
Somsak Jeamteerasakul
19 hours ago
·
ลองนึกดูว่ามีประเทศไหนเขาเลือก "สสร" คือตัวแทนจากทั่วประเทศมาร่างรัฐธรรมนูญ พยายามนึกก็นึกไม่ออก
แต่ "สสร" นี่เป็นความภูมิใจของใครรู้ไหม?
ของกษัตริย์ภูมิพล
เอ้า! นี่จริงๆเลย มีหลักฐานการพูดให้คนอื่นฟังด้วย
คนที่ชอบรูปแบบนี่แหละกษัตริย์ภูมิพลละ
(นึกถึงตอนตั้ง "สมัชชาแห่งชาติ" เอาคนหลายๆรูปแบบมาตั้งเป็น"ผู้แทนประชาชน" นั่นก็อีกครั้งนึง)
"การมีส่วนร่วมของประชาชน" เอาไว้เมื่อเป็นรูปร่างแล้วเถอะ
และทำลายรูปแบบนี้ไปเสีย
สิ้นเปลือง ไม่มีใครเขาใช้หรอก

สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
Yesterday
·
สูตรนี้ถ้าคิดมาก ก็ ‘สสร.สีน้ำเงิน’ แน่! เหตุ สส.ภูมิใจไทยและเครือข่าย+สว. จะเป็นเสียงส่วนใหญ่ที่จะเลือก สสร.
‘ภูมิใจไทย’ เปิดโมเดล ‘สสร.’ ให้ สส. และ สว.เป็นผู้เลือกทั้งหมด รวม 99 คน โดยไม่ได้ให้ประชาชนเลือกมาก่อน ระบุ ไม่ต้องการให้เกิดความสุ่มเสี่ยงจะโดนร้องศาลรัฐธรรมนูญอีก
วันที่ 22 ก.ย.68 นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทย ว่า ขณะนี้จัดทำร่างแก้ไขธรรมนูญ มาตรา 256 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังให้ สส.ร่วมลงชื่อ เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ที่ต้องมีเสียง 1 ใน 5 คือ 100 คน โดยพรรคภูมิใจไทยมี 69 เสียง และได้มีการหารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นแล้วด้วย คาดว่าจะยื่นต่อประธานรัฐสภาได้ในวันที่ 24 ก.ย. (วันพุธนี้)
สำหรับรายละเอียดของร่างพรรคภูมิใจไทย นายภราดร ยอมรับว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยออกมา ก็ได้ปรับเปลี่ยนจากแนวคิดเดิมเพื่อให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไม่อนุญาตให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง
ตามร่างฯ ของพรรคภูมิใจไทย จึงให้ผู้ที่ประสงค์จะเป็น สสร. แต่ละจังหวัด สมัครเข้ามา โดยให้ กกต. เป็นผู้รับสมัคร แล้วให้ ‘รัฐสภา’ ( สส.และ สว.) เลือกเหลือจังหวัดละ 1 คน จากทั้งหมด 77 จังหวัด ก็จะมี 77 คน
อีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นกลุ่มนักวิชาการ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และเชี่ยวชาญ 22 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 7-8 คน โดยให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสมัครเข้ามา และให้ ‘รัฐสภา’ เป็นผู้เลือกเช่นเดียวกัน
นายภราดร ระบุว่า แนวทางนี้ เป็นแนวทางเดียวกับ สสร.ปี 2539 ที่มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 แต่ที่ไม่ได้ให้ ‘ประชาชน’ เลือกก่อน หรือ ให้ ‘ผู้สมัคร’ เลือกกันเองก่อน เหมือนตอน สสร.ปี 40 เพราะไม่ต้องการให้เกิดความเสี่ยงที่จะถูกร้องศาลรัฐธรรมนูญ จนอาจจะทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกล้มไป
ส่วนเสียงเรียกร้องจากพรรคประชาชน ที่อยากให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ไปคุยกับสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อขอเสียงสนับสนุนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายภราดร กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกฝ่ายควรช่วยกัน เมื่อพรรคการเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ได้ตกลงร่วมกัน และมีเจตนาร่วมกันว่าจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแล้ว การจะแก้จะต้องใช้เสียง สว. 1 ใน 3 ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของสมาชิกผู้แทนราษฎร ที่เห็นตรงกัน จะต้องช่วยกันโน้มน้าวและพูดคุยกับ สว. ถึงความจำเป็น และเนื้อหาสาระ เพื่อให้เขามีความมั่นใจ และสบายใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
"สส.ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะคนอนุทิน ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน ก็จะต้องช่วยกันเจรจาพูดคุย เพื่อให้เดินไปสู่ปลายทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้สำเร็จ เพราะต้องใช้ สว.ถึง 1 ใน 3"
สำหรับโมเดล สสร. ปี 2539 ที่มาร่างรัฐธรรมนูญ 2540 มีจำนวน 99 คน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1. จากแต่ละจังหวัด 76 คน
โดยให้ผู้สมัคร สสร.ในแต่ละจังหวัด คัดเลือกกันเองให้เหลือจังหวัดละ 10 คน 76 จังหวัด (จำนวนจังหวัดในขณะนั้น) รวมเป็น 760 คน จากนั้นส่งรายชื่อทั้ง 760 คน ให้รัฐสภาคัดเลือกขั้นสุดท้ายให้เหลือจังหวัดละ 1 คน รวม 76 คน
2.ผู้ทรงคุณวุฒิ 23 คน
มาจากผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน ผู้เชี่ยวชาญสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ และผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน หรือการร่างรัฐธรรมนูญ โดยให้มาจากการคัดเลือกกันเองของสภาสถาบันอุดมศึกษาในสาขานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ หรือรัฐประศาสนศาสตร์แต่ละแห่งคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติประเภทต่างๆ แล้วจึงส่งให้รัฐสภาคัดเลือก
ของปี 2540 ถือว่าเป็นการเลือกตั้งทางอ้อม คือให้เลือกกันเอง ก่อนส่งให้รัฐสภา คือ สส. - สว.เลือกอีกทีหนึ่ง
·
ลองนึกดูว่ามีประเทศไหนเขาเลือก "สสร" คือตัวแทนจากทั่วประเทศมาร่างรัฐธรรมนูญ พยายามนึกก็นึกไม่ออก
แต่ "สสร" นี่เป็นความภูมิใจของใครรู้ไหม?
ของกษัตริย์ภูมิพล
เอ้า! นี่จริงๆเลย มีหลักฐานการพูดให้คนอื่นฟังด้วย
คนที่ชอบรูปแบบนี่แหละกษัตริย์ภูมิพลละ
(นึกถึงตอนตั้ง "สมัชชาแห่งชาติ" เอาคนหลายๆรูปแบบมาตั้งเป็น"ผู้แทนประชาชน" นั่นก็อีกครั้งนึง)
"การมีส่วนร่วมของประชาชน" เอาไว้เมื่อเป็นรูปร่างแล้วเถอะ
และทำลายรูปแบบนี้ไปเสีย
สิ้นเปลือง ไม่มีใครเขาใช้หรอก
https://www.facebook.com/somsakjeam/posts/24429845799975369?ref=embed_post
Parinya Cheewinkulpathom
อันนี้คือความเห็นของสมศักดิ์เจียมเมื่อปี 2017
-----
ถ้าต้องเลือก ดูเนื้อหาเป็นหลัก เอาเข้าจริง รัฐธรรมนูญที่เราเห็นว่าเป็น ประชาธิปไตย ไม่ว่าประเทศใดในโลก ร่างจริงๆ ไม่กี่คนร่าง
พูดถึง ประชาชนมีส่วนร่าง มันมีปัญหาอยู่ อย่างเช่นไอเดีย "สสร." ผมไม่เห็นด้วยตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว เพราะเอาเข้าจริง ก็ไม่ได้ "ประชาชนมีส่วนร่าง" เท่าไร แม้แต่จะนับแบบแคบว่า "ตัวแทน" ประชาชน คือ สมาชิก สสร. ก็ตาม คือเลือกตัวแทนมาเป็นร้อยจากทั่วประเทศ คนร่างจริงๆก็ไม่กี่คน - คือก็ไม่ต่างจากว่า สภาที่เลือกจากประชาชนตั้งกรรมาธิการขึ้นมาร่าง แล้วกรรมาธิการ เอามาเสนอ สส.อีกที
ตอนปี 40 ที่มีการตั้ง สสร. แล้วทำ "รธน ฉบับประชาชน" (ภายใต้คำขวัญ "ปฏิรูปการเมือง" ทีตอนเริ่มต้นเลยเสนอว่า ต้อง "คืนพระราชอำนาจ" - ผมแทบเป็นปัญญาชนคนเดียวตอนนั้น (มี ใจ อีกคน แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เขามาบอกผมทีหลัง) ทีคัดค้านกระแสตอนนั้น
ผมชี้ให้เห็นตั้งแต่ตอนนั้นว่า ความจริง ไอเดีย "สสร." น่ะ ในปริบทของไทย ในทางประวัติศาสตร์ มันเป็นไอเดียของพวกเจ้า หรือพวกรอยัลลิสต์ "สสร." แรกสุด คือ ชุดทีมีการตั้งขึ้นมาหลัง รปห 2490 ซึ่งพวกเจ้าผลักดันให้ตั้งขึ้น แล้วในทีสุด ก็ผลิต รธน 2492 ทีเ่ป็นฉบับแรกที่มีใส่ "ปท ไทยเป็น ปชต มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" "ฟ้องร้อง กษัตริย์ในทางใดๆไม่ได้" และมี องคมนตรีเป็นครั้งแรก
คือ "ฐานคิด" ของไอเดีย สสร. มันมาจากการที่ "ไม่ไว้ใจนักการเมืองในสภา" ตอนปี 2492 เป็นยังไง ปี 2540 ก็เป็นแบบนั้น (นิธิ เขียนคำขวัญตอนนั้น ที่เอาไปใช้กันเยอะ "เราจะไว้ใจให้ผู้รับเหมา [หมายถึงนักการเมือง - สศจ] เป็นคนกำหนดสะเป๊คบ้านเองได้ยังไง")
คือจริงๆ การ "ยึดโยง" หรือ "มาจากประชาชน" (ซึ่งในทางปฏิบัติ ไม่มีทางหมายถึงการร่างโดย "ประชาชน" เพราะทำไม่ได้) มันแค่ให้สภาเป็นคนตั้งกรรมการขึ้นร่าง กำหนดทิศทางในการร่าง และรับรองร่างก็ได้ .. ไอเดียต้องมี "สสร" มันมาจากกระแส หรือแนวคิด ไม่เอานักการเมือง หรือแอนตี้นักการเมือง ทีมี "ฐาน" หรือแบ๊กกราวน์ความเป็นมาทาง ปวศ จากแนวคิดแบบพวกนิยมเจ้า ตั้งแต่ 2490 แล้ว และ 2540 ก็ด้วย เลยต้องให้มีการ "เลือก สสร." ขึ้นมาต่างหากจากสภา เพราะถือว่า สภาคือ "นักการเมือง" ไว้ใจไม่ได้
ความเป็นมาของไอเดีย "สสร." ในปริบทประวัติศาสตร์ไทย มันมาอย่างนี้
..
Parinya Cheewinkulpathom
อันนี้คือความเห็นของสมศักดิ์เจียมเมื่อปี 2017
-----
ถ้าต้องเลือก ดูเนื้อหาเป็นหลัก เอาเข้าจริง รัฐธรรมนูญที่เราเห็นว่าเป็น ประชาธิปไตย ไม่ว่าประเทศใดในโลก ร่างจริงๆ ไม่กี่คนร่าง
พูดถึง ประชาชนมีส่วนร่าง มันมีปัญหาอยู่ อย่างเช่นไอเดีย "สสร." ผมไม่เห็นด้วยตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว เพราะเอาเข้าจริง ก็ไม่ได้ "ประชาชนมีส่วนร่าง" เท่าไร แม้แต่จะนับแบบแคบว่า "ตัวแทน" ประชาชน คือ สมาชิก สสร. ก็ตาม คือเลือกตัวแทนมาเป็นร้อยจากทั่วประเทศ คนร่างจริงๆก็ไม่กี่คน - คือก็ไม่ต่างจากว่า สภาที่เลือกจากประชาชนตั้งกรรมาธิการขึ้นมาร่าง แล้วกรรมาธิการ เอามาเสนอ สส.อีกที
ตอนปี 40 ที่มีการตั้ง สสร. แล้วทำ "รธน ฉบับประชาชน" (ภายใต้คำขวัญ "ปฏิรูปการเมือง" ทีตอนเริ่มต้นเลยเสนอว่า ต้อง "คืนพระราชอำนาจ" - ผมแทบเป็นปัญญาชนคนเดียวตอนนั้น (มี ใจ อีกคน แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เขามาบอกผมทีหลัง) ทีคัดค้านกระแสตอนนั้น
ผมชี้ให้เห็นตั้งแต่ตอนนั้นว่า ความจริง ไอเดีย "สสร." น่ะ ในปริบทของไทย ในทางประวัติศาสตร์ มันเป็นไอเดียของพวกเจ้า หรือพวกรอยัลลิสต์ "สสร." แรกสุด คือ ชุดทีมีการตั้งขึ้นมาหลัง รปห 2490 ซึ่งพวกเจ้าผลักดันให้ตั้งขึ้น แล้วในทีสุด ก็ผลิต รธน 2492 ทีเ่ป็นฉบับแรกที่มีใส่ "ปท ไทยเป็น ปชต มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" "ฟ้องร้อง กษัตริย์ในทางใดๆไม่ได้" และมี องคมนตรีเป็นครั้งแรก
คือ "ฐานคิด" ของไอเดีย สสร. มันมาจากการที่ "ไม่ไว้ใจนักการเมืองในสภา" ตอนปี 2492 เป็นยังไง ปี 2540 ก็เป็นแบบนั้น (นิธิ เขียนคำขวัญตอนนั้น ที่เอาไปใช้กันเยอะ "เราจะไว้ใจให้ผู้รับเหมา [หมายถึงนักการเมือง - สศจ] เป็นคนกำหนดสะเป๊คบ้านเองได้ยังไง")
คือจริงๆ การ "ยึดโยง" หรือ "มาจากประชาชน" (ซึ่งในทางปฏิบัติ ไม่มีทางหมายถึงการร่างโดย "ประชาชน" เพราะทำไม่ได้) มันแค่ให้สภาเป็นคนตั้งกรรมการขึ้นร่าง กำหนดทิศทางในการร่าง และรับรองร่างก็ได้ .. ไอเดียต้องมี "สสร" มันมาจากกระแส หรือแนวคิด ไม่เอานักการเมือง หรือแอนตี้นักการเมือง ทีมี "ฐาน" หรือแบ๊กกราวน์ความเป็นมาทาง ปวศ จากแนวคิดแบบพวกนิยมเจ้า ตั้งแต่ 2490 แล้ว และ 2540 ก็ด้วย เลยต้องให้มีการ "เลือก สสร." ขึ้นมาต่างหากจากสภา เพราะถือว่า สภาคือ "นักการเมือง" ไว้ใจไม่ได้
ความเป็นมาของไอเดีย "สสร." ในปริบทประวัติศาสตร์ไทย มันมาอย่างนี้
..

สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
Yesterday
·
สูตรนี้ถ้าคิดมาก ก็ ‘สสร.สีน้ำเงิน’ แน่! เหตุ สส.ภูมิใจไทยและเครือข่าย+สว. จะเป็นเสียงส่วนใหญ่ที่จะเลือก สสร.
‘ภูมิใจไทย’ เปิดโมเดล ‘สสร.’ ให้ สส. และ สว.เป็นผู้เลือกทั้งหมด รวม 99 คน โดยไม่ได้ให้ประชาชนเลือกมาก่อน ระบุ ไม่ต้องการให้เกิดความสุ่มเสี่ยงจะโดนร้องศาลรัฐธรรมนูญอีก
วันที่ 22 ก.ย.68 นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทย ว่า ขณะนี้จัดทำร่างแก้ไขธรรมนูญ มาตรา 256 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังให้ สส.ร่วมลงชื่อ เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ที่ต้องมีเสียง 1 ใน 5 คือ 100 คน โดยพรรคภูมิใจไทยมี 69 เสียง และได้มีการหารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นแล้วด้วย คาดว่าจะยื่นต่อประธานรัฐสภาได้ในวันที่ 24 ก.ย. (วันพุธนี้)
สำหรับรายละเอียดของร่างพรรคภูมิใจไทย นายภราดร ยอมรับว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยออกมา ก็ได้ปรับเปลี่ยนจากแนวคิดเดิมเพื่อให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไม่อนุญาตให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง
ตามร่างฯ ของพรรคภูมิใจไทย จึงให้ผู้ที่ประสงค์จะเป็น สสร. แต่ละจังหวัด สมัครเข้ามา โดยให้ กกต. เป็นผู้รับสมัคร แล้วให้ ‘รัฐสภา’ ( สส.และ สว.) เลือกเหลือจังหวัดละ 1 คน จากทั้งหมด 77 จังหวัด ก็จะมี 77 คน
อีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นกลุ่มนักวิชาการ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และเชี่ยวชาญ 22 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 7-8 คน โดยให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสมัครเข้ามา และให้ ‘รัฐสภา’ เป็นผู้เลือกเช่นเดียวกัน
นายภราดร ระบุว่า แนวทางนี้ เป็นแนวทางเดียวกับ สสร.ปี 2539 ที่มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 แต่ที่ไม่ได้ให้ ‘ประชาชน’ เลือกก่อน หรือ ให้ ‘ผู้สมัคร’ เลือกกันเองก่อน เหมือนตอน สสร.ปี 40 เพราะไม่ต้องการให้เกิดความเสี่ยงที่จะถูกร้องศาลรัฐธรรมนูญ จนอาจจะทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกล้มไป
ส่วนเสียงเรียกร้องจากพรรคประชาชน ที่อยากให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ไปคุยกับสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อขอเสียงสนับสนุนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายภราดร กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกฝ่ายควรช่วยกัน เมื่อพรรคการเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ได้ตกลงร่วมกัน และมีเจตนาร่วมกันว่าจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแล้ว การจะแก้จะต้องใช้เสียง สว. 1 ใน 3 ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของสมาชิกผู้แทนราษฎร ที่เห็นตรงกัน จะต้องช่วยกันโน้มน้าวและพูดคุยกับ สว. ถึงความจำเป็น และเนื้อหาสาระ เพื่อให้เขามีความมั่นใจ และสบายใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
"สส.ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะคนอนุทิน ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน ก็จะต้องช่วยกันเจรจาพูดคุย เพื่อให้เดินไปสู่ปลายทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้สำเร็จ เพราะต้องใช้ สว.ถึง 1 ใน 3"
สำหรับโมเดล สสร. ปี 2539 ที่มาร่างรัฐธรรมนูญ 2540 มีจำนวน 99 คน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1. จากแต่ละจังหวัด 76 คน
โดยให้ผู้สมัคร สสร.ในแต่ละจังหวัด คัดเลือกกันเองให้เหลือจังหวัดละ 10 คน 76 จังหวัด (จำนวนจังหวัดในขณะนั้น) รวมเป็น 760 คน จากนั้นส่งรายชื่อทั้ง 760 คน ให้รัฐสภาคัดเลือกขั้นสุดท้ายให้เหลือจังหวัดละ 1 คน รวม 76 คน
2.ผู้ทรงคุณวุฒิ 23 คน
มาจากผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน ผู้เชี่ยวชาญสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ และผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน หรือการร่างรัฐธรรมนูญ โดยให้มาจากการคัดเลือกกันเองของสภาสถาบันอุดมศึกษาในสาขานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ หรือรัฐประศาสนศาสตร์แต่ละแห่งคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติประเภทต่างๆ แล้วจึงส่งให้รัฐสภาคัดเลือก
ของปี 2540 ถือว่าเป็นการเลือกตั้งทางอ้อม คือให้เลือกกันเอง ก่อนส่งให้รัฐสภา คือ สส. - สว.เลือกอีกทีหนึ่ง
https://www.facebook.com/sorrayuth9115/posts/1418221972998071