
ศูนย์วิจัยฯ มหาวิทยาลัยหน้าบางแห่งหนึ่ง
17 hours ago
·
.
การเมืองของการทำให้ “ประชาธิปไตย” อ่อนแอ
อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์
.
การเมืองไทย “ประชาธิปไตยไทย” กำลังถูกทำให้อ่อนแอลงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมองได้ว่าเป็นกระบวนการทางการเมืองของความตั้งใจที่จะทำให้พรรคการเมืองตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ไปหมดทุกพรรค กระบวนการนี้ส่งผลโดยตรงในการทำให้กระแสของความหวังของสังคมที่จะสร้าง “ประชาธิปไตย” ให้เข้มแข็งนั้น ลดทอนถอนพลังลงไปอย่างเห็นได้ชัด
.
กระบวนการทางการเมืองที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นจากเงื่อนไขหลัก ก็คือ ความปรารถนาที่จะรักษาสภาวะเดิมทางอำนาจของเครือข่ายชนชั้นนำให้ดำรงอยู่ในสถานะที่เหนือกว่า แต่ขณะเดียวกันก็ยังจำเป็นที่จะต้องรักษาไว้ซึ่ง “ระบอบการเมืองประชาธิปไตย” ไว้ เพราะไม่ต้องการให้เกิดความตึงเครียดจากกลุ่มคนที่ต้องการประชาธิปไตยและทางสากล
.
กระบวนการการเมืองนี้เริ่มต้นการดึงผู้นำพรรคการเมืองหนึ่งมา “ใช้” เพื่อลดทอนกระแสความต้องการความเปลี่ยนแปลง แต่ขณะเดียวกัน ความไม่ไว้ใจพรรคและผู้นำพรรคที่ตนเองต้อง “ใช้” ก็ทำให้หันไปผลักดันและ “ให้ท้าย” อีกพรรคการเมืองหนึ่งขึ้นมาคานอำนาจเอาไว้ โดยทำตัวอยู่ “บนภู ดูเสือกัดกัน”
.
เมื่อชนชั้นนำเชื่อว่ากลุ่มตนสามารถที่จะลดกระแสของความเปลี่ยนแปลงไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้อำนาจกฎหมายกดทับจนทำให้พรรคฝ่ายต้องการความเปลี่ยนแปลงต้องพูด/ทำในสิ่งที่ไม่เคยพูดมาก่อน รวมทั้งต้องแสดงให้เห็นกรายๆให้เห็นว่าพรรคตนเองลดมาตราฐานทางการเมืองลง กระบวนการทางการเมืองนี้จึงได้เห็นแนวทางที่ทำตามความปรารถนาได้ชัดเจนขึ้น อันได้แก่ การรักษาสภาวะเดิมทางอำนาจของเครือข่ายชนชั้นนำโดยมีอำนาจเหนือพรรคแต่รักษาภาพของ “ระบอบการเมืองประชาธิปไตย” ไว้ได้
.
การเมืองที่ทำให้พรรคการเมืองทุกพรรคอ่อนแอด้วยการ “บ่อน เซาะ กร่อน ทำลาย” ความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยของสังคม เริ่มขึ้นด้วยการ “ชี้แนะ ชี้นำ ชักจูง” ให้เกิดการเล่นงานพรรคการเมืองด้วยแง่มุมและข้อมูลของการกระทำที่ล่อแหลมหรือผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกรณีชั้น ๑๔ การออกตั๋ว PN การฮั้ว สว. ที่ดินเขากระโดง ที่ดินอัลไพน์ (แง่มุมและข้อมูล ถูกทำให้ใช้ได้ด้วยความตั้งใจ ) แน่นอนว่าบรรดาผู้นำในพรรคการเมืองต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่มีแผลอยู่ข้างหลังอยู่แล้ว จึงทำให้การเมืองของการทำให้พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอ่อนแอจึงทำได้อย่างประสบผลสำเร็จอย่างสำคัญ
.
การเมืองของการรักษาอำนาจชนชั้นนำปฏิเสธการเมืองเลือกตั้งแบบประชาธิไตยไม่ได้ แต่การทำให้สังคมมองพรรคการเมืองอย่างไร้ความไว้วางใจ ไร้ความเชื่อมั่น ก็ทำให้การเลือกตั้งไม่มี “อันตราย” ต่อสถานะเดิมของตนอีกต่อไป พรรคการเมืองทุกพรรคที่ผ่านการเลือกตั้งเข้ามาก็ต้อง “สยบ” กับอำนาจชั้นนำโดยปริยาย จึงไม่แปลกใจที่อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล กล่าวถึงประชาธิปไตยสองใบอนุญาต
.
สังคมไทยไม่พอใจและโกรธนักการเมือง และพรรคการเมืองที่เลวร้ายได้ แต่ต้องตระหนักว่าเราไม่ควรผลักความรู้สึกนี้ลงโทษ “ระบอบประชาธิปไตย”
.
เราทุกคนต้องเก็บความไม่พอใจ ความโกรธนี้เป็นพลังร่วมกันในการสร้างการเมืองไทยให้ดีขึ้น งดงามขึ้น
.
17 มิถุนายน 2568
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1160987839407164&set=a.472177154954906