
iLaw
13 hours ago
·
28 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.00 น. ศาลอาญานัดอานนท์ นำภาฟังคำพิพากษาในคดีดำที่ อ.910/2567 ในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากกรณีปราศรัยประเด็นปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์บริเวณหน้าสถานีตำรจนครบาลบางเขน (สน.บางเขน) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ขณะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากกรณีการชุมนุมที่บริเวณหน้ากรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภที่ 11 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2563 โดยมีผู้กล่าวหาคือพันตำรวจโทอนัตต์ วรสาตร์ รองผู้กำกับการสอบสวนสน.บางเขน
หลังคณะราษฎร 2563 จัดกิจกรรมชุมนุมที่บริเวณหน้ากรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภที่ 11 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2563 สน.บางเขนก็ได้ออกหมายเรียกให้อานนท์ นำภา, พริษฐ์ ชิวารักษ์ และชินวัตร จันทร์กระจ่างไปรับทราบข้อกล่าวหาจากการชุมนุมในครั้งนั้น และทั้งสามก็ได้จัดกิจกรรมปราศรัยในประเด็นปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในขณะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 21 ธันวาคม 2563
โดยคดีของชินวัตร ชินวัตรได้ขอรับสารภาพจึงทำให้ศาลมีคำๆสั่งให้แยกคดีของอานนท์และพริษฐ์ออกไป โดยได้มีการออกหมายจับพริษฐ์และจำหน่ายคดีไปแล้ว จึงส่งผลให้คดีที่ยังรอฟังคำพิพากษาคือคดีของอานนท์ ซึ่งศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ในเวลา 09.00 น.
ทั้งนี้ในระหว่างการสืบพยานในคดีนี้เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 ศาลได้เคยมีคำสั่งห้ามบุคคลนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องพิจารณาคดีนี้ไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ฝ่าฝืนศาลจะดำเนินการตามระเบียบวิธีการรักษาความสงบเรียบร้อยในศาล
อานนท์ยืนยันว่าการปราศรัยของตนเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563 หน้าสถานีตำรวจนครบาลบางเขนเป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อนำเสนอข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นไปโดยเจตนาดี เพื่อให้สถาบันกษัตริย์ดำรงอยู่ได้ในยุคปัจจุบัน

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1112000124306939&set=a.625664036273886
.....

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
19 hours ago
บันทึกสืบพยานคดี ม.112 “อานนท์ นำภา” ชุมนุมหน้า สน.บางเขน ปี 63 ยืนยันปราศรัยด้วยเจตนาดี ชี้ข้อบกพร่องของสถาบันกษัตริย์ฯ ให้ปรับตัว-ดำรงอยู่ได้
.
.
พรุ่งนี้ ! (28 พ.ค. 2568) เวลา 09.00 น. ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีของ “อานนท์ นำภา” ทนายความสิทธิมนุษยชนวัย 40 ปี ในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหาที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมอีก 5 ข้อหา จากเหตุขึ้นปราศรัยหน้า สน.บางเขน เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2563 ขณะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดี 112 กรณีการปราศรัยใน #ม็อบ29พฤศจิกา ที่หน้ากรมทหารราบที่ 11
.
คดีนี้มีการสืบพยานโจทก์และจำเลยไประหว่างวันที่ 17-18, 30 เม.ย. 2568 ที่ห้องพิจารณาคดี 806 ในขณะที่ด้านอานนท์แถลงรับข้อเท็จจริงว่ามีการปราศรัยข้อความตามฟ้องจริง โดยกล่าวปราศรัยบนเวทีตอนหนึ่งว่า
.
“…ทําไมเราต้องมาเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เพราะว่าเรายังเห็น ณ วันนี้ว่าบ้านเมืองเรามันเป็นประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุขยังทําได้ เราจึงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์พระมหากษัตริย์ก็คือรัชกาลที่ 10 นี่แหละ เรากําลังชี้ข้อบกพร่องของท่านเพื่อให้ท่านปรับปรุงตัว ไม่ได้มีเหตุผลประการอื่นเลย อย่าให้คนต่างประเทศหรือคนไทยด้วยกันมาชี้หน้าด่าท่านได้ เป็นกษัตริย์เพียงเพราะพ่อท่านเป็นกษัตริย์มาก่อน อย่าให้เขามาชี้หน้าด่าท่าน เพราะว่าท่านผมก็เจ็บเหมือนกันเพราะผมเป็นคนไทย
.
“นอกจากหลักธรรมของกษัตริย์แล้ว การละเมิดต่อกฎหมายที่เราคิดว่าท่านทําผิดท่านต้องปรับปรุงตัว การเอากองกําลังทหารเป็นของตัวเองอันนี้คือเรื่องผิด และการเอาทรัพย์สินซึ่งเป็นสาธารณะไปเป็นของตนอันนี้ก็ขัดหลักการเต็ม ๆ พูดแล้วรับผิดชอบตัวเองใครจะแจ้งจับไปแจ้งเลย เพราะท่านโอนหุ้นซึ่งเป็นของหลวงไปเป็นของตัวเอง วันนี้ท่านอาจจะยังไม่โอนวัง โอนวัดพระแก้ว โอนสิ่งต่างๆ ไปให้คนอื่น แต่กฎหมายที่เปิดช่องอย่างนี้ นี่คือประเด็นที่เราบอกว่า พระราชบัญญัติจัดการทรัพย์สินมันมีปัญหา เพราะท่านโอนไปให้คนอื่นหมดกษัตริย์องค์ต่อไปจะเอาวังที่ไหนอยู่ จะมีราชบัลลังก์อยู่ได้ยังไง จะมีส่วนเกี่ยวกับประชาชนได้ยังไง ไม่มี เขาไม่เรียกกษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย เขาจะเรียกกษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือกษัตริย์ในระบอบเผด็จการนั่นเอง…”
.
ในข้อหาตาม พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ อานนท์ขอถอนคำให้การเดิมจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพว่า ไม่ได้ขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงจริง แต่อานนท์อธิบายเพิ่มเติมว่าเนื่องจากตนไม่ใช่ที่มีหน้าที่ต้องขออนุญาต
.
ส่วนข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อานนท์ยืนยันปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและมีข้อต่อสู้ว่า การปราศรัยเป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของสถาบันกษัตริย์ฯ 3 ประการ ได้แก่ พระมหากษัตริย์ไม่อยู่ในหลัก ‘The King Can Do No Wrong’, การดำรงพระองค์ที่ไม่เหมาะสม และการขยายพระราชอำนาจซึ่งไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย
.
อานนท์ยืนยันว่า การปราศรัยเป็นไปโดยเจตนาดีต่อสถาบันกษัตริย์ฯ เพื่อให้ปรับตัวให้ดำรงอยู่ได้ในยุคปัจจุบันที่มีความท้าทายหลายประการเกี่ยวกับความเคารพของประชาชน โดยไม่ได้มุ่งหมายถึงตัวบุคคล
.
นอกจากนี้ ในวันเกิดเหตุ อานนท์เดินทางไป สน.บางเขน ในฐานะทนายความ ไม่ใช่ผู้จัดการชุมนุม เพียงแค่ถูกเชิญขึ้นปราศรัย และไม่มีการเตรียมตัวหรือนัดกันมาก่อนกับพริษฐ์และชินวัตรว่าจะปราศรัยเรื่องอะไร เป็นการที่ต่างคนต่างพูด
.
.
อ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์จากลิงก์ในคอมเมนต์
https://tlhr2014.com/archives/75614
บันทึกสืบพยานคดี ม.112 “อานนท์ นำภา” ชุมนุมหน้า สน.บางเขน ปี 63 ยืนยันปราศรัยด้วยเจตนาดี ชี้ข้อบกพร่องของสถาบันกษัตริย์ฯ ให้ปรับตัว-ดำรงอยู่ได้
.
.
พรุ่งนี้ ! (28 พ.ค. 2568) เวลา 09.00 น. ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีของ “อานนท์ นำภา” ทนายความสิทธิมนุษยชนวัย 40 ปี ในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหาที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมอีก 5 ข้อหา จากเหตุขึ้นปราศรัยหน้า สน.บางเขน เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2563 ขณะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดี 112 กรณีการปราศรัยใน #ม็อบ29พฤศจิกา ที่หน้ากรมทหารราบที่ 11
.
คดีนี้มีการสืบพยานโจทก์และจำเลยไประหว่างวันที่ 17-18, 30 เม.ย. 2568 ที่ห้องพิจารณาคดี 806 ในขณะที่ด้านอานนท์แถลงรับข้อเท็จจริงว่ามีการปราศรัยข้อความตามฟ้องจริง โดยกล่าวปราศรัยบนเวทีตอนหนึ่งว่า
.
“…ทําไมเราต้องมาเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เพราะว่าเรายังเห็น ณ วันนี้ว่าบ้านเมืองเรามันเป็นประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุขยังทําได้ เราจึงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์พระมหากษัตริย์ก็คือรัชกาลที่ 10 นี่แหละ เรากําลังชี้ข้อบกพร่องของท่านเพื่อให้ท่านปรับปรุงตัว ไม่ได้มีเหตุผลประการอื่นเลย อย่าให้คนต่างประเทศหรือคนไทยด้วยกันมาชี้หน้าด่าท่านได้ เป็นกษัตริย์เพียงเพราะพ่อท่านเป็นกษัตริย์มาก่อน อย่าให้เขามาชี้หน้าด่าท่าน เพราะว่าท่านผมก็เจ็บเหมือนกันเพราะผมเป็นคนไทย
.
“นอกจากหลักธรรมของกษัตริย์แล้ว การละเมิดต่อกฎหมายที่เราคิดว่าท่านทําผิดท่านต้องปรับปรุงตัว การเอากองกําลังทหารเป็นของตัวเองอันนี้คือเรื่องผิด และการเอาทรัพย์สินซึ่งเป็นสาธารณะไปเป็นของตนอันนี้ก็ขัดหลักการเต็ม ๆ พูดแล้วรับผิดชอบตัวเองใครจะแจ้งจับไปแจ้งเลย เพราะท่านโอนหุ้นซึ่งเป็นของหลวงไปเป็นของตัวเอง วันนี้ท่านอาจจะยังไม่โอนวัง โอนวัดพระแก้ว โอนสิ่งต่างๆ ไปให้คนอื่น แต่กฎหมายที่เปิดช่องอย่างนี้ นี่คือประเด็นที่เราบอกว่า พระราชบัญญัติจัดการทรัพย์สินมันมีปัญหา เพราะท่านโอนไปให้คนอื่นหมดกษัตริย์องค์ต่อไปจะเอาวังที่ไหนอยู่ จะมีราชบัลลังก์อยู่ได้ยังไง จะมีส่วนเกี่ยวกับประชาชนได้ยังไง ไม่มี เขาไม่เรียกกษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย เขาจะเรียกกษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือกษัตริย์ในระบอบเผด็จการนั่นเอง…”
.
ในข้อหาตาม พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ อานนท์ขอถอนคำให้การเดิมจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพว่า ไม่ได้ขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงจริง แต่อานนท์อธิบายเพิ่มเติมว่าเนื่องจากตนไม่ใช่ที่มีหน้าที่ต้องขออนุญาต
.
ส่วนข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อานนท์ยืนยันปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและมีข้อต่อสู้ว่า การปราศรัยเป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของสถาบันกษัตริย์ฯ 3 ประการ ได้แก่ พระมหากษัตริย์ไม่อยู่ในหลัก ‘The King Can Do No Wrong’, การดำรงพระองค์ที่ไม่เหมาะสม และการขยายพระราชอำนาจซึ่งไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย
.
อานนท์ยืนยันว่า การปราศรัยเป็นไปโดยเจตนาดีต่อสถาบันกษัตริย์ฯ เพื่อให้ปรับตัวให้ดำรงอยู่ได้ในยุคปัจจุบันที่มีความท้าทายหลายประการเกี่ยวกับความเคารพของประชาชน โดยไม่ได้มุ่งหมายถึงตัวบุคคล
.
นอกจากนี้ ในวันเกิดเหตุ อานนท์เดินทางไป สน.บางเขน ในฐานะทนายความ ไม่ใช่ผู้จัดการชุมนุม เพียงแค่ถูกเชิญขึ้นปราศรัย และไม่มีการเตรียมตัวหรือนัดกันมาก่อนกับพริษฐ์และชินวัตรว่าจะปราศรัยเรื่องอะไร เป็นการที่ต่างคนต่างพูด
.
.

https://tlhr2014.com/archives/75614