ต่อการที่มติ ๗ ต่อ ๒ ศาลรัฐธรรมนูญสั่งนายกฯ อุ๊งอิ๊งหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว หมอตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เครือข่ายขับไล่ ‘ชินวัตร’ ชงอีกถ้วยให้ สว.สีน้ำเงิน ยื่นถอดถอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พร้อมทั้งให้สั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ รมว.วัฒนธรรม
‘นิติสงคราม’ กำลังมาแรงและเร็ว ด้วยแรงส่งเครือข่าย ‘พลังแผ่นดิน’ ทำให้ ‘ตุลาการธิปไตย’ กลายเป็นอำนาจที่สี่ของอธิปไตยไทยไปแล้ว ชนิดที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล ถึงกับบอกว่า “ลูกนี้มีโอกาสทยอยกวาดหมดกองเพื่อให้เกิด สุญญากาศทางการเมือง” จะได้ยึดอำนาจกันใหม่
ถ้าลองย้อนดูความไม่เที่ยงธรรมของศาลรัฐธรรมนวยนี้ เริ่มจากกรณี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถวายสัตย์ไม่ครบ ตั้งใจข้ามขั้นตอนรัฐธรรมนูญ ศาลห้าบวกสี่ ก็ดันไม่รับคำร้องเสียนี่ บอกว่าตำแหน่ง คสช.ที่มาจากการยึดอำนาจ ไม่อยู่ในขอบข่ายของ รธน.
พอถึงกรณี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ครั้งที่พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนเลือกตั้งท่วมท้น มีคนชงให้ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ โทษฐานที่ให้พรรคของตนเองกู้เงินไปดำเนินงานพรรคที่เกิดได้พราะรากหญ้าประชาชน เช่นกันกับการยุบพรรคก้าวไกล
นั่นด้วยข้อหาโฆษณาหาเสียงให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหมิ่นกษัตริย์ ให้มีคนรับผิดชอบการฟ้องร้องที่แน่นอน (สำนักราชวัง) ไม่ใช่ใครก็ได้ จนทำให้พรรคนี้ได้รับเสียงข้างมากจากการเลือกตั้ง ศาลฯ นวยทั่นก็สั่งยุบหาว่าล้มล้างการปกครองฯ
ข้ามมาที่ ๑ กรกฎา ศาลรับคำร้องวุฒิสมาชิกน้ำเงิน ๓๖ คน แล้วสั่งนายกฯ หญิงหยุดปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่วันเดียวกันวินิจฉัยคดีการจัดเลือกตั้ง สว.แบบเลือกกันเอง ทำให้เกิดกลุ่มจัดตั้ง มีโพยสำหรับพวกพลีชีพโหวตให้ได้ สว.ร้อยกว่าคนสีน้ำเงิน
คดีนี้ผู้ร้องชี้ว่าพรรคภูมิใจไทยมีเอี่ยว ศาลดันบอกว่า โฮ้ย เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่หน้าที่ของพวกกรู มีหน่วยงานอื่นรับผิดชอบอยู่แล้ว (นัยว่าถ้าเขาให้ผ่านก็ผ่าน แต่ทั่นไม่พูดอย่างนั้น เพียงอ้างว่า) “ไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙”
รวมแล้วล้วนไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ตีความ กม.รัฐธรรมนูญให้เกิดความเที่ยงตรง บริสุทธิ์และยุติธรรม แต่เป็น จัดการทางการเมืองเพื่อรักษาอำนาจ ‘พันลึก’ ตีกรอบการเมืองให้อยู่ในครอบของวาทกรรมปกป้องสถาบันเท่านั้น
(https://prachatai.com/journal/2025/07/113538, https://www.facebook.com/thematterco/posts/7CzuM6yd และ https://www.facebook.com/nationweekend/posts/HKjxTRT51jV9)