
สมเด็จฮุน เซน โพสต์ภาพถ่ายคู่กับ ทักษิณ ชินวัตร โดยระบุว่า "แม้ว่าท่านจะเจ็บป่วย แต่ยังมีความเป็นพี่น้อง" หลังมาเยี่ยมอดีตนายกฯ ไทยที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อ 21 ก.พ. 67 แต่วันนี้เขาออกมาแฉว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริงแต่อย่างใด
สายสัมพันธ์หลายทศวรรษ ระหว่างตระกูล "ฮุน" และ "ชินวัตร" ขาดสะบั้นลงเพราะเหตุใด ?
จิราภรณ์ ศรีแจ่ม และ ปณิศา เอมโอชา
ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
เมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้ว
เพียงคำหนึ่งคำเท่านั้นที่ทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฮุนแห่งกัมพูชาและตระกูลชินวัตรขาดสะบั้นลง ทั้งที่พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมานานหลายทศวรรษ
คำ ๆ นั้น คือคำว่า "ไม่เป็นมืออาชีพ" จากความเห็นของนายวิชานา สาร์ นักวิเคราะห์จากราชวิทยาลัยแห่งกัมพูชา (Royal Academy of Cambodia)
นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร เอ่ยคำดังกล่าวออกมาเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้การสื่อสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของสองพ่อลูกตระกูลฮุนที่กวนน้ำให้ขุ่น และทำให้การจัดการเรื่องข้อพิพาทชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาไปคนละทิศละทางมากขึ้น
นายวิชานา บอกกับบีบีซีไทยว่า "คำนี้สร้างความเจ็บใจ" ให้กับ สมเด็จฮุน เซน ผู้ปกครองประเทศกัมพูชามายาวนานกว่า 3 ทศวรรษ ดังนั้นจึงสามารถอธิบายได้ง่าย ๆ ว่าสายสัมพันธ์ที่มีมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ต้องจบลงเพราะลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร
เขาชี้ให้เห็นว่าเราสามารถเห็นความโกรธเกรี้ยวของผู้นำชาวกัมพูชาวัย 72 ปีได้จากการออกกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสมาชิกสภาท้องถิ่นใน จ.พระวิหาร ของกัมพูชาวันนี้ (27 มิ.ย.)
จากการรายงานของขแมร์ไทมส์ (Khmer Times) ระบุว่าเช้าวันนี้ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไทยและกัมพูชาตกลงปรับวางกำลังพลบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมมรกตหลังเกิดข้อพิพาทในพื้นที่ดังกล่าว และเมื่อฝั่งกัมพูชาตกลงทำตามที่ทางฝ่ายไทยร้องขอ แต่ปรากฏว่า "สื่อในกรุงเทพฯ รายงานว่ากัมพูชาถอนกำลังพล" ทั้งที่มันไม่ใช่
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหมของไทย เคยออกมาเน้นย้ำให้สื่อไทยหลีกเลี่ยงการใช้คำว่าถอยหรือถอนตัว เนื่องจากเป็นการปรับการวางกำลังของทั้งสองฝ่าย แต่สุดท้ายดูเหมือนว่าคำขอร้องดังกล่าวจะไม่เป็นผล
สมเด็จฮุน เซน กล่าวว่าการที่สื่อและเจ้าหน้าที่ไทยบิดเบือนการเคลื่อนไหวดังกล่าวว่าเป็นการถอนกำลังทหารของกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียวนั้น เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้และมองว่า "ถูกทรยศ"
"เราตกลงกันแล้วเรื่องการปรับวางกำลังทหารที่สามเหลี่ยมมรกต มันยากมากสำหรับผมที่จะอธิบายในตอนนั้น ทั้งทักษิณ [ชินวัตร] และ ยิ่งลักษณ์ [ชินวัตร] รวมถึงนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของไทยต่างก็โทรมาขอบคุณผม" ขแมร์ไทมส์ รายงานคำพูดของสมเด็จฮุน เซน
ผู้นำกัมพูชากล่าวต่อว่า เขาจำเป็นต้องบันทึกการสนทนาระหว่างตนเองกับนายกฯ แพทองธารไว้ เพื่อความโปร่งใส และที่จริงแล้วโทรศัพท์ของเขาบันทึกทุกสายสนทนาโดยอัตโนมัติ
สมเด็จฮุน เซน ยังเน้นย้ำว่าตนเองไม่มีเจตนาเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าวในตอนแรก จนกระทั่งนายกรัฐมนตรีแพทองธารกล่าวหาผู้นำกัมพูชาทั้งสองว่า "ไม่เป็นมืออาชีพ"
ก่อนหน้านี้ นายวีร็อก อู นักวิเคราะห์การเมืองชาวกัมพูชา ซึ่งเป็นประธานและผู้ก่อตั้งฟิวเจอร์ ฟอรัม (Future Forum) สถาบันคลังสมองด้านนโยบายสาธารณะในกัมพูชา ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยว่าบางครั้งการตัดสินใจที่ส่งผลทางการเมือง อาจไม่ใช่แผนลึกลับที่ถูกวางไว้ แต่มันอาจเกิดขึ้นได้จากความโกรธเพียงชั่วครู่
"ผมคิดว่าเมื่อคุณอยู่กับการเมืองมานานหลายปีเกินไป และรู้อะไรต่อมิอะไรมากขึ้น รู้อะไรมากเกิน ผมหมายถึงรู้จักใครคนหนึ่งจนดีพอ ผมบอกได้ว่าหลายครั้งมันแทบไม่ใช่กลยุทธ์อย่างที่ผู้คนในสาธารณะเข้าใจ มันมีความเป็นกลยุทธ์น้อยกว่านั้นมาก เพราะการตัดสินใจอาจเกิดขึ้นจากความโกรธเพียงครั้งเดียว โดยผู้มีอำนาจเพียงคนเดียวหรือเพียงไม่กี่คน และทำให้เรื่องบานปลาย" เขากล่าว
นักวิเคราะห์ชาวกัมพูชาจากฟิวเจอร์ ฟอรัม ยังบอกด้วยว่าหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างสองตระกูลคงเป็นสิ่งที่ฟื้นฟูได้ยากเมื่อเวลาผ่านไป
"ผมแค่อยากบอกว่า มันไม่ได้เกิดขึ้นจากแผนการหรือกลยุทธ์อะไร มันไม่ได้ถูกวางแผน แต่มันแค่เกิดขึ้นแล้ว" นายวีร็อก กล่าวกับบีบีซีไทย
การขาดสะบั้นของสองตระกูลที่ "แทบจะทรงอิทธิพลที่สุดในภูมิภาค"
นายวิชานา นักวิเคราะห์จากกัมพูชา เคยเขียนบทความเผยแพร่เมื่อปีที่แล้วว่าสายสัมพันธ์ระหว่างสมเด็จฮุน เซน และ อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ในการเมืองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นมีความซับซ้อนและน่าสนใจยิ่ง หากมองจากพลวัตในภูมิภาค ผลประโยชน์ที่มีร่วมกัน รวมถึงภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงในภูมิภาคนี้
บทวิเคราะห์ดังกล่าว ระบุว่า หากมองมิติด้านเศรษฐกิจ ทักษิณคือนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จที่ผันตัวมาเป็นนักเมืองและดำเนินนโยบายประชานิยมจนได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างมากในห้วงเวลานั้น ขณะที่ สมเด็จฮุน เซน ปกครองกัมพูชามาอย่างยาวนาน และทั้งคู่มีจุดร่วมกันคือการพยายามใช้ประโยชน์จากความสำเร็จด้านนโยบายเศรษฐกิจเพื่อเสริมสร้างสถานะการเมืองของตนเอง
ในวันนี้ นายวิชานา ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยหลังฟังสุนทรพจน์ของสมเด็จฮุน เซน จบว่า จุดร่วมของชายทั้งสองคนในตอนนี้คือ ทั้งคู่เป็นพ่อของผู้นำประเทศอย่างที่เราเห็นว่า พล.อ.ฮุน มาเนต ลูกชายคนโตของสมเด็จฮุน เซน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ขณะที่ลูกสาวคนเล็กของนายทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย
"แต่สิ่งที่ทำให้ สมเด็จฮุน เซน และ ทักษิณ แตกต่างกันในตอนนี้คือ ท่านฮุน เซน มีอำนาจอย่างมาก เนื่องจากปกครองกัมพูชามานานกว่า 30 ปี และยังมีอำนาจการเมืองทางตรง ตอนนี้เขาดำรงตำแหน่งเป็นประธานวุฒิสภา และเป็นผู้นำพรรคการเมืองที่ครองเสียงข้างมากของประเทศในขณะนี้มานานหลายสิบปี ขณะที่ทักษิณไม่ใช่แบบนั้น เขาถูกทำให้ออกจากการเมืองไปนานแล้ว และกลับมาครั้งนี้เขามีอำนาจทางอ้อม ไม่มีอำนาจเท่าเดิม และไม่มีอำนาจทางการเมืองโดยตรงเหมือนสมเด็จฮุน เซน"
เขากล่าวต่อว่า การที่นายกรัฐมนตรีแพทองธารโต้ว่า พล.อ.ฮุน มาเนต และ สมเด็จฮุน เซน ไม่เป็นมืออาชีพนั้น ถือเป็นเรื่องใหญ่อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำพูดดังกล่าวมาจากหญิงสาวที่ประสบการณ์ทางการเมืองน้อยกว่า และเรียกผู้นำของกัมพูชาอย่างสมเด็จฮุนเซนว่า "อังเคิล" (uncle แปลว่า อา ในภาษาไทย)
"เธอควรจะพูดว่าท่านประธานหรือท่านนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เรียกว่าอังเคิล นั่นจะแสดงความเป็นมืออาชีพเสียมากกว่า" นายวิชานา หยิบยกถ้อยคำของ น.ส.แพทองธาร ที่ปรากฏในคลิปเสียงมาเป็นตัวอย่าง
"นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะมาใช้สายสัมพันธ์ส่วนตัวของพ่อในการพูดคุย มันควรมีความเป็นกลางและเป็นทางการมากกว่านี้ คุณไม่สามารถเรียกผู้นำอีกประเทศหนึ่งว่า อา ได้ เพราะนี่คือเรื่องผลประโยชน์ของชาติ"
"ผมบอกได้ว่านั่นต่างหากที่ 'ไม่เป็นมืออาชีพ'" วิชานา นักวิเคราะห์จากกัมพูชา กล่าวกับบีบีซีไทย

"ผมเข้าใจดีว่าเธอกำลังได้รับแรงกดดันอย่างหนัก" นายวิชานา สาร์ นักวิเคราะห์จากกัมพูชา กล่าวถึงนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร
นายวิชานากล่าวเสริมด้วยว่า บุคคลที่ถูกเรียกว่า "อังเคิล" ซึ่งถูกต่อว่าว่าไม่มีความเป็นมืออาชีพนั้น ยังเป็นผู้ช่วยเหลือครอบครัวชินวัตรมาโดยตลอด เช่นเมื่อยามที่ นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาศัยกัมพูชาเป็นสถานที่ลี้ภัยทางการเมือง โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เองก็ใช้หนังสือเดินทางของกัมพูชา จากการเปิดเผยของสมเด็จฮุน เซน
เมื่อบีบีซีไทยถามต่อว่า แล้วทางออกที่จะช่วยคลี่คลายความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลนี้คืออะไร นายวิชานาตอบทันทีว่า "ผมคิดว่าประเทศไทยควรได้นายกรัฐมนตรีที่ดีกว่านี้" พร้อมกับกล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่เข้าการเมืองด้วยการยึดอำนาจรัฐบาลของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ เมื่อปี 2557
"ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่ง ไม่มีความขัดแย้งบริเวณชายแดนระหว่างสองประเทศ และภูมิภาคนี้มีสันติสุขกว่าในตอนนี้" เขากล่าว
ความเห็นของนายวิชานาสอดคล้องกับความเห็นของสมเด็จฮุน เซน ที่ให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นของกัมพูชาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า ช่วงการปกครองของ พล.อ.ประยุทธ์ เกือบสิบปี พบว่าไทยไม่มีปัญหากับกัมพูชาเลย
นายวิชานาอธิบายต่อว่า เหตุผลที่เขามองว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากนายพลผู้นี้สามารถควบคุมกองทัพไทยได้ ขณะที่ในตอนนี้พิสูจน์แล้วว่าตระกูลชินวัตรทำไม่ได้ และไม่มีอิทธิพลมากพอจะกำหนดทิศทางการตัดสินใจของกองทัพ
"ผมคิดว่าในประเทศไทย พวกคุณรู้อยู่แล้วว่าใครที่มีอำนาจอย่างแท้จริง ผมเองคงพูดมากในเรื่องนี้ไม่ได้ ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเหตุใดในการเมืองไทย นายกรัฐมนตรีของคุณถึงไม่มีอำนาจในกองทัพ เพราะมันเป็นเรื่องยากสำหรับผมเช่นกัน แต่ยกตัวอย่างในประเทศของผม นายกรัฐมนตรีมีอำนาจอย่างแท้จริงในการสั่งกองทัพให้เปิด-ปิดด่านชายแดน ขณะที่นายกรัฐมนตรีของไทยกลับให้อำนาจการตัดสินใจเรื่องนี้แก่กองทัพว่าจะเปิด-ปิดด่านหรือไม่"

สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา และ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ในการประชุมสุดยอดผู้นำที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เมื่อปี 2546
ขณะที่สมเด็จฮุน เซน กล่าวสุนทรพจน์ใน จ.พระวิหาร เช้าวันนี้ต่อหน้าสมาชิกสภาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีของไทยโพสต์สตอรีอินสตาแกรมพาดพิงผู้นำกัมพูชาเมื่อเวลาประมาณ 11 โมงเช้าว่า "นโยบายนายกอิ๊ง เตะชามข้าวฮุนเซน" เพื่ออธิบายว่าสมเด็จฮุน เซน แทรกแซงการเมืองไทยเนื่องจากนโยบายยกระดับปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการเตรียมจะเปิดสถานบันเทิงครบวงจรนั้น กระทบกับกัมพูชาอย่างหนัก และทำให้ประเทศเพื่อนบ้านสูญเสียรายได้
นายวิชานากล่าวว่านี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของนายกรัฐมนตรีแพทองธารที่แสดงให้เห็นว่า "เธอไม่มีความเป็นมืออาชีพ" ในการตอบโต้ทางการเมือง และพร้อมกันนี้ เขายังยืนยันว่าการตัดไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตของไทยนั้น แทบไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อกัมพูชาเลย เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของประเทศกัมพูชาสามารถจัดหาได้เพียงพอต่อความต้องการ
เขายังปัดตกข้อครหาว่าสมเด็จฮุน เซน และลูกชายกำลังแสวงหาความนิยมทางการเมือง ด้วยการใช้ปมพิพาทเรื่องชายแดนเป็นเครื่องมือ โดยให้เหตุผลว่าตระกูลฮุนมีความมั่นคงทางการเมืองดีอยู่แล้ว
นอกจากนี้ นายวิชานายังชี้ให้เห็นว่า สายสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นลงของสองตระกูลที่เรียกได้ว่า "แทบจะทรงอิทธิพลมากที่สุด" ในภูมิภาคนี้ ไม่ใช่แค่ปัญหาทางการเมืองของทั้งสองประเทศเท่านั้น แต่มันยังส่งผลสะเทือนในระดับภูมิภาคด้วย
"หากความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาดี มันก็ดี แต่หากมันเปลี่ยนไป มันก็อย่างที่เราเห็น" เขากล่าวกับบีบีซีไทย
ชินวัตรไม่มีประโยชน์ต่อตระกูลฮุนแล้วใช่ไหม ?
นายกรัฐมตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ให้การต้อนรับ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ขณะที่เธอเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน เม.ย. 2568 ในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 75 ปี ของสองประเทศ
ในวันนี้ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ออกแถลงการณ์ว่าไทยจะใช้ช่องทางทางการในการสื่อสารกับกัมพูชาเท่านั้น หลังจากมีความพยายามปั่นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์เพื่อสร้างความแตกแยกในสังคมไทย
พร้อมกันนี้ กต. ยังได้หยิบยกข้อมูลจากองค์การระหว่างประเทศ อย่างสำนักงานว่าด้วยอาชญากรรมและยาเสพติดแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นโอดีซี (UNODC) รวมถึงองค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ที่ระบุว่ากัมพูชาเป็นฐานอาชญากรรมข้ามชาติ "ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามประเทศไทย" จึงขอให้ประชาคมร่วมกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในอนุภูมิภาคร่วมกับไทย
ในห้วงหลายปีที่ผ่านมา บีบีซีไทยพบว่ามีรายงานหลายฉบับจากองค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงสื่อต่าง ๆ ที่พยายามหาคำตอบว่าเหตุใดศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชาจึงเป็นแดนสนธยา ที่แม้แต่กฎหมายก็ยังทำอะไรไม่ได้ และคำตอบสุดท้ายก็มักเชื่อมโยงไปยังคนใกล้ตัวหรือนักการเมืองที่อยู่เคียงข้างผู้นำตระกุลฮุน
ดร.ธนเชษฐ วิสัยจร หัวหน้าสาขาวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยว่า ธุรกิจดังกล่าวเป็นทั้งเครือข่ายครอบครัวและพันธมิตรทางธุรกิจของตระกูลฮุน
"ผมมองว่ากลุ่มธุรกิจในกัมพูชาไม่ว่าจะเป็นสีอะไรก็ตาม สีสะอาด สีเทา หรือสีดำ มีความเชื่อมโยงกันหมด แล้วยิ่งถูกบีบในเรื่องการจำกัดการส่งน้ำมัน ผมก็มองว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ [ฮุน เซน] เสียหน้ากับประชาชนชาวกัมพูชา เสียหน้ากับเครือข่ายเน็ตเวิร์คของเขา"
"คุณฮุน เซน เขาพูดกับคนกัมพูชาไว้เยอะว่าจะสู้กับรัฐบาลแพทองธาร แล้วพอเป็นลูกสาวเพื่อน ถ้าเราจะถอยเพราะลูกสาวเพื่อน มันก็ดูเสียหน้า สำหรับนักรบที่ผ่านสงครามมา ซึ่งตัวเขาเองบอกว่าผ่านมา 100 สงคราม เป็นนายพลห้าดาว" ดร.ธนเชษฐ กล่าว
เขายังเห็นด้วยว่าการกล่าวหาว่าผู้นำกัมพูชาไม่มีความเป็นมืออาชีพของ น.ส.แพทองธาร นั้น ทำให้สมเด็จฮุน เซน ไม่พอใจอย่างมาก และนำมาสู่แรงกระแทกต่อตัวนายกรัฐมนตรีเอง และแรงกดดันที่มายังรัฐบาลแพทองธารขณะนี้มีอยู่สองกระแสหลัก กลุ่มแรกแม้ไม่พอใจในตัวนายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่ต้องการให้สมเด็จฮุน เซน สมหวัง จึงเห็นว่าคนไทยควรรวมตัวกันให้เป็นเอกภาพก่อน จากนั้นจึงจัดการความขัดแย้งปมพิพาทกับผู้นำกัมพูชา
อีกกระแสหนึ่งคือให้เอารัฐบาลนี้ออกไป เพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามา "จัดการฮุน เซน" ซึ่งนักวิชาการจาก ม.อุบลราชธานี มองว่าสุ่มเสี่ยงอย่างมากที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนผู้นำนอกวิถีประชาธิปไตย และยิ่งทำให้การต่อสู้ปมข้อพิพาทพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาในเวทีโลกต้องเผชิญอุปสรรคมากขึ้นในอนาคต
"ผมคิดว่าคุณฮุน เซน หวังให้เกิดกลไกอย่างหลัง" ดร.ธนเชษฐ กล่าว "ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นเด็ดขาด หากเกิดขึ้น เวลาเราไปชี้แจงอะไรในเวทีโลก สมมติเราได้รัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เราจะเสียการต่อรองทันที"
ในวันนี้ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ออกแถลงการณ์ว่าไทยจะใช้ช่องทางทางการในการสื่อสารกับกัมพูชาเท่านั้น หลังจากมีความพยายามปั่นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์เพื่อสร้างความแตกแยกในสังคมไทย
พร้อมกันนี้ กต. ยังได้หยิบยกข้อมูลจากองค์การระหว่างประเทศ อย่างสำนักงานว่าด้วยอาชญากรรมและยาเสพติดแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นโอดีซี (UNODC) รวมถึงองค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ที่ระบุว่ากัมพูชาเป็นฐานอาชญากรรมข้ามชาติ "ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามประเทศไทย" จึงขอให้ประชาคมร่วมกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในอนุภูมิภาคร่วมกับไทย
ในห้วงหลายปีที่ผ่านมา บีบีซีไทยพบว่ามีรายงานหลายฉบับจากองค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงสื่อต่าง ๆ ที่พยายามหาคำตอบว่าเหตุใดศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชาจึงเป็นแดนสนธยา ที่แม้แต่กฎหมายก็ยังทำอะไรไม่ได้ และคำตอบสุดท้ายก็มักเชื่อมโยงไปยังคนใกล้ตัวหรือนักการเมืองที่อยู่เคียงข้างผู้นำตระกุลฮุน
ดร.ธนเชษฐ วิสัยจร หัวหน้าสาขาวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยว่า ธุรกิจดังกล่าวเป็นทั้งเครือข่ายครอบครัวและพันธมิตรทางธุรกิจของตระกูลฮุน
"ผมมองว่ากลุ่มธุรกิจในกัมพูชาไม่ว่าจะเป็นสีอะไรก็ตาม สีสะอาด สีเทา หรือสีดำ มีความเชื่อมโยงกันหมด แล้วยิ่งถูกบีบในเรื่องการจำกัดการส่งน้ำมัน ผมก็มองว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ [ฮุน เซน] เสียหน้ากับประชาชนชาวกัมพูชา เสียหน้ากับเครือข่ายเน็ตเวิร์คของเขา"
"คุณฮุน เซน เขาพูดกับคนกัมพูชาไว้เยอะว่าจะสู้กับรัฐบาลแพทองธาร แล้วพอเป็นลูกสาวเพื่อน ถ้าเราจะถอยเพราะลูกสาวเพื่อน มันก็ดูเสียหน้า สำหรับนักรบที่ผ่านสงครามมา ซึ่งตัวเขาเองบอกว่าผ่านมา 100 สงคราม เป็นนายพลห้าดาว" ดร.ธนเชษฐ กล่าว
เขายังเห็นด้วยว่าการกล่าวหาว่าผู้นำกัมพูชาไม่มีความเป็นมืออาชีพของ น.ส.แพทองธาร นั้น ทำให้สมเด็จฮุน เซน ไม่พอใจอย่างมาก และนำมาสู่แรงกระแทกต่อตัวนายกรัฐมนตรีเอง และแรงกดดันที่มายังรัฐบาลแพทองธารขณะนี้มีอยู่สองกระแสหลัก กลุ่มแรกแม้ไม่พอใจในตัวนายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่ต้องการให้สมเด็จฮุน เซน สมหวัง จึงเห็นว่าคนไทยควรรวมตัวกันให้เป็นเอกภาพก่อน จากนั้นจึงจัดการความขัดแย้งปมพิพาทกับผู้นำกัมพูชา
อีกกระแสหนึ่งคือให้เอารัฐบาลนี้ออกไป เพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามา "จัดการฮุน เซน" ซึ่งนักวิชาการจาก ม.อุบลราชธานี มองว่าสุ่มเสี่ยงอย่างมากที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนผู้นำนอกวิถีประชาธิปไตย และยิ่งทำให้การต่อสู้ปมข้อพิพาทพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาในเวทีโลกต้องเผชิญอุปสรรคมากขึ้นในอนาคต
"ผมคิดว่าคุณฮุน เซน หวังให้เกิดกลไกอย่างหลัง" ดร.ธนเชษฐ กล่าว "ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นเด็ดขาด หากเกิดขึ้น เวลาเราไปชี้แจงอะไรในเวทีโลก สมมติเราได้รัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เราจะเสียการต่อรองทันที"

เดือนเมษายนที่ผ่านมา สมเด็จฮุน เซน ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร และคู่สมรส โดยพาชมบ้าน และห้องพักที่เคยให้นายทักษิณ ชินวัตร รวมถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาศัยอยู่ ขณะลี้ภัยทางการเมือง
นักวิชาการจาก ม.อุบลราชธานี ยังชี้ให้เห็นด้วยว่า การไลฟ์สดมาราธอนของผู้นำที่ผ่านสงครามการเมืองในประเทศตนเองมาอย่างโชกโชนเมื่อเช้าวันนี้ยังคุกรุ่นไปด้วยความโกรธ แม้ข้อมูลที่เขาอ้างว่าจะนำมาแฉนายทักษิณนั้น แทบไม่มีอะไรใหม่สำหรับชาวไทยเลย
เมื่อบีบีซีไทยถาม ดร.ธนเชษฐ ว่าการตัดความสัมพันธ์ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าตระกูลชินวัตรไม่มีประโยชน์ต่อตระกูลฮุนแล้วใช่หรือไม่ เขาปฏิเสธ และบอกว่าตระกูลชินวัตร "ยังมีประโยชน์อยู่"
เขาอธิบายต่อว่า สมเด็จฮุน เซน ผ่านสงครามมามากมาย ผ่านการถูกหักหลังมาหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงเขาเองก็หักหลังคนอื่น ดังนั้น "คราวนี้หากจะตัดขาดกับชินวัตร ก็ต้องขอเอามาใช้ประโยชน์หน่อย" โดยนำประเด็นนี้มาเขย่าความเป็นเอกภาพของการเมืองไทย
ด้าน รศ.ดร.โสภาร เอียร์ จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนาของสหรัฐอเมริกา บอกกับบีบีซีไทยว่า การตัดสินใจของสมเด็จฮุน เซน ในการตัดสัมพันธ์หรือ "เลิก" กับทักษิณ รวมถึงตระกูลชินวัตร ให้สาธารณชนรับรู้ครั้งนี้ ถือเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของสมเด็จฮุน เซน ในการใช้การเผชิญหน้าทางการเมืองอย่างมีกลยุทธ์ โดยเฉพาะการไลฟ์สดที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
"การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของ ฮุน เซน ในฐานะผู้ปกป้องศักดิ์ศรีและอำนาจอธิปไตยของชาติกัมพูชา ซึ่งสะท้อนถึงความรู้สึกชาตินิยมในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อน"
เขากล่าวว่า แม้สมเด็จฮุน เซน "อาจกำจัด" แพทองธารได้ "แต่เขาอาจลงเอยด้วยการได้ใครบางคนที่แย่กว่านั้นก็เป็นได้"
"จงระวังในสิ่งที่คุณปรารถนา" รศ.ดร.โสภาร กล่าวเตือนผู้นำกัมพูชา
https://www.bbc.com/thai/articles/cy4y8yyjnwgo
ฟางเส้นสุดท้าย‼️ #ฮุนเซน ซัด #แพทองธารชินวัตร หลังถูกกล่าวหาว่า “ไม่เป็นมืออาชีพ” ลั่น เป็นการดูหมิ่นร้ายแรง‼️
— Skyboyz (@Skyboyz15) June 27, 2025
ตอก #แพทองธาร อย่ามาสอนเรื่องคุณธรรม ในเมื่อเป็นเด็กไม่เคารพผู้ใหญ่
ลั่น ไม่ให้อภัย ‼️#กัมพูชา ไม่สามารถทำงานร่วมกับนายกฯ คนนี้ได้ เราจะร่วมมือกับผู้นำคนใหม่‼️ pic.twitter.com/zMsG7T6gI7