รูปของคดีน่าจะเริ่มใหม่หลังจากการไต่สวน จะต่างไปหรือคงแนวที่ผู้ร้องชุดเดิม นำโดยชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.ปชป.กับพวกอีกสามคนยื่นไว้ก็ตามแต่ การนี้ นรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความจากศูนย์ทนายสิทธิมนุษยชนให้ความเห็นไว้
เริ่มด้วยเขาอ้างตัวบท ป.วิอาญามาตรา ๘๙ ว่าเขียนชัดเจน “หมายขังหรือหมายจำคุกต้องจัดการให้เป็นไปตามนั้นในเขตของศาลซึ่งออกหมาย” ตราบเท่าที่ไม่มีบัญญัติไว้เป็นอื่น ทั้งในที่นี้หรือที่ไหน กับประมวล กม.เดียวกัน มาตรา ๒๔๖ เรื่องทุเลาการบังคับ
ซึ่งคือ การหยุดการบังคับโทษผู้ต้องคำพิพากษาทางอาญาเอาไว้ชั่วคราว “ซึ่งกรณีนี้จะต้องได้รับอนุญาตจากศาล แต่การส่งตัวคุณทักษิณไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจนั้น เป็นการใช้อำนาจตาม พรบ.ราชทัณฑ์ มาตรา ๕๕ ซึ่งได้กำหนดเอาไว้อย่างชัดเจนว่า
ในกรณีที่ส่งผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ #มิให้ถือว่าผู้ต้องขังนั้นพ้นจากการคุมขัง” กรณีนี้ทนายนรเศรษฐ์อธิบายว่า “ไม่ใช่การทุเลาการบังคับตามคำพิพากษาที่จะต้องได้รับอนุญาตจากศาล และ ไม่ใช่การใช้อำนาจล้มล้างคำพิพากษาของศาลแต่อย่างใด”
ดังนั้นการที่ราชทัณฑ์ส่งตัวทักษิณไปอยู่ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ เป็นการบังคับคดีที่สำเร็จแล้ว หากเห็นว่า “การส่งตัวคุณทักษิณไปรักษานอกเรือนจำไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปว่ากล่าวดำเนินคดีกันอีกเรื่องหนึ่งแยกต่างหาก”
อย่างไรก็ดี ส.ส.พรรคประชาชนมีความเห็นเรื่องนี้อีกคน คือ รังสิมันต์ โรม ฟันธงว่า “กรณีชั้น ๑๔ เป็นกรณีแกล้งป่วย เป็นกรณีที่การเจ็บป่วยของนายทักษิณไม่ได้เกิดขึ้นจริง...เป็นการไปอยู่แบบทิพย์ๆ” เขาว่ามีหลักฐานการใช้โทรศัพท์มือถือ สั่งการอะไรต่างๆ
รังสิมันต์พาดพิงไปถึงเรื่องที่ได้เห็นคลิป การพบปะระหว่างประธานรัฐสภากับประธาน ปปช.ที่พรรคฝ่ายค้านยื่นขอให้ทำการตรวจสอบไว้ “นานแล้ว แต่ยังไม่เห็นความคืบหน้า” เขาว่า “เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องชั้น ๑๔ ด้วย” แต่องค์กรตรวจสอบไม่ได้รับความร่วมมือ
“แพทยสภาก็ประสบปัญหา ป.ป.ช. ก็ประสบปัญหา สภาฯ ก็ประสบปัญหา ขณะอภิปรายไม่วางใจนายกรัฐมนตรี แทนที่จะตอบเรื่องนี้ กลับไปเอาเรื่องพันธมิตรมาพูด...นายกรัฐมนตรีก็กลายเป็นหนึ่งในคนที่เผยแพร่เฟคนิวส์”
(https://tna.mcot.net/politics-1523430#goog_rewarded, https://www.matichon.co.th/local/crime/news_5162903 และ https://www.facebook.com/ronsan.huadong/posts/rwb5YQeoH6)