วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 05, 2568

สุรชาติ เปิด 4 ฉากทัศน์ ชายแดน ไทย-กัมพูชา เสนอชื่อมือดี แนะรีบตั้งคณะทำงาน เร่งเปิดเจรจา



3 มิถุนายน 2568
มติชนออนไลน์

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้ให้สัมภาษณ์กรณีพิพาทชายแดน ไทย – กัมพูชา ในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand โดยให้ข้อสังเกตไว้ 12 ข้อ อย่างน่าสนใจ ได้แก่ 1.ปัญหาการสื่อสารของรัฐบาลชุดนี้ เรายังไม่เห็นการสื่อสารทางการเมือง เหตุการณ์ใหญ่ขนาดนี้ ยังไม่มีแถลงการณ์ที่เป็นทางการของรัฐบาลไทยออกมา บทบาทนายกฯ ก็เรื่องหนึ่ง แต่แถลงการณ์ที่เป็นทางการจะต้องออก เพื่อชี้แจงกับพี่น้องประชาชน

ข้อ 2.การสื่อสารกับหน่วยงานความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองทัพบก และกองทัพภาคที่ 2 ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรหรือเปล่า เพราะโพสต์กันเยอะ แต่ถ้าไม่มี จะเกิดปัญหา ระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร 3.จะต้องมีนโยบายที่ชัดเจน สำหรับผู้ปฏิบัติ รัฐบาลจะพูดด้วยคำพูดสั้นๆ ลอยๆ ว่าหาทางแก้ปัญหาแบบสันติแบบนี้ มันไม่ใช่แล้ว เพราะวันนี้มันไม่ใช่แค่กำลัง แต่อาวุธหนักเขาติดตั้งแล้วทั้ง 2 ฝ่าย และผู้ปฏิบัติต้องการแนวทางที่ชัดเจนของทางฝ่ายการเมือง 4.เชื่อว่า การเจรจาในระดับบน ถ้าเกิดและมีผลต้องสื่อสารให้ผู้ปฏิบัติที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผบ.ทบ. ทราบเพื่อปรับทิศทางและเกิดความเข้าใจ 5.แต่ถ้าการเจรจาระดับบน สำเร็จจริง เราจะต้องเห็นภาพของการลดความตึงเครียด ไม่ใช่ภาพอย่างที่เราเห็น ซึ่งมันสะท้อนการเจรจาระดับบนที่เราเห็น น่าจะมีปัญหาติดขัด



6.ขอใช้ศัพท์ว่า นายกฯอาจต้องคิดเรื่องใหญ่ทิ้งเรื่องเล็ก ถ้าเป็นไปได้ขอนายกฯลด ละ เลิก เรื่องซอฟต์พาวเวอร์ เพราะวันนี้ปัญหาใหญ่รออยู่ ทั้งเจรจาภาษีทรัมป์ ปัญหาปักษ์ใต้ และ ปัญหากัมพูชา อยากเห็นนายกฯเป็นนายกฯ ที่รับผิดชอบงานใหญ่ของประเทศ 7.โดยหลักการแล้ว รองนายกฯด้านความมั่นคง ต้องเรียประชุมสภาความมั่นคง วันนี้เราไม่เห็นการเรียกประชุม สมช. เกิดอะไรในกลไกของฝ่ายไทย 8.แต่ถ้าไม่เรียกประชุม สมช. ก็ควรจะเรียกประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป เพราะ รมว.กลาโหม นั่งเป็นประธาน ซึ่งเราเรียกได้ ที่นายกฯเป็นประธานด้วย ไม่เช่นนั้นต้องเรียกประชุม JBC ฝ่ายไทย คณะกรรมการเขตแดนร่วม ซึ่งทราบว่าใช้กลไกนี้ แต่ควรเรียกกรรมการฝ่ายไทยคุย เพื่อสร้างเอกภาพของทิศทาง 9.จนถึงวันนี้ เราไม่เห็นทิศทางและบทบาทที่ชัดเจน ของ 2 หน่วยงานหลัก คือ กระทรวงกลาโหม และ กระทรวงต่างประเทศ คำถามคือ ทำไมมี Reaction ค่อนข้างช้ามาก บทบาทกระทรวงหายไปไหม ไม่มีคำแถลงที่เป็นทางการจากทั้งคู่

10.รมว.กลาโหม อาจจะต้องนั่งทบทวนบทบาทของตัวเองเหมือนกัน เพราะปัญหาใหญ่ๆ ด้านการทหาร มันท้าทาย อย่าให้ตัวเองถูกเข้าไปติดกับดักเรื่องการซื้ออาวุธ เพราะอีกไม่นาน เตรียมทำข่าวได้เลย กองทัพอากาศจะเอาเรื่องซื้อกริพเพนเข้า ผบ.ทอ.กับฝ่ายการเมืองเขาคุยกันแล้ว เรือดำน้ำจีนเครื่องจีน ไม่ใช่เรือดำน้ำจีน เครื่องเยอรมัน ก็จะรอเข้า เรือฟริเกตของทร. ฝากรมว.ว่า ระวัง ถ้าตัดสินใจแต่เรื่องอย่างนี้ จะกลายเป็นประวิตร 2 ที่ซื้ออาวุธบนความรู้สึกของพี่น้องประชาชนที่ไม่ตอบรับ และจะกลายเป็นปัญหากับพรรคเพื่อไทยเอง อยากเห็นรัฐมนตรีกลาโหม หรือ รองนายกฯมั่นคง สนใจปัญหาความมั่นคงของฝ่ายทหารบ้าง หรืออย่างน้อย อยากเห็นการออกไปตรวจแนวชายแดน ฝั่งกัมพูชาเขาออกไปตรวจแนวชายแดนแล้ว เรื่องใหญ่ เป็นสัญญาณใหญ่ ไม่พอ ยังให้เงินทหารชายแดนไปซื้อของเอามารับประทาน ของเราหายไปไหน



11.การปลุกกระแสชาตินิยม เกิดขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย ในมุมหนึ่ง ยิ่งรัฐบาลไทยขยับตัวช้า กระแสชาตินิยมไทยอาจจะยิ่งแรง และเป็นแรงปะทะกับรัฐบาลที่มากขึ้น รวมถึงวันนี้ เชื่อว่า ใครอ่านในเฟซบุ๊ก กระแสความไม่พอใจมีมาก ไม่ใช่ปีกอนุรักษ์นิยมอย่างเดียว และอาจจะต้องเตรียมรับ สะพานมัฆวาน 2 เหมือนปี 2551 ที่เห็นกรณีเขาพระวิหาร 12. คิดว่าวันนี้ ปัญหาใหญ่ คือการกำหนดทิศทางและการกำหนดข้อมูล ไม่แน่ใจว่าจนถึงวันนี้ รัฐบาลได้ตั้งคณะทำงานจริงๆไหม ตั้งทีมทำงานเรื่องนี้ ปกติ จะไม่เสนอตัวบุคคล แต่วันนี้ สถานการณ์เร่งด่วน และต้องการเห็นผู้รู้นั่งเป็นหัวหน้าทีมจริงๆ ท่านหนึ่ง ท่านทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ถ้า รมว.มาริษ และรมว.ภูมิธรรม ไม่ติดอะไรมาก ตั้งเป็นหัวหน้าทีมเลย ต้องรีบเคลียร์ ทั้งกรณีตาเมือนธม และ กรณีศาลาตรีมุข

อ.สุรชาติ กล่าวอีกว่า จาก 12 ประเด็นนี้ กัมพูชาได้เปรียบอะไร กัมพูชาได้เปรียบใน 4 ประเด็นใหญ่ในทางยุทธการ คือ 1.กัมพูชาเข้าพื้นที่ได้แล้ว คูเลต อยู่ในแนวเส้นเขตแดนไทย 150 ม. 2.การเอากำลังทหารราบและอาวุธหนักเข้า เป็นการสถาปนาอำนาจตามแนวชายแดน ซึ่งต้องคิด เพราะล่อแหลมต่อสงคราม 3.เราเห็นการเพิ่มกำลังที่ไม่หยุด และ 4.การสร้างแนวป้องกันที่แข็งแรง เริ่มเห็นสัญญาณเตรียมรบ



พร้อมกันนี้ ยังได้ตั้งสถานการณ์จำลอง 4 อย่าง คือ 1.คุยแล้วจบ แปลว่ากัมพูชาถอนกำลังและยุติการอ้างสิทธิทั้งหลาย แต่คำตอบวันนี้คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาเล่นใหญ่ 2.คุยแล้วจบชั่วคราว คือจบบางอย่าง แปลว่าถอนกำลังแต่ไม่ยกเลิกการอ้างสิทธิ มีความเป็นไปได้ คือแก้ได้แค่ปัญหาเฉพาะหน้า 3.คุยแล้วไม่จบแล้วไปจบที่ศาลโลก ย้อนรอยปราสาทเขาพระวิหาร 4.คุยแล้วไม่จบเลย คือรบใหญ่

“ถ้าถามเฉพาะหน้า เห็นท่าทีรัฐบาล คือ อ้ำอึ้ง อู้อี้ คือไม่ชัดเลย ผมคิดว่าการสื่อสารเรื่องนี้ สำคัญ ต้องรีบพูด เพราะการแก้ปัญหาชายแดนเราจะเจอคำ 2 คำ คือ อึดอัด กับ อดทน ปัญหาอึดอัด จะได้เท่าไหร่ ทนได้เท่าไหร่ ทั้ง 2 ฝ่าย”

อ.สุรชาติ ยังได้ให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาชายแดน “1 จ. กับ 3 ไม่” คือ 1.เปิดการเจรจา วันนี้เวทีการทูตระหว่าง 2 ฝ่ายต้องเปิด ไม่ว่าจะเป็นระดับส่วนตัวหรือไม่ส่วนตัว เพราะยังหวังว่าการเจรจาดีกว่าไม่มี 2.ที่ดีที่สุดคือ ต้องไม่เคลื่อนกำลังรบ แต่วันนี้เป็นไปไม่ได้แล้วเพราะเลยจุดนั้นแล้ว 3. ไม่รบ 4.อย่าเร่งปิดชายแดน เหมือนโมเดลพม่า ในอดีตเวลามีปัญหากับพม่า ทางพม่าจะรีบปิดชายแดนทันที ตนคิดว่าอาจจะกลายเป็นปัญหาอีกแบบ หากปิดชายแดน จะเหมือนกับเราไปสร้างปัญหาให้มากขึ้น เพราะ เรากำลังถูกมองจากโลกเหมือนกัน เป็นโจทย์ระหว่างประเทศ ดีไม่ดี อาเซียนต้องเข้ามา และจะเป็นโจทย์ใหญ่

https://www.matichon.co.th/politics/news_5213123