วันพุธ, ตุลาคม 15, 2568

เห็นหรือยัง ที่พูดกันว่าบ้านนี้เมืองนี้ ศาลรัฐธรรมนวย (๙ คน หรือ ๗ คน) เป็นพ่องทุกองค์กร ยังน้อยไป นี่ ตลก.สามสี่คนเท่านั้นสั่งได้ทั้งประเทศ

เผ็ดร้อนเหลือหลาย อภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระแรกจากพวก ฮั้วเลือกตั้ง มาขึ้นวอ ที่ สส.บางคนบอกไม่เรียก วุฒิ สมาชิก กันแล้ว แค่เรียก สว. (เดชะบุญไม่เติมสระ ) ก็เลยเป็นเรื่องใหญ่ สว.ทั่นหนึ่งถึงกับบริภาษณ์ว่าน้องคนนั้น “สามหาว”

พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ “ว้อแตก” (คำของ dei @webdevxp) เมื่อฟังอภิปรายของ สส.ภัณฑิล น่วมเจิม พรรคประชาชน เรื่อง สว.มีไว้ทำไมตอนหนึ่ง ให้ไป กูเกิ้ล คำว่า “ข่าว สว.” ดูจะพบเกี่ยวพันคำประเภท “กร่าง ฉาว และหื่น”

“น้องท่านนี้อ่ะ ไม่ควรจะสามหาว” ซึ่งพูดไปแล้วก็เข้าตัวแหละ ในการอภิปรายร่างข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ที่มีสามพรรคยื่นเข้าไปสู่การพิจารณาของรัฐสภา แต่ว่า สว.พรรคสีน้ำเงิน (ฉายา) จงใจหยิบเอาร่างฯ ของพรรคประชาชนเท่านั้นมาชำแหระ

การอภิปรายของ สว.พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ น่าจะเป็นวัสดุสันดาประเบิดเปรี้ยงปร้าง เริ่มโดยเรียบๆ ง่ายๆ ตามวุฒิภาวะที่มี คือขอให้เดินตามคำสั่งศาลรัฐธรรม นวยให้เคร่งครัดกันนะ เพราะเห็นว่าอำนาจของรัฐสภาถูก จำกัดโดยศาลฯ ไปแล้ว (ไหนว่ามี แบ่งแยกอำนาจ)

หนักกว่านั้นพระคุณทั่นลำเลิกความเป็น ผู้ใหญ่ที่คิดว่าตนมี ว่ากล่าวให้ร้ายร่างฯ ฉบับของพรรคประชาชนว่าเป็นฉบับ “เซาะกร่อนบ่อนทำลาย” ก็คือยกเอาคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนวยครั้งก่อนมาสวมใส่ แล้วยังปากพล่อยถามว่า “เตรียมหาชื่อพรรคใหม่แล้วหรือยัง”

พูดอย่างนั้นก็เข้าข่ายนิยาม สามหาวคำของ พ.ต.อ.กอบได้ด้วยเหมือนกัน แต่ถ้าจะดูให้แน่ว่าทำไมถึงได้เป็นเองแบบนั้น ลองฟังสำเนียงของเหตุและผล ที่ Voranai Vanijaka @voranai วิจารณ์ไว้ว่า นี่เป็นอีกปัญหาที่ตัวแทนประชาชนไม่เข้าใจประชาธิปไตย

เขาว่า “การที่ สว.มีจุดยืนไม่แก้หมวด 1 & 2 ย่อมเป็นสิทธิ การที่พรรคประชาชนมีจุดยืนว่าแก้ได้ก็ย่อมเป็นสิทธิ แล้วกระบวนการรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตยก็จะตัดสินว่าจะแก้หรือไม่แก้” นี่คือ สันดานประชาธิปไตย

“แต่การประกาศห้ามแตะต้อง ขู่ว่าหากแตะต้องจะเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้นำไปสู่การยุบพรรคการแบน สส. นี่คือสันดานเผด็จการ” ที่เกิดกับข้อวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนวยนั่นละ

รู้ไหม สาระสำคัญของคำวินิจฉัยที่ 18/2568 ที่ว่า “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง นั้นมาจาก ตลก. แค่ ๓ ใน ๗ คนเท่านั้น คือ นพดล เทพพิทักษ์ วิฬุรห์ แสงเทียน และจิรนิติ หะวานนท์ โดยเพียงสองคนให้ความเห็นประกอบ

นภดลบอกว่าแม้ประชาชนเห็นชอบ (ผ่านประชามติ) ให้จัดทำ รธน.ใหม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอนุญาตรัฐสภามอบอำนาจใครคนใดจัดทำ ส่วนวิฬุรห์เห็นว่า “รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ให้อำนาจกับรัฐสภาเท่านั้นในการแก้ไข” ดังนั้นประชาชนไม่มีอำนาจนี้

เห็นหรือยัง ที่พูดกันว่าบ้านนี้เมืองนี้ ศาลรัฐธรรมนวย (๙ คน หรือ ๗ คน) เป็นพ่องทุกองค์กร ยังน้อยไป นี่ ตลก.สามสี่คนเท่านั้นสั่งได้ทั้งประเทศ

(https://www.facebook.com/iLawClub/posts/swTDru6Tp, https://x.com/voranai/status/1978284568471064849, https://x.com/webdevxp/status/1978035072163787024 และ https://www.facebook.com/ThePoliticsByMatichon/posts/8RwGJJyR)