่
.
ตึกสูงที่เคยเป็นสำนักงานบริษัทท่องเที่ยวถูกดัดแปลงเป็นคอมเพล็กซ์คอลเซ็นเตอร์ โรงแรมร้างกลายเป็นศูนย์หลอกลวงออนไลน์ มีกำแพงสูง กล้องวงจรปิด และยามติดอาวุธ ภายในเต็มไปด้วยแรงงานจากหลายประเทศ ทั้งจีน ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม และในระยะหลัง ชาวเกาหลีใต้เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
.
ผู้ที่พยายามหนีจะถูกทุบตีหรือขายต่อให้แก๊งอื่น บางคนถูกนำไปกักขังที่ภูเขาโบโกร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นักสิทธิมนุษยชนเรียกว่า ‘สามเหลี่ยมมืดของทุนเทา’เชื่อมระหว่าง ปอยเปต–โบโกร์–สีหนุวิลล์ โดยแต่ละเมืองทำหน้าที่ต่างกัน ปอยเปตคือจุดรับแรงงานและเงิน, โบโกร์คือศูนย์กักกัน ส่วนสีหนุวิลล์คือสำนักงานใหญ่ทางเทคโนโลยี และทั้งหมดเชื่อมต่อกันด้วยโครงข่ายเดียว คือ Huione Group
.
[คดีนักศึกษาเกาหลีใต้ สู่การยกระดับมาตรการระดับชาติ]
.
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา สื่อเกาหลีใต้หลายสำนักรายงานข่าวการเสียชีวิตของนักศึกษาหนุ่มวัย 22 ปีในกัมพูชา ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่า จากข่าวอาชญากรรมทั่วไป จะกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้ ‘ลุกขึ้นตอบโต้อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน’ สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองในประเทศที่มีประชาชนเดินทางไปทำงานและท่องเที่ยวในกัมพูชามากกว่า 300,000 คนต่อปี
.
ประธานาธิบดี อี แจ-มยอง ถึงกับออกคำสั่งโดยตรงให้กระทรวงการต่างประเทศ ‘ยกระดับมาตรการทูตทุกช่องทาง’ เพื่อปกป้องพลเมืองเกาหลีใต้ในกัมพูชา พร้อมตั้งคณะทำงานฉุกเฉินที่มีทั้งหน่วยข่าวกรอง ตำรวจ และกระทรวงยุติธรรมเข้าร่วม
.
“ความปลอดภัยของพลเมืองเกาหลีคือสิ่งสำคัญสูงสุด รัฐบาลจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อค้นหาและช่วยเหลือผู้ที่ยังคงถูกกักขังอยู่ในกัมพูชา” ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระบุ
.
ขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ตัดสินใจยกระดับ ‘คำเตือนการเดินทาง’ ไปยังกัมพูชาเป็นระดับพิเศษ เทียบเท่า 2.5 จาก 4 ระดับ ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปกัมพูชาอย่างเด็ดขาด พร้อมเรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชาเข้าพบเพื่อแสดง “ความกังวลสูงสุด” และเรียกร้องให้มีมาตรการป้องกันเชิงรุก
.
นอกจากนี้ เกาหลียังเสนอแนวคิดตั้ง ‘Korean Desk’ ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา เพื่อให้เจ้าหน้าที่เกาหลีร่วมทำงานด้านการสืบสวนและช่วยเหลือผู้เสียหายโดยตรง
.
การตอบสนองของเกาหลีใต้ครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณสำคัญ เพราะนี่ไม่ใช่แค่การปกป้องพลเมืองของตัวเองแต่คือการส่งสัญญาณไปถึงรัฐบาลพนมเปญ ว่าปัญหานี้ไม่อาจเพิกเฉยได้อีก เพราะในสายตาโลกตอนนี้ กัมพูชาไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียง ‘จุดหมายปลายทางราคาถูก’ แต่คือ ‘ศูนย์กลางของทุนเทาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้’ ที่หลายประเทศเริ่มหมดความอดทน
.
[เมื่อโลกเริ่มขยับ ถึงเวลาที่อาเซียนต้องมีคำตอบ]
.
ในขณะที่สหรัฐฯ เดินหน้า ‘ตัดเส้นทางเงิน’ และเกาหลีใต้ ‘ยกระดับมาตรการทางการทูต’ โลกเริ่มจับตาดูว่า อาเซียนจะรับมือกับปรากฏการณ์ ‘ทุนเทา’ นี้อย่างไร
.
เพราะตลอดสองปีที่ผ่านมา (2024–2025) อาเซียนจัดการประชุมรัฐมนตรีและผู้นำหลายครั้ง ตั้งแต่จาการ์ตา พนมเปญ ถึงบรูไน แต่ในถ้อยแถลงร่วม กลับแทบไม่เคยมีคำว่า ‘grey capital’, ‘cybercrime hubs’ หรือ ‘transnational scam syndicates’ ปรากฏอยู่เลย
.
สิ่งที่ถูกพูดถึงยังคงวนอยู่กับ ‘เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ’ และ ‘ความร่วมมือด้านดิจิทัล’ ขณะที่ไม่มีใครกล้าพูดถึงรากของปัญหาที่กำลังกลืนภูมิภาคอยู่เงียบๆ ในทางกลับกัน สหรัฐฯ และเกาหลีใต้กลับใช้เหตุการณ์จริงในกัมพูชาเป็น ‘แรงขับเชิงนโยบาย’ ที่เปลี่ยนจากคำพูดเป็นการลงมือ
.
ประเทศหนึ่งตัดเส้นทางเงิน อีกประเทศปกป้องชีวิตคนของตัวเอง แต่สำหรับอาเซียน รวมถึงไทยเอง ซึ่งมีพรมแดนติดกัมพูชาโดยตรง ปัญหาคอลเซ็นเตอร์และทุนเทายังถูกพูดถึงในฐานะ “อาชญากรรมเฉพาะจุด” มากกว่าการมองเห็นว่า มันคือ ‘เครือข่ายระดับภูมิภาค’
.
ทั้งความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียนปลายเดือนตุลาคมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมีรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าร่วมในฐานะ ‘ผู้สังเกตการณ์พิเศษ’
.
ดังนั้น คำถามคือ เมื่อโลกเริ่มพูดถึง ‘ทุนเทากัมพูชา’ ในฐานะภัยความมั่นคงระดับภูมิภาค อาเซียนจะยังเลือกเงียบเหมือนเดิม หรือจะกล้าพอที่จะเริ่มพูดถึง ‘ศัตรูในเงา’ ที่อยู่ในบ้านตัวเองเสียที
.
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในกัมพูชาลุกลามจนถูกมองว่าไม่ใช่ปัญหาของประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป มันคือเครือข่ายทุนเทาที่พาดผ่านพรมแดนและแทรกซึมอยู่ในโครงสร้างเศรษฐกิจของภูมิภาค
.
หากอาเซียนยังเลือกที่จะนิ่งต่อไป ปล่อยให้การหลอกลวง การฟอกเงิน และการค้ามนุษย์จะยิ่งฝังรากลึกจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบปกติ เมื่อนั้นอาเซียนอาจถูกตราหน้าว่าเป็น ‘พื้นที่สีเทาในสายตาโลก’ และคงถึงเวลาแล้วที่ผู้นำอาเซียนจะต้องช่วยกันตัดสินใจว่า จะให้ภูมิภาคนี้มีภาพลักษณ์แบบไหนกันแน่
.
สำนักข่าว TODAY
สำนักข่าวออนไลน์ เปิดความรู้ ดูทูเดย์
https://www.facebook.com/photo?fbid=1210806800871266&set=a.661952892423329
.....
เปิดแผน 'เกาหลีใต้' เอาจริง ลุยสแกมเมอร์ 'กัมพูชา' ตั้งโต๊ะรับคดี เสนอใช้ปฏิบัติการทหาร | WORLD WHY
https://www.youtube.com/watch?v=J_Y3Xg6lAJQ

TODAY
8 hours ago
·
เปิดแผน 'เกาหลีใต้' เอาจริง ลุยสแกมเมอร์ 'กัมพูชา' ตั้งโต๊ะรับคดีเอง เสนอใช้ปฏิบัติการทหาร
.
ดูใน YouTube ที่นี่ https://youtu.be/J_Y3Xg6lAJQ
.
จับตาแนวทาง 'เกาหลีใต้' เอาจริงแก๊งสแกมเมอร์ 'กัมพูชา' หลังคดีหนุ่มชาวเกาหลีใต้ถูกพบเป็นศพไม่คืบหน้า และยังมีชาวเกาหลีใต้ถูกหลอกไปยังกัมพูชาเพิ่มเป็นทวีคูณ วิจารณ์หนักความร่วมมือกัมพูชาไม่ราบรื่น ขณะที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้ปฏิบัติการทางการทหาร โดยเปรียบเทียบกับภารกิจช่วยประกันจากโจรสลัดเมื่อปี 2011
.
ดำเนินรายการโดย จอมพล ดาวสุโข
.
สำนักข่าว TODAY
สำนักข่าวออนไลน์ เปิดความรู้ ดูทูเดย์
.