วันอังคาร, มิถุนายน 03, 2568

Andrew MacGregor Marshall โพสต์แสดงความยินดีกับ อ.พอล แชมเบอร์ส และได้เอ่ยชื่อผู้ที่ควรรับผิดชอบ

 
https://www.facebook.com/watch/?v=1201617161268295
Andrew MacGregor Marshall
6 hours ago
·
รู้สึกดีใจมากที่ได้เห็นเพื่อนของผม พอล แชมเบอร์ส และนภิศา ไวฑูลเกียรติ — นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านประเทศไทยที่ยอดเยี่ยม — ปลอดภัยดีที่อิตาลี และได้กลับมาอยู่กับครอบครัวของพอลอีกครั้ง หลังจากที่อัยการยอมรับว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
เหตุการณ์ที่น่าอับอายนี้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงของประเทศไทย
รัฐบาลชุดนี้พยายามจะโปรโมตสิ่งที่เรียกว่า “ซอฟต์พาวเวอร์” ผ่านกางเกงช้างและฮิปโปแคระ แต่ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยถึงผลกระทบจากการกลั่นแกล้งนักวิชาการระดับโลกสองคน จนต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ ทั้งที่ทั้งคู่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย — ในช่วงเวลาที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังขู่ว่าจะจำกัดวีซ่าสำหรับเจ้าหน้าที่ต่างชาติที่ “รับผิดชอบต่อการเซ็นเซอร์การแสดงออกที่ได้รับความคุ้มครองตามสิทธิขั้นพื้นฐาน”
ผู้ที่รับผิดชอบในความอับอายครั้งนี้ได้แก่:
— เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ผู้ปลุกปั่นฝ่ายขวาจัดและคลั่งเจ้า ที่โง่จนไม่รู้ว่าพอลไม่ได้เป็นคนเขียนข้อความบนเว็บไซต์ที่เขาถูกกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
— เจ้าหน้าที่ไร้ความสามารถในหน่วยงานความมั่นคงแห่งรัฐ (ISOC) — รัฐซ้อนรัฐที่กดขี่ประชาชน — ที่ยื่นฟ้องคดีมาตรา 112 ตามเรื่องเพ้อเจ้อของเอ็ดดี้ โดยไม่แม้แต่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
— ผู้พิพากษาศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ออกหมายจับพอลและปฏิเสธการประกันตัวเขาอย่างน่าอัปยศ ทั้งที่เขาให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรมและไม่มีความเสี่ยงในการหลบหนี ทำให้เขาต้องนอนในคุกหนึ่งคืน (ซึ่งทักษิณ ชินวัตรไม่เคยเจอเลย)
— ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ล้มเหลวในการปกป้องพอลและสิทธิเสรีภาพทางวิชาการ พวกเขาไล่เขาออกจากงาน และปล่อยให้ตำรวจบุกค้นห้องทำงานและยึดอุปกรณ์ของเขาโดยไม่มีหมายศาล
— ผู้บริหารของสถาบัน ISEAS – Yusof Ishak ในสิงคโปร์ ที่สามารถออกมาชี้แจงได้ง่าย ๆ ว่าข้อความออนไลน์ที่โปรโมตงานเสวนากับพอลไม่ใช่สิ่งที่เขาเขียนหรือเห็นชอบ แต่กลับเลือกที่จะซุกหัวอยู่ใต้ดินและไม่ทำอะไรเลยเพื่อช่วยเขา
เหตุการณ์นี้นำไปสู่ข่าวพาดหัวระดับนานาชาติที่ประณามการปราบปรามเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพทางวิชาการในประเทศไทยอย่างน่าอดสู
มันจะยิ่งทำให้มหาวิทยาลัยไทยดึงดูดนักวิชาการต่างชาติระดับโลกได้ยากขึ้น หากนี่คือวิธีที่พวกเขาได้รับการปฏิบัติ
แทนที่จะปกป้องสถาบันกษัตริย์ เหตุการณ์นี้กลับทำลายชื่อเสียงของประเทศอย่างรุนแรง
ขอแสดงความยินดีด้วยครับ #AmazingThailand!
It's great to see my friends Paul Chambers and Napisa Waitoolkiat, superb scholars of Thailand, safe in Italy and reunited with Paul's family, after prosecutors admitted he had done nothing wrong.
This embarrassing episode has done significant damage to the reputation of Thailand.
The regime is trying to promote so-called "soft power" via elephant pants and a pygmy hippo but appears oblivious to the consequences of persecuting two hugely respected academics and forcing them to leave the country, at a time when the US government is threatening visa restrictions on foreign officials “responsible for censorship of protected expression”.
The idiots responsible for this debacle include:
— Extremist royalist provocateur Eddie Atsadang [เอ็ดดี้ อัษฎางค์] who's so dumb he didn't realise that Paul never wrote the website text that allegedly defamed the monarchy.
—The incompetent clowns in ISOC, the oppressive military state-within-a-state, who filed a 112 complaint after reading Eddie's nonsense, without checking if it was true.
— The clueless judges at Phitsanulok Provincial Court who issued an arrest warrant for Paul, and shamefully denied him bail, even though he was not a flight risk and had cooperated with the legal process, which meant he had to spend a night in jail (something Thaksin Shinawatra has never done).
— The leadership of Naruesan University [มหาวิทยาลัยนเรศวร] who failed in their duty to defend Paul and stand up for academic freedom. They fired him and allowed police to raid his office and seize his devices without a warrant.
— The management of the ISEAS - Yusof Ishak Institute in Singapore which could have easily helped by publicly clarifying that the online text promoting a webinar with Paul was not written or checked by him, but who instead decided to stick their heads in the sand and do nothing to help him.
This episode has led to many international news headlines about Thailand's disgraceful suppression of freedom of speech and academic enquiry.
It will make it even more difficult for Thai universities to attract world-class international scholars, if this is how they are treated.
Far from protecting the monarchy, it just harmed the reputation of the kingdom.
Congratulations #AmazingThailand! !
.....

Pipob Udomittipong
9 hours ago
·
ครอบครัวแชมเบอร์สไป Reunion กันใน #อิตาลี หลัง Paul Chambers พ้นขุมนรกจากเมืองไทยได้ “It was a dream comes true.” อ. พอล แชมเบอร์ส ซึ่งเป็นอาจารย์สอนรัฐศาสตร์ แต่ถูกกล่าวหาว่า #หมิ่นประมาทกษัตริย์ ซึ่งเป็นข้อหาร้ายแรงของไทย มีโทษจำคุกสูงถึง 15 ปี บอก

“ผมยังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ผมกลับต้องติดคุก ในข้อหาที่ผมยังคงปฏิเสธแม้ในตอนนี้” อ.พอลยังบอกต่อไปว่า “ผมถูกส่งตัวเข้าคุก และต้องได้รับความอับอาย”

ทั้งภรรยา และครอบครัวของเขาในต่างประเทศ ให้ความช่วยเหลืออย่างมาก เพื่อให้เขาพ้นจากคดีนี้ มีการติดต่อผู้นำระดับรัฐ สถานเอกอัครราชทูต และยังติดต่อประธานาธิบดีอีกด้วย “ประธานาธิบดีทรัมป์คงดีใจมากที่จะไม่ได้รับจดหมายอีกฉบับจากดิฉัน” Peggy Chambers แม่ของอ.พอลบอก

อ.พอลบอกว่าได้รับความช่วยเหลือจากคนในประเทศไทยเช่นกัน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และ Global Reach ให้ความช่วยเหลือกับอย่างมากจนอาจารย์ได้รับการปล่อยตัว

แรงกดดันต่าง ๆ ทำให้สุดท้ายอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง เขาได้รับหนังสือเดินทางก็ตอนที่อยู่สนามบินแล้ว จากนั้นได้เดินทางไปอิตาลี เพื่อไปพบกับครอบครัวซึ่งรออยู่ที่นั่น “การบิดเบือนความยุติธรรมเลยเถิดมาจนถึงตอนที่ผมกำลังจะขึ้นเครื่องบิน เพื่อเดินทางออกจากประเทศไทย” อาจารย์บอก

อ.พอลยืนยันว่าเขาไม่ได้ดูหมิ่นกษัตริย์ เขาบอกว่ายังมีนักโทษอีกเป็นร้อยคนที่ถูกขังเพราะข้อหาเดียวกัน

“มันเป็นกฎหมายที่ถูกบิดเบือนเพื่อแสวงประโยชน์ได้อย่างง่ายดายด้วยเหตุผลทางการเมือง” อ.พอลกล่าว “และมีคนจำนวนมากที่ถูกจำคุกอย่างไม่เป็นธรรม เนื่องมาจากกฎหมายนี้ และผมคิดว่าเราต้องให้ความสนใจในการหาทางเปลี่ยนแปลงกฎหมายนี้ และยุติการใช้กฎหมายนี้อย่างแน่นอน เพื่อสถาปนาความยุติธรรมในประเทศไทย”

อ.พอลและครอบครัวเชื่อว่า มีคนที่อยู่เบื้องหลังการแจ้งข้อหานี้กับเขา

ผศ.ดร. นภิสา ไวฑูรเกียรติ ภรรยาของอาจารย์บอกว่า “เหตุการณ์นี้ได้พิสูจน์ให้ทุกคนในระดับโลกเห็นว่า พอลต้องทนทุกข์ทรมาน รวมทั้งครอบครัว เพื่อน ๆ และคนใกล้ชิดของเขา ต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกปฏิบัติอย่างมิชอบ และสิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรก และเราอยากเห็นว่าใครก็ตาม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ความมั่นคงที่เป็นส่วนหนึ่งให้เกิดเหตุการณ์นี้ จะต้องรับผิดชอบกับการกระทำของพวกเขา”

ครอบครัวแชมเบอร์สประกาศจะเดินหน้าเอาผิดกับคนที่ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างมิชอบต่อไป “อย่ามายุ่งกับครอบครัวแชมเบอร์สแล้วกัน” “Don’t mess with the Chambers family!”

พี่สะใภ้ของอาจารย์ก็บอกเช่นกันว่า “คดีนี้สะท้อนถึงพลังใหญ่หลวงจากทุก ๆ ฝ่าย และครอบครัวแชมเบอร์สก็ไม่ได้กระจอกงอกง่อยนะ จะบอกให้” “And yes, the Chambers family are the force to be reckoned with.” พูดจบก็หัวเราะกันใหญ่

https://www.facebook.com/photo?fbid=10162572663401649&set=a.10150096728651649

https://youtu.be/8A4tHx6EbSQ