ประวิตร ถาม ทูตรัศม์ ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา อีกหลายปีข้างหน้า.. เราจะเป็นยังไง | GeoPolitics
Khaosod TV
Aug 22, 2025
ประวิตร โรจนพฤกษ์ ถาม ทูตรัศม์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ปมสถานการณ์เดือด ไทย-กัมพูชา ความสัมพันธ์ 2 ชาติ จากนี้ อีกหลายปี จะเป็นอย่างไรต่อ
https://www.youtube.com/watch?v=QlZSxsJfz7k
.....

Pravit Rojanaphruk
Yesterday
·
(English below)
ถามตอบกับรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา
ประวิตร โรจนพฤกษ์
เมื่อวันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2568 นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญนักข่าวไทยประมาณ 10 คน มารับฟังความคืบหน้าของสิ่งที่กระทรวงฯ และรัฐบาลกำลังดำเนินการเกี่ยวกับความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่างไทย-กัมพูชา และยังเปิดโอกาสให้นักข่าวได้ถามคำถาม
ต่อไปนี้เป็นคำถามที่ผมถาม พร้อมคำตอบ
ประวิตร: คนไทยบางส่วนเชื่อว่ารัฐบาลและกองทัพ โดยเฉพาะกองทัพบก แยกกันเดิน เดินไปคนละทิศคนละทาง ในการจัดการความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา กองทัพบกถึงขั้นจัดทริปเองสำหรับนักข่าวที่ทำงานให้กับสำนักข่าวต่างประเทศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อไปดูสถานการณ์ชายแดนและใช้ล่ามของกองทัพเอง ทั้งๆ ที่ล่ามจากกระทรวงการต่างประเทศน่าจะทำหน้าที่ได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังมีข่าวลือที่ไม่ได้รับการยืนยันว่าเมื่อมีการตัดสินใจเรื่องข้อตกลงหยุดยิงครั้งแรกในมาเลเซีย กองทัพบกไทยต้องการให้การหยุดยิงมีผลหลังจาก 48 ชั่วโมง ไม่ใช่ตอนเที่ยงคืนของวันนั้น เพื่อที่จะได้เสร็จสิ้นภารกิจทางทหาร คุณมีความคิดเห็นเรืรองนี้อย่างไร?
รัศม์: Good question. Next please! ผมไม่เห็นด้วย [กับการใช้ล่ามของกองทัพ] แต่ไม่ได้ว่าเขาผิดนะ ส่วนคำถามว่ารัฐบาลกับกองทัพไปด้วยกันหรือเปล่า? กองทัพก็มีหน้าที่หลักอยู่แล้ว ถ้าผมยืนยันว่าเป็นเนื้อเดียวกัน จะเชื่อผมหรือเปล่า? มันเป็น open interpretation [การตีความแบบปลายเปิด] สังคมของเราไม่ได้เป็นสังคมเผด็จการ ทุกคนมีสิทธิ์คิด มันมีค่าตรงนี้ แต่ก็เป็น price to pay
ถ้าคุณถามผม ผมก็บอกว่าเรากำลังเดินไปในทิศทางเดียวกัน แม้แต่กระทรวงต่างประเทศ ก็ไม่ได้คิดเหมือนกัน 100 เปอร์เซ็นต์เสมอ แต่ในภาพรวม ก็ไปในทางเดียวกัน และทุกคนสามารถตัดสินได้เอง ว่าภาพรวมของรัฐบาลกับกองทัพเป็นอย่างไร
หลังจากนั้น นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งนั่งอยู่ด้านขวามือของทูตรัศม์ ได้กล่าวเสริมว่า
ชยิกา: เรื่อง Ottawa Convention (อนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการกำจัดทุ่นระเบิด) และ IHL (International Humanitarian Laws หรือ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ) การโจมตี โรงพยาบาล เป็นจุดเหมือนกับที่เรา tackle ทั้งกองทัพและรัฐบาล… แยกกันเดิน ร่วมกันตี
รัศม์: ทุ่นระเบิด มันไม่เลือกว่าใครเป็นพลเรือนหรือเด็ก
ประวิตร: ความพยายามของรัฐบาลที่จะดำเนินคดีแพ่งและอาญาต่อนายฮุน เซน ภายใต้กฎหมายไทย และอาจนำเรื่องไปสู่ระดับระหว่างประเทศ จะบ่อนทำลายขีอตกลงหยุดยิงที่เปราะบางหรือไม่? มันคุ้มค่าหรือไม่?
รัศม์: ก็เป็นคำถามที่ดีครับ คำถามต่อไป!
สิ่งที่เขาทำ ที่เราจะฟ้องเนี่ย เป็นความผิดจริงหรือเปล่า? เมื่อมันมีการกระทำที่หมิ่นเหม่กฎหมาย ก็จะนำมาสู่คำถามว่า รัฐบาล ละเว้น ไม่ปฎิบัติตามกฎหมายไทยหรือเปล่า? และมันขึ้นกับกระบวนการยุติธรรม ว่าอัยการเห็นว่าสั่งฟ้องได้ไหม?
ก็ต้องเป็นกระบวนการตามกฎหมายต่อไป
รัฐบาลไปก้าวก่ายไม่ได้ ถ้าไม่ทำมันก็หมิ่นเหม่ว่า รัฐบาลละเลยการปฎิบัติหน้าที่ รัฐบาลก็สั่ง (ศาล) ไม่ได้ว่าผิดแน่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าไม่ทำ เอ๊ะ เขา (ฮุนเซน) อยู่เหนือกฎหมายหรือ? เราจะยอมเบี่ยงเบนจากหลักการความถูกต้องหรือเปล่า? ส่วนจะนำไปสูการฟ้องร้องต่างประเทศไหม ทีนี้เรื่อง ICC (ศาลอาญาระหว่างประเทศ) ก็ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษานะ มันไม่ใช่อยู่ดีๆก็ไปฟ้อง และเขารับฟัอง ต้องดูว่ามันเข้าข่ายไหม เขาฆ่าคนไปกี่คน มันเสียบรรยากาศจริง แต่เราดำเนินอยู่บนขั้นตอนที่ถูกต้อง
ประวิตร: คุณมองความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาในอีกหนึ่งปีข้างหน้า และสามปีข้างหน้าอย่างไร?
รัศม์: ขออ้างท่านรัฐมนตรี (ว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) ความสัมพันธ์ระดับประชาชนต่อประชาชน มันถูกปั่น
[กัมพูชา กำลังพิจารณาที่จะตั้ง Single Gateway แสดงความเห็นไม่ได้อิสระ ของเราก็แตกแยกกัน แต่ทางกัมพูชา เขาถูกควบคุมมากในโซเชียลมีเดีย ก็น่าเป็นห่วง มันเป็นสิ่งที่แย่ น่าเศร้าที่ประชนทั้งสองต้องมาเกลียดชังกัน ซึ่งกระทรวงฯ หวังว่ามันต้องปรับความสัมพันธ์ให้ได้ แต่มันจะตบมือข้างเดียวไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องตั้งหน้าเป็นศัตรูกันตลอดไป แทนที่เทคโนโลยีจะส่งเสริมความเข้าใจ มันเป็นตรงกันข้าม
ประวิตร: เกี่ยวกับการยอมรับของกองทัพบกว่าได้ใช้ฟอสฟอรัสขาวต่อกัมพูชา แม้ว่าจะไม่ถูกจัดว่าเป็นอาวุธเคมี แต่บางกลุ่มในต่างประเทศและในประเทศไทยได้แสดงความกังวลถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของพลเรือน รัฐบาลจะบอกให้กองทัพหลีกเลี่ยงการใช้มันอีกหรือไม่หากมีความขัดแย้งอีกครั้ง?
รัศม์: white phosphorus ไม่ได้ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ถ้าห่วงกังวล กองทัพก็รับไปพิจารณา
ประวิตร: เมื่อเร็ว ๆ นี้ พลโทบุญสิน พาดกลาง ผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวต่อสาธารณะว่าไม่สามารถเชื่อใจเขมรได้ และโอกาสที่จะมีการเผชิญหน้าทางทหารอีกครั้งคือ 50/50 คุณมีความเห็นอย่างไร?
รัศม์: เรื่องเขมรไว้ใจไม่ได้ เขาก็อาจใช้คำพูดนี้กับคนของเขา ว่าไทยไว้ใจไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะไว้ใจได้ ไม่ได้ ตราบใดที่เขาเคารพกฎเกณฑ์ กฎหมายระหว่างประเทศ [ก็ถือว่าใช้ได้] แต่ที่ผ่านมา เขาไม่ได้เคารพเท่าไหร่ เขาละเมิดเต็มไปหมด ก็ต้องใช้ประชาคมโลกกดดัน... คือจะไปบอกว่าไม่ไว้ มันก็ไม่มีประโยชน์ มันก็เจรจาอะไรไม่ได้
เวลา 15.50 น. ทูตรัศม์ถูกเตือนโดยชยิกาว่าเขาต้องรีบไปประชุมที่อื่น ผมพยายามอีกครั้งที่จะให้ท่านทูตแสดงปฏิกิริยาต่อความเชื่อของผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ที่ว่าโอกาสที่จะเกิดสงครามอีกครั้งคือ 50/50 แต่ท่านต้องรีบไปจริงๆ
ชยิกาบอกกับพวกพวกเราหลังจากนั้นว่าหากมีการปะทะกันอีกครั้ง มันจะไม่ใช่การใช้อาวุธทางทหารแต่ “ต่อไปจะเป็นการโจมตีด้วยสงครามข่าวสารมากกว่”
หมายเหตุจากผู้เขียน:
วันนี้เถียงกันดุเดือดนิดนึงกับคุณแขก คำผกา ช่วงถามตอบ
คุณคำผกาถามว่าทางทูตรัศม์มีคำอะไรที่ถูกต้องที่จะให้สื่อใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างไทย-กัมพูชาไหม เพราะเธอมองว่ามันมิใช่สงคราม พร้อมทั้งยกตัวอย่างเช่น "การปะทะอย่างกระชับ" และ "การสู้รบอย่างชั่วคราว"
ผมไดียินเช่นนั้นก็เดือด และบอกว่ารัฐบาลอยากใช้คำประดิษฐ์อะไรก็ใช้ไป แต่ไม่มีสิทธิมาบอกให้สื่อต้องใช้ตาม เพราะนั้นเป็นเอกสิทธิ์ของสื่อที่จะตัดวินและบรรยายเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น (ส่วนตัวผมใช้คำว่า "สงคราม 5-วัน ที่มิได้ประกาศ") แต่ก็เคารพสิทธิคุณคำผกาว่าจะใช้ตำว่าอะไร
ในที่สุดท่านผู้ช่วยรัฐมนตรีก็พูดว่า:
"จริงๆแล้วมันก็คือสงครามนั่นแหล... มันก็คือสงครามที่ไม่ได้ประกาศ" พร้อมกับเสริมว่า ต้องทางเขมรปล่อยคลิป "มันก็คือการประกาศสงครามอยู่แล้ว" เพียงแต่ "มันมิได้มีการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการ"
พร้อมทั้งขยายความว่า 58 ปีของอาเซียน นี่เป็นครั้งแรกที่ปนะเทศสมาชิกในอาเซียนพยายามเปลี่ยนรัฐบาลของอีกประเทศสมาชิก
จบงานแล้ว ผมก็เดินไปหาตุณแขกคำผกา และเราก็ชักรูปเป็นที่ระลึกคู่กันด้วยมิตรไมตรี และคุณแขกก็บอกให้ผมนั่งเบียดบนเก้าอี้เธอเพื่อชักภาพ
ปล. ต้องขออภัยที่ขึ้นเสียงไปนิด เพราะผมนึกถึงคำประเภท "ขอกระชับพื้นที่" หรือ "ปรับทัศนคติ" แต่มันเป็นการถียงกันอย่างดุเดือดสองภาษา เพราะความเห็นต่าง แต่มิใช่ความเกลียดชังส่วนตัว
ปล. 2 ขอบคุณ คุณ Teerat Ratanasevi ช่างภาพกิตติมศักดิ์ครับ
ปล. คุณชยิกาขอไม่ให้ผมถามทูตรัศม์เรื่องความเชื่อของคนไทยจำนวนหนึ่ง ว่าตระกูลชินวัตร กับตระกูลฮุน มีดีลลับอะไรที่สาธารณะไม่รู้ เธอบอกว่าคำถามมันไม่เกี่ยวกับทูตรัศม์
ดูสรุปสัมภาษณ์เพิ่มเติม: ประวิตร โรจนพฤกษ์ ถาม ทูตรัศม์ ปมสถานการณ์เดือด ไทย-กัมพูชา ความสัมพันธ์ 2 ชาติ จากนี้ อีกหลายปี จะเป็นอย่างไรต่อ
https://youtu.be/QlZSxsJfz7k?si=OlZLWHhqtTcisA_I

Pravit Rojanaphruk
Yesterday
·
(English below)
ถามตอบกับรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา
ประวิตร โรจนพฤกษ์
เมื่อวันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2568 นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญนักข่าวไทยประมาณ 10 คน มารับฟังความคืบหน้าของสิ่งที่กระทรวงฯ และรัฐบาลกำลังดำเนินการเกี่ยวกับความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่างไทย-กัมพูชา และยังเปิดโอกาสให้นักข่าวได้ถามคำถาม
ต่อไปนี้เป็นคำถามที่ผมถาม พร้อมคำตอบ
ประวิตร: คนไทยบางส่วนเชื่อว่ารัฐบาลและกองทัพ โดยเฉพาะกองทัพบก แยกกันเดิน เดินไปคนละทิศคนละทาง ในการจัดการความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา กองทัพบกถึงขั้นจัดทริปเองสำหรับนักข่าวที่ทำงานให้กับสำนักข่าวต่างประเทศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อไปดูสถานการณ์ชายแดนและใช้ล่ามของกองทัพเอง ทั้งๆ ที่ล่ามจากกระทรวงการต่างประเทศน่าจะทำหน้าที่ได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังมีข่าวลือที่ไม่ได้รับการยืนยันว่าเมื่อมีการตัดสินใจเรื่องข้อตกลงหยุดยิงครั้งแรกในมาเลเซีย กองทัพบกไทยต้องการให้การหยุดยิงมีผลหลังจาก 48 ชั่วโมง ไม่ใช่ตอนเที่ยงคืนของวันนั้น เพื่อที่จะได้เสร็จสิ้นภารกิจทางทหาร คุณมีความคิดเห็นเรืรองนี้อย่างไร?
รัศม์: Good question. Next please! ผมไม่เห็นด้วย [กับการใช้ล่ามของกองทัพ] แต่ไม่ได้ว่าเขาผิดนะ ส่วนคำถามว่ารัฐบาลกับกองทัพไปด้วยกันหรือเปล่า? กองทัพก็มีหน้าที่หลักอยู่แล้ว ถ้าผมยืนยันว่าเป็นเนื้อเดียวกัน จะเชื่อผมหรือเปล่า? มันเป็น open interpretation [การตีความแบบปลายเปิด] สังคมของเราไม่ได้เป็นสังคมเผด็จการ ทุกคนมีสิทธิ์คิด มันมีค่าตรงนี้ แต่ก็เป็น price to pay
ถ้าคุณถามผม ผมก็บอกว่าเรากำลังเดินไปในทิศทางเดียวกัน แม้แต่กระทรวงต่างประเทศ ก็ไม่ได้คิดเหมือนกัน 100 เปอร์เซ็นต์เสมอ แต่ในภาพรวม ก็ไปในทางเดียวกัน และทุกคนสามารถตัดสินได้เอง ว่าภาพรวมของรัฐบาลกับกองทัพเป็นอย่างไร
หลังจากนั้น นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งนั่งอยู่ด้านขวามือของทูตรัศม์ ได้กล่าวเสริมว่า
ชยิกา: เรื่อง Ottawa Convention (อนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการกำจัดทุ่นระเบิด) และ IHL (International Humanitarian Laws หรือ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ) การโจมตี โรงพยาบาล เป็นจุดเหมือนกับที่เรา tackle ทั้งกองทัพและรัฐบาล… แยกกันเดิน ร่วมกันตี
รัศม์: ทุ่นระเบิด มันไม่เลือกว่าใครเป็นพลเรือนหรือเด็ก
ประวิตร: ความพยายามของรัฐบาลที่จะดำเนินคดีแพ่งและอาญาต่อนายฮุน เซน ภายใต้กฎหมายไทย และอาจนำเรื่องไปสู่ระดับระหว่างประเทศ จะบ่อนทำลายขีอตกลงหยุดยิงที่เปราะบางหรือไม่? มันคุ้มค่าหรือไม่?
รัศม์: ก็เป็นคำถามที่ดีครับ คำถามต่อไป!
สิ่งที่เขาทำ ที่เราจะฟ้องเนี่ย เป็นความผิดจริงหรือเปล่า? เมื่อมันมีการกระทำที่หมิ่นเหม่กฎหมาย ก็จะนำมาสู่คำถามว่า รัฐบาล ละเว้น ไม่ปฎิบัติตามกฎหมายไทยหรือเปล่า? และมันขึ้นกับกระบวนการยุติธรรม ว่าอัยการเห็นว่าสั่งฟ้องได้ไหม?
ก็ต้องเป็นกระบวนการตามกฎหมายต่อไป
รัฐบาลไปก้าวก่ายไม่ได้ ถ้าไม่ทำมันก็หมิ่นเหม่ว่า รัฐบาลละเลยการปฎิบัติหน้าที่ รัฐบาลก็สั่ง (ศาล) ไม่ได้ว่าผิดแน่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าไม่ทำ เอ๊ะ เขา (ฮุนเซน) อยู่เหนือกฎหมายหรือ? เราจะยอมเบี่ยงเบนจากหลักการความถูกต้องหรือเปล่า? ส่วนจะนำไปสูการฟ้องร้องต่างประเทศไหม ทีนี้เรื่อง ICC (ศาลอาญาระหว่างประเทศ) ก็ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษานะ มันไม่ใช่อยู่ดีๆก็ไปฟ้อง และเขารับฟัอง ต้องดูว่ามันเข้าข่ายไหม เขาฆ่าคนไปกี่คน มันเสียบรรยากาศจริง แต่เราดำเนินอยู่บนขั้นตอนที่ถูกต้อง
ประวิตร: คุณมองความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาในอีกหนึ่งปีข้างหน้า และสามปีข้างหน้าอย่างไร?
รัศม์: ขออ้างท่านรัฐมนตรี (ว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) ความสัมพันธ์ระดับประชาชนต่อประชาชน มันถูกปั่น
[กัมพูชา กำลังพิจารณาที่จะตั้ง Single Gateway แสดงความเห็นไม่ได้อิสระ ของเราก็แตกแยกกัน แต่ทางกัมพูชา เขาถูกควบคุมมากในโซเชียลมีเดีย ก็น่าเป็นห่วง มันเป็นสิ่งที่แย่ น่าเศร้าที่ประชนทั้งสองต้องมาเกลียดชังกัน ซึ่งกระทรวงฯ หวังว่ามันต้องปรับความสัมพันธ์ให้ได้ แต่มันจะตบมือข้างเดียวไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องตั้งหน้าเป็นศัตรูกันตลอดไป แทนที่เทคโนโลยีจะส่งเสริมความเข้าใจ มันเป็นตรงกันข้าม
ประวิตร: เกี่ยวกับการยอมรับของกองทัพบกว่าได้ใช้ฟอสฟอรัสขาวต่อกัมพูชา แม้ว่าจะไม่ถูกจัดว่าเป็นอาวุธเคมี แต่บางกลุ่มในต่างประเทศและในประเทศไทยได้แสดงความกังวลถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของพลเรือน รัฐบาลจะบอกให้กองทัพหลีกเลี่ยงการใช้มันอีกหรือไม่หากมีความขัดแย้งอีกครั้ง?
รัศม์: white phosphorus ไม่ได้ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ถ้าห่วงกังวล กองทัพก็รับไปพิจารณา
ประวิตร: เมื่อเร็ว ๆ นี้ พลโทบุญสิน พาดกลาง ผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวต่อสาธารณะว่าไม่สามารถเชื่อใจเขมรได้ และโอกาสที่จะมีการเผชิญหน้าทางทหารอีกครั้งคือ 50/50 คุณมีความเห็นอย่างไร?
รัศม์: เรื่องเขมรไว้ใจไม่ได้ เขาก็อาจใช้คำพูดนี้กับคนของเขา ว่าไทยไว้ใจไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะไว้ใจได้ ไม่ได้ ตราบใดที่เขาเคารพกฎเกณฑ์ กฎหมายระหว่างประเทศ [ก็ถือว่าใช้ได้] แต่ที่ผ่านมา เขาไม่ได้เคารพเท่าไหร่ เขาละเมิดเต็มไปหมด ก็ต้องใช้ประชาคมโลกกดดัน... คือจะไปบอกว่าไม่ไว้ มันก็ไม่มีประโยชน์ มันก็เจรจาอะไรไม่ได้
เวลา 15.50 น. ทูตรัศม์ถูกเตือนโดยชยิกาว่าเขาต้องรีบไปประชุมที่อื่น ผมพยายามอีกครั้งที่จะให้ท่านทูตแสดงปฏิกิริยาต่อความเชื่อของผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ที่ว่าโอกาสที่จะเกิดสงครามอีกครั้งคือ 50/50 แต่ท่านต้องรีบไปจริงๆ
ชยิกาบอกกับพวกพวกเราหลังจากนั้นว่าหากมีการปะทะกันอีกครั้ง มันจะไม่ใช่การใช้อาวุธทางทหารแต่ “ต่อไปจะเป็นการโจมตีด้วยสงครามข่าวสารมากกว่”
หมายเหตุจากผู้เขียน:
วันนี้เถียงกันดุเดือดนิดนึงกับคุณแขก คำผกา ช่วงถามตอบ
คุณคำผกาถามว่าทางทูตรัศม์มีคำอะไรที่ถูกต้องที่จะให้สื่อใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างไทย-กัมพูชาไหม เพราะเธอมองว่ามันมิใช่สงคราม พร้อมทั้งยกตัวอย่างเช่น "การปะทะอย่างกระชับ" และ "การสู้รบอย่างชั่วคราว"
ผมไดียินเช่นนั้นก็เดือด และบอกว่ารัฐบาลอยากใช้คำประดิษฐ์อะไรก็ใช้ไป แต่ไม่มีสิทธิมาบอกให้สื่อต้องใช้ตาม เพราะนั้นเป็นเอกสิทธิ์ของสื่อที่จะตัดวินและบรรยายเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น (ส่วนตัวผมใช้คำว่า "สงคราม 5-วัน ที่มิได้ประกาศ") แต่ก็เคารพสิทธิคุณคำผกาว่าจะใช้ตำว่าอะไร
ในที่สุดท่านผู้ช่วยรัฐมนตรีก็พูดว่า:
"จริงๆแล้วมันก็คือสงครามนั่นแหล... มันก็คือสงครามที่ไม่ได้ประกาศ" พร้อมกับเสริมว่า ต้องทางเขมรปล่อยคลิป "มันก็คือการประกาศสงครามอยู่แล้ว" เพียงแต่ "มันมิได้มีการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการ"
พร้อมทั้งขยายความว่า 58 ปีของอาเซียน นี่เป็นครั้งแรกที่ปนะเทศสมาชิกในอาเซียนพยายามเปลี่ยนรัฐบาลของอีกประเทศสมาชิก
จบงานแล้ว ผมก็เดินไปหาตุณแขกคำผกา และเราก็ชักรูปเป็นที่ระลึกคู่กันด้วยมิตรไมตรี และคุณแขกก็บอกให้ผมนั่งเบียดบนเก้าอี้เธอเพื่อชักภาพ
ปล. ต้องขออภัยที่ขึ้นเสียงไปนิด เพราะผมนึกถึงคำประเภท "ขอกระชับพื้นที่" หรือ "ปรับทัศนคติ" แต่มันเป็นการถียงกันอย่างดุเดือดสองภาษา เพราะความเห็นต่าง แต่มิใช่ความเกลียดชังส่วนตัว
ปล. 2 ขอบคุณ คุณ Teerat Ratanasevi ช่างภาพกิตติมศักดิ์ครับ
ปล. คุณชยิกาขอไม่ให้ผมถามทูตรัศม์เรื่องความเชื่อของคนไทยจำนวนหนึ่ง ว่าตระกูลชินวัตร กับตระกูลฮุน มีดีลลับอะไรที่สาธารณะไม่รู้ เธอบอกว่าคำถามมันไม่เกี่ยวกับทูตรัศม์
ดูสรุปสัมภาษณ์เพิ่มเติม: ประวิตร โรจนพฤกษ์ ถาม ทูตรัศม์ ปมสถานการณ์เดือด ไทย-กัมพูชา ความสัมพันธ์ 2 ชาติ จากนี้ อีกหลายปี จะเป็นอย่างไรต่อ
https://youtu.be/QlZSxsJfz7k?si=OlZLWHhqtTcisA_I
https://www.facebook.com/photo?fbid=4305889882972163&set=a.1560000437561135