ประเด็น ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ก่นด่าพรรคประชาชนเรื่องโหวตให้ อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ น่าจะมีไม่น้อยที่เห็นด้วยกับ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ซึ่งย้อนให้ว่า ‘ทุเรศ’ ที่ “วิจารณ์ว่าเป็นเด็กอ่อนหัด ไม่เป็นประสา ไม่มีประสบการณ์
...จะวิจารณ์ว่ากลืนหลักการ ว่าทำดีลกับใครต่อใคร คือจะวิจารณ์ว่ามองเกมการเมืองผิด ทำไป” ไม่ใช่หยามหมิ่น “ต้องฟังผู้ใหญ่อย่างกูเพราะอาบน้ำร้อนมาก่อน...แบบที่ผู้ใหญ่ต้องถูกเสมอ เก่งเสมอ และเด็กแม่งต้องนั่งฟังผู้ใหญ่พูดแบบพนมมือ
โลกมันเปลี่ยนไปแล้วค่ะเฮียชู เลิกทำตัวเป็นคนแก่คร่ำครึ เชื่อค่ะว่าเฮียอาบน้ำร้อนมาก่อน ก็แหมเป็นถึงเจ้าของกิจการอาบอบนวดหลายแห่ง” ข้อนี้เป็นภาพลักษณ์ติดตัวชูวิทย์ ที่ทำให้เขาโด่งดังขึ้นมาเมื่อก่อน ในฐานะ ‘จ้าวพ่ออ่าง’ ที่ใส่ใจวิพากษ์วิจารณ์บ้านเมือง
แต่หลังกลับจากรักษาโรคมะเร็งของเขาที่สก็อตแลนด์แล้ว กลับมาสู่บทบาทนักวิพากษ์การเมืองอีกครั้ง ด้วยการจับเรื่องพรรคประชาชนมาใช้เป็นจุดขาย แต่ผ่านมาพักใหญ่ ควรจะยอมรับได้แล้วว่าขายไม่ออก ในเมื่อกลุ่มคนที่จะซื้อแบรนด์ชูวิทย์เป็นรุ่นที่เห็นตรงข้ามกับเขา
“การเมืองแบบที่ไม่ใช่เด็กอ่อนหัดของชูวิทย์มันต้องเป็นยังไง จะต้องเก๋าเกมส์แบบ พท. ต้องเขี้ยวลากดินเหมือน ภจท. หรือจะต้องพรรคการเมืองเก่าแก่แบบ ปชป. ที่ผ่านมาการเล่นการเมืองของผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนให้อะไรกับประเทศบ้าง”
คอมเม้นต์ของ Nutchapol Preechar เป็นตัวแทนปฏิกิริยาต่อชูวิทย์ได้อย่างดีรายหนึ่ง อีกรายยกเอาข้อคิดของ อ.วีระ ธีรภัทร มาหักล้างชูวิทย์ “อ.วีระบอกว่าคนรุ่นเขาไม่มีอะไรจะแนะนำเด็กรุ่นหลัง เพราะคนไทยอายุ ๖๐ ในวันนี้ คือ #รุ่นที่ล้มเหลว เมื่อเทียบกับสิงคโปร์”
อนันต์ อัศวกิตติกวินคนรุ่นคุณชูวิทย์ ส่งต่อประเทศไทยในสภาพเน่าเฟะแบบนี้ให้คนรุ่นหลัง...ถ้ารุ่นของพวกคุณเก่งจริง ทันเกมจริง ทำไมประเทศไทยไม่เจริญแบบสิงคโปร์...นี่ไม่ใช่คำถามของผม แต่เป็นคำถามของ อ.วีระ”
ดังนั้น “วันนี้ปล่อยเด็กๆ เขาสร้างประเทศนี้ใหม่เถอะครับ ให้เขาลองใช้วิธีในแบบของเขา เส้นทางต่อจากนี้ ถ้าคุณชูวิทย์ไม่ช่วยเด็กๆ มันถาง ก็อย่ามานอนขวางให้เขาลำบากขึ้นเลย”
(https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/2V7A3BMR และ https://www.facebook.com/watch/?v=797709929476648PmYEVWD)