วันอาทิตย์, มิถุนายน 22, 2568

พิพาทเขตแดนล้ำถึงพิพาทการเมืองภายใน ทัพภาคสองสั่งปิดด่านช่องสายตะกู ฮุน มาเนตโต้ ปิดสองด่านตรงข้าม แถมเสี้ยมกองทัพไทยเหนือรัฐบาล

ข่าวช่องวันว่าอย่างนี้ “ฮุน มาเนต สั่งปิดด่านช่องจอม เอาคืนไทยปิดช่องสายตะกู งง นายกฯ เจรจาเปิดด่านแต่ทหารปิดด่าน ไม่เหมือนกัมพูชา นายกฯ สั่งได้หมดทั้งกองทัพ” พัวพันกันแล้วเหรอ พิพาทเขตแดนล้ำถึงพิพาทการเมืองภายใน

ท้าวความตามท้องเรื่องเริ่มมาจาก คำสั่งที่ ๑๗๖/๖๘ ของกองทัพภาคที่สอง “อนุมัติปิดจุดผ่อนปรนการค้า ช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์” ให้อำนาจกองกำลังสุรนารีควบคุมจุดผ่านแดนทุกประเภท ลงนาม พล.ท.บุญสิน พาดกลาง

เป็นผลให้ในวันรุ่งขึ้นปรากฏโพสต์เฟชบุ๊คของ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา เห็นด้วยกับผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย “เราจะปิดด่านตรวจชายแดนดังกล่าวอย่างถาวรเช่นกัน” ทั้งสั่งแจ้งฝ่ายไทยด้วยว่า กัมพูชาปิดด่านตรวจอีกแห่งที่ช่องจุ๊บโกกี

นายกฯ กัมพูชาร่ายยาว กล่าวหาว่ากองทัพไทยดำเนินการปิดด่านโดยฝ่ายเดียวเรื่อยมา กัมพูชาไม่เคยมีเจตนาสร้างความลำบากให้กับประชาชนของทั้งสองประเทศที่ใช้ด่านตรวจชายแดน หากกองทัพไทยยังกดดันด้วยวิธีนี้ กัมพูชาจะตอบโต้ได้ทุกเมื่อ

ฟังดูแล้วกลายเป็นสงครามน้ำลายผสมโรงมาตรการปิดด่าน แต่ชั้นเชิงส่อเสียดและปลุกปั่นของผู้นำกัมปูเจียมีมากกว่านั้น “ผมไม่แน่ใจว่านี่เป็นกลวิธีหรือกลยุทธ์ในการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยกับกองทัพไทยหรือไม่” ฮุนผู้ลูกใส่ไคล้เลยละ

“เพราะดูเหมือนว่าจะไม่มีฉันทามติและความชัดเจน เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการปิดชายแดน” ฮุน มาเนต สะบัดสำนวน “ฝ่ายหนึ่ง (อุ๊งอิ๊ง) ต้องการมีการเจรจาทวิภาคีเพื่อเปิดจุดตรวจชายแดนอีกครั้ง” แต่อีกฝ่าย (กองทัพ) ก็ยังปิดจุดตรวจไม่หยุดยั้ง

ดังที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาหลายวันแล้วว่า สภาพการเมืองการปกครองในไทย ตกอยู่ในภาวะ “การทหารนำการเมือง” และรัฐบาลแพทองธารยอมให้ฝ่ายทหารมีเอกภาพในการตัดสินใจและจัดการปัญหาชายแดนกับกัมพูชาเต็มที่

ว่าไปทำไรมี มาตรการปิดด่านที่ทัพภาค ๒ ดำเนินมา ไม่ได้ทำให้รัฐบาลกัมพูชาสะทกสะท้านอะไรนัก เราปิดเขาก็ปิดบ้าง ผู้ที่เดือดร้อนจริงจังก็ชาวบ้านที่ต้องข้ามแดนไปค้าขายเป็นประจำก็ฝืดเคืองกันไป ผู้บริโภคฝั่งโน้นก็หาของอื่นทดแทน

หลายอย่างฝั่งฮุน เซน เยาะเย้ยเสียด้วยซ้ำว่า คนที่เดือดร้อนคือพ่อค้าจากไทย แล้วเรื่องใหญ่ๆ อย่างอินเตอร์เน็ต ไฟฟ้า น้ำมัน ความเสียหายเกิดกับบรรษัทเจ้าสัวฝ่ายไทยมากกว่าผู้อุปโภคเขมร อย่างเช่น อินเตอร์เน็ตนั่น

ข้อเท็จจริงปรากฏว่ากัมพูชามีบริการอินเตอร์เน็ตหลักจากเครือข่ายบรัทเท็คของฝรั่งเศสอยู่แล้ว ทรู/ดีแท็ค และเอไอเอส ขายบริการให้แก่ลูกค้าเจ้าของกิจการจากไทย ความเสียหายจึงเกิดกับไทยมากกว่า ประมาณว่า “หยิกเล็บเจ็บเนื้อ” นั่นละ

(https://www.facebook.com/story.php=24013018121663320&id=100001454030105, https://www.facebook.com/yapong.wichian/posts/CUnJYWvG และ https://www.thaipbs.or.th/news/content/353446)