
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
15 hours ago
·
ON THIS DAY: ชุมนุม #ม็อบ14ตุลา63 สลายการชุมนุม จับกุมแกนนำ - จุดเริ่มต้นของคดีขบวนเสด็จ ม.110
.
วันนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว (14 ต.ค. 2563) มีการชุมนุมใหญ่ของคณะราษฎร 2563 หรือ #ม็อบ14ตุลา เพื่อกดดันให้รัฐบาลทำตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออก 2. เปิดประชุมวิสามัญเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 3. ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและเคลื่อนขบวนไปปักหลักชุมนุมที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลในช่วงเย็น
.
การชุมนุมเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 14 ต.ค. 2563 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีการนำกระถางต้นไม้ออกจากรอบบริเวณอนุสาวรีย์ และเริ่มเคลื่อนขบวนเพื่อไปปักหลักชุมนุมที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล
.
ต่อมาในเวลา 04.00 น. ของวันที่ 15 ต.ค. 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ร้ายแรง) ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมโล่ กระบอง ชุดเกราะ เข้าสลายการชุมนุมและทยอยจับกุมตัวแกนนำและประชาชนอย่างน้อย 27 ราย นำตัวไปควบคุมไว้ที่ บก.ตชด. ภาค 1
.
ภายหลังจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพฯ การสลายการชุมนุม รวมถึงไปถึงการจับกุม ประชาชนออกมาแสดงความไม่พอใจและไม่เห็นด้วยจำนวนมากจนเกิดการชุมนุมขึ้นหลายวันต่อเนื่องกัน ในรูปแบบทุกคนคือแกนนำในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร เช่น #15ตุลาไปราชประสงค์, #16ตุลาไปแยกปทุมวัน, #ม็อบ17ตุลา, #ม็อบ18ตุลาไปอนุสาวรีย์ชัย เป็นต้น
.
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนพบว่ามีนักกิจกรรมและประชาชนถูกดำเนินคดีจากการชุมนุม #ม็อบ14ตุลา อย่างน้อย 7 คดี ในจำนวน 34 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมถึงคดี “ประทุษร้ายเสรีภาพพระราชินี” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 ด้วย
.
.

.
จากการสลายชุมนุมและถูกจับกุมในรุ่งเช้าของวันที่ 15 ต.ค. 2563 มีประชาชนถูกดำเนินคดีทั้งสิ้น 18 คน โดยแยกเป็น 2 คดี ได้แก่ คดีที่ สน.ดุสิต จำนวน 13 คน และคดีของ สน.นางเลิ้ง จำนวน 5 คน
.
ในคดีแรกที่เป็นสำนวนของ สน.ดุสิต จำนวน 13 คน พนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาลแขวงดุสิตเพียง 9 รายเท่านั้น ได้แก่ ชาติชาย แจ่มจันทร์, ศักดา อุประ, เจษฎา จอกโคกสูง, ปารย์พิรัย์ บุญญา, ธนาภูวเดช, สิงหา ดลสุข, เดือน คงยอด, สมประสงค์ เปาอินทร์ และว่าที่ร้อยตรีรุ่งโรจน์ ครองสินไชโย
.
ส่วนผู้ถูกกล่าวหาอีก 4 คน ได้แก่ ไชญะภัณฑ์ พันทรศิริมาส, เริงชัย บังวงศ์, วิชัย โรคน้อย และวันชัย สิงห์สวัสดิ์ อัยการเห็นควรสั่งไม่ฟ้องคดี เนื่องจากเห็นว่าปรากฏพยานหลักฐานไม่พอฟ้องทั้งสี่ โดยข้อเท็จจริงนั้นทั้งสี่คนเป็นเพียงคนขับรถส่งน้ำให้กับที่ชุมนุม ไม่ได้เป็นผู้มาเข้าร่วมชุมนุมแต่อย่างใด
.
ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2566 ศาลแขวงดุสิตพิพากษายกฟ้อง โดยสรุปแล้วเห็นว่าจำเลยชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ สิทธิถูกรับรองไว้ตามกฎหมาย และการเบิกความของโจทก์ยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีความผิด ปัจจุบันคดีสิ้นสุดแล้ว
.
ส่วนคดีที่สองของประชาชนอีก 5 คนซึ่งเป็นสำนวนของ สน.นางเลิ้ง ปัจจุบันคดีอยู่ในชั้นตำรวจ
.
.

.
คดีนี้มีผู้ถูกดำเนินคดีทั้งสิ้น 8 คน ได้แก่ ภาณุพงศ์ จาดนอก, ชลธิชา แจ้งเร็ว, สมยศ พฤกษาเกษมสุข, จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์, ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล, พริษฐ์ ชิวารักษ์, ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี ซึ่งถูกกล่าวหาจากการย้ายต้นไม้รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก่อนเดินไปหน้าทำเนียบรัฐบาล ระหว่างการชุมนุม #ม็อบ14ตุลา63
.
ทั้งแปดคนถูกดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และทำให้เสียทรัพย์ คดีนี้ศาลแขวงดุสิตมีคำพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหาและยกคำร้องขอให้ชดใช้ค่าสินไหม โดยระบุว่าโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยทั้งแปดเป็นผู้จัดกิจกรรม ทั้งจำเลยไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ต้นไม้เสียหาย ปัจจุบันคดีสิ้นสุดแล้ว
.
.

.
คดีนี้มี 5 คน ถูกดำเนินคดีได้แก่ เอกชัย หงส์กังวาน, “ฟรานซิส” บุญเกื้อหนุน เป้าทอง, “ตัน” สุรนาถ แป้นประเสริฐ และประชาชนอีกสองคนคือ “เก่ง” ชนาธิป (สงวนนามสกุล) และ “ขวัญ” ภาณุภัทร์ (สงวนนามสกุล) ซึ่งถูกกล่าวหาว่าขัดขวางขบวนเสด็จของสมเด็จพระราชินีและเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ ในข้อหา “ประทุษร้ายต่อพระองค์หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 ซึ่งมีโทษจําคุกตลอดชีวิต หรือจําคุกตั้งแต่ 16-20 ปี
.
มูลเหตุเกิดขึ้นระหว่างการชุมนุม #ม็อบ14ตุลา ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มหลักกำลังเคลื่อนขบวนจากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังทำเนียบรัฐบาล บริเวณถนนพิษณุโลก ด้านหน้าของทำเนียบรัฐบาลมีกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันจำนวนหนึ่งเพื่อรอคอยขบวนใหญ่ที่กำลังเดินทางมา ได้เกิดเหตุที่ขบวนเสด็จของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พร้อมด้วยเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ ผ่านเข้ามาในที่ชุมนุม ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามากั้นแนวระหว่างผู้ชุมนุมและรถขบวนเสด็จ ก่อนขบวนจะผ่านไปได้
.
ภายหลังมี ศรายุทธ สังวาลย์ทอง และ พ.ต.ท.พิทักษ์ ลาดล่าย เป็นผู้กล่าวหา ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2566 ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าเหตุการณ์เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของทุกฝ่าย เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนก็เพิ่งทราบเรื่องขบวนเสด็จฯ เมื่อใกล้ถึงที่เกิดเหตุ และเมื่อผู้ชุมนุมทราบว่าเป็นขบวนเสด็จฯ ก็ได้ล่าถอยไปและขบวนเสด็จก็ผ่านไปได้ สำหรับข้อหากีดขวางทางสาธารณะและการจราจร เห็นว่าตำรวจเป็นผู้นำรถมากีดขวางถนนเอง
.
ต่อมาในวันที่ 5 ก.ย. 2568 ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น เห็นว่าพยานโจทก์เบิกความสอดคล้องกัน เชื่อได้ว่าจำเลยทั้งห้า ทราบว่าเป็นขบวนเสด็จของสมเด็จพระราชินี ทั้งห้ามีพฤติการณ์ขัดขวางขบวนเสด็จ การกระทำความผิดสำเร็จแล้วแต่ไม่บรรลุผลเพราะขบวนเสด็จเคลื่อนผ่านไปได้ จึงเป็นการพยายาม พิพากษาจำคุกคนละ 16 ปี ส่วนเอกชัยจำคุก 21 ปี 4 เดือน ไม่รอการลงโทษ
.
ปัจจุบันทั้งห้าคนยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรม หลังศาลอุทธรณ์พิพากษาและไม่ได้รับสิทธิประกันตัวตั้งแต่นั้นเรื่อยมา ซึ่งอยู่ระหว่างสู้คดีในชั้นฎีกา
.
.

.
คดีนี้ อานนท์ นำภา ถูกดำเนินคดีในข้อหามาตรา 112 และข้อหาอื่น ๆ รวม 9 ข้อกล่าวหา จากการปราศรัยในชุมนุมคณะราษฎร #ม็อบ14ตุลา
.
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2566 ศาลอาญาพิพากษาว่าอานนท์มีความผิด เห็นว่าการปราศรัยของจำเลยมีเจตนาสร้างความเสื่อมเสียให้กษัตริย์ รับฟังเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ให้ลงโทษจำคุก 4 ปี ตามมาตรา 112 และปรับ 20,000 ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โทษจำคุกไม่รอลงอาญา
.
คดีนี้เป็นคดีมาตรา 112 คดีแรกของอานนท์ที่มีคำพิพากษาออกมา และเป็นเหตุที่ทำให้อานนท์ถูกคุมขังครั้งล่าสุดหลังศาลชั้นต้นพิพากษาและไม่ได้รับสิทธิประกันตัวเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลามากกว่า 2 ปีแล้ว
.
คดีนี้ยังอยู่ในชั้นอุทธรณ์ โดยทนายจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คดีไปแล้วเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2567
.
.

.
นอกจากคดีความที่เกิดขึ้นจากสถานที่ชุมนุมแล้ว ในพื้นที่บนโซเชียลมีเดียที่มีการวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นในวันที่ 14 ต.ค. 2563 ยังถูกดำเนินคดีอีกสองคดี ดังนี้
.
ในคดีแรกเป็นคดีของ “ใจ” (นามสมมติ) ถูกดำเนินคดีในข้อหามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ กรณีทวีตรูปพร้อมติดแฮชแท็กเกี่ยวกับกษัตริย์ ใต้พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 9 ซึ่งมีข้อความประกอบภาพว่า “ไม่ต้องจำว่าฉันคือใคร แต่จำว่าฉันทำอะไรก็พอ” พระราชดำรัสของรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563
.
ใจต่อสู้คดีโดยยืนยันว่า มาตรา 112 คุ้มครองกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ไม่ได้คุ้มครองกษัตริย์ในอดีต แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิดตามฟ้อง โดยเห็นว่าบทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้คุ้มครองเฉพาะกษัตริย์ที่ครองราชย์อยู่เท่านั้น แม้รัชกาลที่ 9 จะสวรรคตไปแล้ว การกระทำของจำเลยก็ยังเป็นความผิดตามมาตรา 112 เนื่องจากเป็นการกระทำที่กระทบต่อรัชกาลที่ 10 ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อกษัตริย์องค์ปัจจุบัน พิพากษาจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา และได้ประกันตัว
.
ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2568 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ต่อมาได้ประกันตัว ปัจจุบันคดีอยู่ในชั้นฎีกา
.
ส่วนอีกคดีหนึ่งเป็นของ “สุทธิเทพ” (สงวนนามสกุล) ถูกดำเนินคดีในข้อหามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากกรณีโพสต์ข้อความวิจารณ์สถาบันกษัตริย์ประชดกลุ่มรักสถาบันฯ ในกลุ่มเฟซบุ๊ก “คณะประชาชนปลดแอก – Free People” เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563
.
คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลอาญาพิพากษาว่ามีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา และได้ประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ ต่อมาในวันที่ 25 ม.ค. 2567 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้รอลงอาญา 3 ปี เนื่องจากเห็นว่าอุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นในบางส่วน ซึ่งปัจจุบันคดีนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว
.
.

https://tlhr2014.com/archives/79195
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1218494370121031&set=a.656922399611567