ที่ว่ากัน พิพาทไทย-เขมรต้องยืดเยื้อ นั้นแม่นแล้ว เพราะที่ผ่านมาหยุดยั้งซะที่ไหนหลายสิบปี หากแต่ครั้งนี้จะมีสงครามประปราย ปะปนกับการเจรจา แล้วกลับมาทะเลาะกันใหม่ เดี๋ยวยั่วยุ เดี๋ยวยื้อยุด กระทบกระแทกกันไปมาอย่างนี้อีกนาน
สถานการณ์ที่เป็นอยู่คือตัวบ่งบอก เจรจากันแล้วสองหน ตามมาด้วยการปะทะประปรายตรงเขตแดนทุกครั้ง หลังสุดทีมีการตกลง ๑๓ ข้อหลัดๆ สถานะสงครามก็ยังระอุ กระทรวงกลาโหมกัมพูชาเปิดแถลงต่อนานาชาติชี้หน้า #แม่ทัพภาคสอง ของไทย
“พยายามที่จะเคลื่อนย้ายกำลังพล และที่ตั้งทหารเพื่อรุกรานกัมพูชา เท่ากับว่าไทยละเมิด #ข้อตกลงหยุดยิง” ตามที่ Sunai Phasuk โพสต์เนื้อความ Press Release จากโฆษกกลาโหมเขมร อันเนื่องมาแต่ คำให้สัมภาษณ์ของ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง
นอกจากกล่าวถึงความสูญเสียทางทหารของกัมพูชา “น่าจะราว ๆ ๓,๐๐๐ คน” แล้วยังแจ้งว่าที่ปราสาทตาเมือนธมทหารไทยยึดครองอยู่ ขณะที่เขมรส่งกำลังนับพันพยายามจะเข้ายึด ส่วนปราสาทตาควายฝ่ายเขมรตั้งฐานกำลังอยู่ติดกัน
“ทั้งนี้เป็นปราสาทเดียวที่ทหารไทยตรึงกำลังอยู่ และยังเข้าไม่ได้ ที่ผ่านมา ทหารได้ทดลองปฏิบัติไป ๔ ครั้ง ยังเข้าไม่ได้ เขาเข้มแข็ง ประกอบกับมีทุ่นระเบิดวางไว้โดยรอบอย่างหนาแน่น...เราอยู่ห่างจากปราสาทตาควาย ๓๐ เมตร...
แต่ยืนยันว่าปราสาทของเรา เราต้องเอากลับมาให้ได้” จุดนี้ละมังที่ฝ่ายเขมรเอาไปกล่าวหาว่าไทยมีเจตนาละเมิดการหยุดยิง ซึ่งภายในประเทศไทยก็มีการเร่งเร้าไม่เบาจากภาคส่วนที่เป็น ‘อีลีท’ ของสังคม หลายรายเป็นข่าว ถ่ายรูปร่วมกับแมทัพภาค ๒ กัน
นับแต่ ‘เจ้าสัว’ รถไฟฟ้า คีรี กาญจนพาสน์ และสารัชถ์ รัตนาวะดี เจ้าสัวพลังงาน (GULF) มอบทุนให้กับกองทัพ รายละ ๕๐ ล้านและ ๑๐๐ ล้านบาท มาถึง ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กับมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินของเขามอบบ้าง ๑๐๐ ล้าน อ้างทุนจากการบริจาค
ครั้น ทักษิณ ชินวัตร เอาบ้าง มอบโดรน ๑๐ ชุด มูลค่าเกือบ ๓ ล้านบาท ให้แก่กองทัพภาคที่สอง (ซึ่งปานเทพ ออกมาตำหนิว่าเป็นโดรนจากจีนชนิดที่ฝ่ายกัมพูชามีโดรนดักจับ เป็นอันตรายมากต่อทหารไทย) และจะเป็นแรงดันให้สงครามขยายออกไป
(https://www.facebook.com/thestandardth/posts/37XFwRxP4iQ และ https://www.facebook.com/ThePoliticsByMatichon/posts/VAdUEqxZk)