วันเสาร์, กรกฎาคม 12, 2568

The Economist มองกรณี #คลิปหลุด และการที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งนายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ เป็นไปตามคำสั่งของพวกอำนาจเก่า Old Guard และถึงจุดที่คนไทยควรได้รับโอกาสที่จะได้ใช้สิทธิเลือกตั้งอีกครั้ง ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนนายกฯ ซึ่งอาจปูทางไปสู่การรัฐประหารอยู่ดี


Pipob Udomittipong
12 hours ago
·
บทความใน The Economist “หลังจากผู้นำอีกคนถูกโค่นลง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งของไทยต้องการทางเลือกที่แท้จริง มองว่ากรณี #คลิปหลุด และการที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งนายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ เป็นไปตามคำสั่งของพวกอำนาจเก่า Old Guard และถึงจุดที่คนไทยควรได้รับโอกาสที่จะได้ใช้สิทธิเลือกตั้งอีกครั้ง ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนนายกฯ ซึ่งอาจปูทางไปสู่การรัฐประหารอยู่ดี
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แพทองธารได้ทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง แต่เธอได้รับตำแหน่งนี้ ก็เพียงเพราะเธอเป็นลูกสาวของทักษิณ ชินวัตร มหาเศรษฐีที่บริหารประเทศระหว่างปี พ.ศ. 2544-2549 แม้จะดำรงตำแหน่งไม่ถึงปี แต่เธอมักดูเหมือนมือใหม่อยู่เสมอ
“แต่ใครก็ตามที่คิดว่าสาเหตุของปัญหาของเธอ เกิดจากพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ ก็ถือว่าไร้เดียงสาเช่นกัน เพราะที่ผ่านมาชนชั้นปกครองของไทย ไม่ว่าจะเป็นกองทัพ พระราชวัง และเหล่าผู้ทรงอิทธิพลอื่นๆ ต่างรู้สึกว่าตนเองมีสิทธิที่จะปลดนักการเมืองออกจากตำแหน่ง เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเชื่อว่าผลประโยชน์ของตนเองกำลังถูกคุกคาม”
“หลายทศวรรษที่ผ่านมา ชนชั้นนำของไทยทำให้ไทยเป็นประเทศที่ดูเหมือนจะมีประชาธิปไตย แต่ก็ต้องเผชิญกับรัฐประหารมากมายหลายครั้ง ล่าสุด พวกเขาเห็นว่าสามารถใช้ประโยชน์จากศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อโค่นล้มผู้นำที่พวกเขาไม่ต้องการได้ง่ายกว่า รวมทั้งการใช้ข้าทาสที่เป็นสว.เพื่อกดดันการเลือกตั้งนายกฯ ทำให้แม้พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้ง ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้
แต่แทนที่จะได้นายกฯ ที่เลือกตั้งเข้ามา “ประเทศไทยกลับได้รัฐบาลผสมที่ล้มเหลวและแตกแยก ซึ่งนำโดย #แพทองธาร จนถึงเดือนนี้ เป็นการรวมตัวของพรรคที่สนับสนุนกองทัพกับ #พรรคเพื่อไทย พรรคประชานิยมที่ก่อตั้งโดยบิดาของแพทองธาร ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอ้างว่าเป็นกระบอกเสียงให้กับคนยากจน แต่กลับไม่สนใจพวกเขาอีกต่อไป”
“แพทองธารเข้าสู่ตำแหน่งเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เพียงเพราะอดีตนายกรัฐมนตรีถูกปลดออกจากตำแหน่ง เนื่องจากละเมิดมาตรฐานด้านจริยธรรมที่คลุมเครือ ตอนนี้ตัวเธอเองก็อาจตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน”
“ระหว่างที่ชนชั้นนำกำลังทะเลาะกัน ประเทศไทยประสบภาวะชะงักงัน คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 1.8% ในปีนี้ ลดลงจาก 2.5% ในปี 2567 จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง การส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาเสี่ยงต่อการถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงลิ่ว และผู้นำประเทศไม่สามารถแก้ไขปัญหาพื้นฐานที่สำคัญได้ รวมทั้งสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่กีดกันการแข่งขันอย่างน่าตกใจ
“นับเป็นเรื่องน่าเศร้าใจ เมื่อคำนึงถึงข้อได้เปรียบมากมายของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นความมั่งคั่ง ชนชั้นกลางที่ทันสมัย และทัศนียภาพอันงดงาม
“การเจรจาลับอาจนำไปสู่การแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่เร็ว ๆ นี้ หากเป็นเช่นนั้น เขาหรือเธอจะเป็นนายกฯ คนที่สามในรอบ 12 เดือน แต่หากการโต้เถียงล้มเหลว หรือการแก้ไขขาดความยั่งยืน ความไม่พอใจและการประท้วงก็มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงขึ้น และนั่นอาจกลายเป็นข้ออ้างสำหรับการรัฐประหารอีกครั้ง
“สิ่งที่ประเทศไทยต้องการอย่างแท้จริงคือการเลือกตั้งใหม่ เป็นการแข่งขันอย่างเสรี โดยพรรคที่ชนะต้องได้รับโอกาสอย่างเต็มที่ในการจัดตั้งรัฐบาลผสมที่สามารถบริหารประเทศได้อย่างแท้จริง เมื่อคนไทยได้ใช้สิทธิเลือกตั้งอีกครั้ง พวกเสรีนิยมรุ่นใหม่จากพรรคก้าวไกล ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนเป็นพรรคประชาชน จะกลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง
“ความเข้มแข็งอดทนของพวกเขา ทำให้เรามองอนาคตของประเทศไทยในแง่ดี แม้ว่าสถานการณ์อื่นๆ จะดูเลวร้ายก็ตาม น่าเสียดายที่พวกอำนาจเก่าที่กรุงเทพฯ ดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะยอมผ่อนคลายอำนาจควบคุมลงเหมือนแต่ก่อน หากพวกเขารักประเทศชาติอย่างแท้จริง พวกเขาก็ควรทำเช่นนั้น”
https://www.economist.com/.../after-another-leader-is...


https://www.facebook.com/photo?fbid=10162790208176649&set=a.10150096728651649