วันอาทิตย์, สิงหาคม 03, 2568

ไม่รู้ว่าเรารู้หรือไม่ เรากำลังทำสงครามบนแผนที่ที่เจ้าอาณานิคมเป็นคนขีดเส้นแบ่งพรมแดนไว้ เราต่างเป็นประเทศที่ถูกกดขี่จากเจ้าอาณานิคม แทนที่เราจะร่วมมือกันเพื่อ decolonize ตัวเอง เรากลับเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นฟาดฟันกัน

ภาพจาก Lanner News

Pinkaew Laungaramsri
Yesterday
·
ข้อพิพาทพรมแดนไทย-กัมพูชา เป็นหนึ่งในกลุ่มพรมแดนที่มีข้อพิพาทยืดเยื้อยาวนานที่สุดในโลก ที่ดำเนินมาเป็นเวลากว่า 70+ ปี ในบรรดากลุ่มพรมแดนปัญหาที่ยังหาทางออกไม่ได้ หรือที่เราเรียกกันว่า impossible border นั้น ต่างมีคุณลักษณะร่วมกันคือ ล้วนแล้วแต่เป็นพรมแดนที่เป็นมรดกของรัฐอาณานิคมทั้งสิ้น ไม่ว่าดีกรีจะมากน้อย และไม่ว่าจะเป็นอาณานิคมภายนอก หรืออาณานิคมภายในก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น พรมแดนแคชเมียร์ (อินเดีย-ปากีสถาน-จีน)— 78 ปี ซึ่งเป็นฝีมือของอังกฤษ พรมแดนอิสราเอล-ปาเลสไตน์ –77 ปี ก็เป็นฝีมือของอังกฤษ พรมแดนระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้—77 ปี—ญี่ปุ่น เป็นต้น ในกรณีไทย-กัมพูชา ย่อมทราบกันอยู่แล้วว่าเป็นมรดกที่ฝรั่งเศสทิ้งไว้ และสร้างปัญหามาจนปัจจุบัน
มรดกอาณานิคม ถือเป็นทั้งต้นเหตุของปัญหา และทั้งสร้างภาวะความกำกวมที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการแสวงหาทางออกต่อปัญหาข้อพิพาทพรมแดน โดยเฉพาะ ปัญหาความชอบธรรม เพราะในขณะที่เขตแดนอาณานิคมทั้งหลายล้วนถูกขีดขึ้นตามอำเภอใจ และเป็นเส้นที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของรัฐอาณานิคมเป็นสำคัญ โดยไม่สนใจ หรือยอมรับแนวคิดว่าด้วยดินแดนของท้องถิ่น ในยุคหลังอาณานิคม เส้นตามอำเภอใจดังกล่าว กลับกลายเป็นจุดอ้างอิงหลักที่ถูกนำมาใช้อ้างสิทธิเหนือดินแดนตามกฎหมาย สงครามแผนที่ จึงเกิดขึ้นในแทบทุกข้อพิพาทพรมแดน สิ่งที่น่าสังเกตคือ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าแผนที่ของใครมีความ “ถูกต้อง”ในทางเทคนิคมากกว่ากัน แต่เป็นเรื่องที่ว่า แผนที่ของใครมี “ความชอบธรรม” มากกว่ากัน แผนที่ของอาณานิคมฝรั่งเศส ที่มีสเกล 1:200,000 แนบท้ายสนธิสัญญาปี 1907 ที่กัมพูชาใช้เป็นหลักอ้างอิง ซึ่งแน่นอนมีความละเอียดน้อยกว่าแผนที่สเกล 1:50,000 ที่ฝ่ายไทยลากขึ้นภายหลังอย่างเทียบไม่ได้ แต่กลับมีความชอบธรรมมากกว่า เพราะได้รับการรับรองเชิงสถาบันจากองค์กรตุลาหลักนานาชาติ เช่น ICJ ซึ่งทำหน้าที่สืบทอดมรดกอาณานิคมอย่างแข็งขัน ในขณะที่แผนที่ของไทยนั้นขีดขึ้นมาฝ่ายเดียว (unilaterally) โดยไม่มีใครสนับสนุน ต่อให้ถูกหลักทางภูมิศาสตร์ ก็ปราศจากความชอบธรรมทางกฎหมาย และยากที่จะถูกยอมรับนอกประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม แผนที่สองฉบับนี้ ไม่ว่าจะต่างกัน เพราะฝ่ายหนึ่งเป็นมรดกของอาณานิคม ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นมรดกของภูมิศาสตร์สมัยใหม่ แต่ก็มีคุณลักษณะที่เหมือนกันคือ ต่างก็วางอยู่บนฐานคิดเดียวกันของอธิปไตยเชิงเดี่ยว ที่มีรัฐ และชาติศูนย์กลางเป็นที่ตั้งเพียงอย่างเดียว โดยปราศจากการรับฟังหรือเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นของชุมชนชาติพันธุ์ในตลอดแนวชายแดน ที่ซึ่งแนวคิดท้องถิ่นว่าด้วยเขตแดน อาจไม่จำเป็นต้องมีลักษณะที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เป็นเจ้าเข้าเจ้าของ และมุ่งเน้นแต่การขีดแบ่ง ดังเช่นที่กำหนดโดยรัฐศูนย์กลาง กลุ่มชนท้องถิ่นเหล่านี้ ไม่เคยถูกนับให้เป็น stake holders ของการแก้ปัญหาข้อพิพาทเรื่องเขตแดน ทั้งที่พวกเขาเป็นกลุ่มแรก และกลุ่มเดียว ที่ต้องหนีภัยจากปัญหาเขตแดนเป็นพิษ
ในวงการวิชาการ เราพูดกันเยอะเรื่องการถอดถอนมรดกของอาณานิคม (decolonization) จริงๆ สิ่งที่ควรถูกถอดถอนอันดับแรกเลย คือเขตแดนแบบอาณานิคมนี่แหละ รวมทั้งผลผลิตที่ตามมาของมัน ไม่ว่าชาตินิยมสุดโต่งของทั้งไทยและกัมพูชา ตลอดจนวิธีคิดที่มองวัฒนธรรมแบบเอกสิทธิ์ จนไม่เหลือที่ทางให้กับการเข้าใจและยอมรับสิ่งที่เรียกว่ามรดกทางวัฒนธรรมร่วม และความหมายของมรดกทางวัฒนธรรมร่วมที่มีต่อกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ทั้งสองฝั่งของพรมแดน

Pipob Udomittipong
16 hours ago
·
สาเหตุที่คนต่างชาติมองว่าสงครามไทย-กัมพูชาครั้งนี้เรื่องงี่เง่า เพราะเราทำสงครามบนแผนที่ที่เจ้าอาณานิคมเป็นคนขีดเส้นแบ่งพรมแดนไว้ เราต่างเป็นประเทศที่ถูกกดขี่จากเจ้าอาณานิคม แทนที่เราจะร่วมมือกันเพื่อ decolonize ตัวเอง เรากลับเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นฟาดฟันกัน


https://www.facebook.com/pipob.udomittipong/posts/10162887241251649