
Lookkate Chonthicha - ลูกเกด ชลธิชา แจ้งเร็ว
10 hours ago
·
ดิฉันขอแสดงความเห็นส่วนตัวต่อ "ร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ...." ที่ครม.เสนอเข้ามาในสภาวันนี้ ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมจากพ.ร.บ.ฉบับเดิมปีพ.ศ. 2561 โดยสาระสำคัญคือการเปลี่ยนชื่อ "สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์" มาเป็น "สำนักงานพระคลังข้างที่" และโอนกิจการของสำนักพระราชวังในส่วนงานพระคลังข้างที่ ให้มาอยู่ภายใต้สำนักงานชื่อใหม่ดังกล่าว ด้วยความกังวลใจสองประการ คือ

ครม.อ้างว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ "มิได้มีผลกระทบต่อประชาชน" จึงไม่ต้องมีขั้นตอนการเปิดรับฟังความเห็นโดยทั่วไป ตามมาตรา 19 แห่งพ.ร.บ.หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 ที่ระบุว่า หากเป็นร่างกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ต้องตราขึ้นโดยจำเป็นเร่งด่วน หรือเป็นกฎหมายที่ไม่ได้ใช้บังคับเป็นการทั่วไปกับประชาชน หรือไม่มีผลกระทบต่อประชาชน ก็ไม่ต้องเปิดรับฟังความเห็นโดยทั่วไป
คำถามของดิฉันก็คือ สถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนคนไทยนั้นมิได้มีสายสัมพันธ์ใด ๆ กระนั้นหรือ? จึงกล้ากล่าวว่ากฎหมายฉบับนี้จะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ กับประชาชน หรือว่าร่างกฎหมายฉบับนี้มีความจำเป็นเร่งด่วนหรืออย่างไร
การให้เหตุผล “มิได้กระทบต่อประชาชน” เป็นเรื่องน่ากังวล เพราะเป็นการดูแคลนสายสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกษัตริย์กับประชาชนที่มีมาอย่างยาวนาน และแนบแน่น
สิ่งนี้อาจนำไปสู่การสร้างมาตรฐานผิด ๆ ว่า การออกกฎหมายใด ๆ ที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์นั้นไม่ต้องรับฟังความเห็นจากสังคมก็ได้ เพราะถือว่าไม่ใช่เรื่องของประชาชน การกล่าวอ้างเพื่อเร่งรัดให้พิจารณาวันเดียว 3 วาระรวด การไม่เปิดรับฟังความเห็นโดยทั่วไปเช่นนี้ มีแต่จะก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยจากสังคม
ทุกท่านคะ เราเคยมีบทเรียนมาแล้วในปีพ.ศ.2560 ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอแก้ไขบางมาตราในรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติปี 2559 ในหมวดพระมหากษัตริย์โดยอ้างว่า "เป็นเรื่องของพระองค์ท่าน ไม่เกี่ยวกับประชาชน" และผลพวงของครั้งนั้น นำไปสู่การการแก้ไขและออกกฎหมายจำนวนหนึ่ง ที่เป็นการขยายพระราชอำนาจที่ขัดหลักการ “กษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ” นั่นก็คือ พรก.โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนฯ ปีพ.ศ. 2562 และพรบ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ปีพ.ศ.2561 ซึ่งทำลายหลักการ "ปกเกล้าแต่ไม่ปกครอง" นั้น

การเปลี่ยนชื่อ ที่หลายคนกล่าวอ้างว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่” แต่คำถามก็คือ มีเหตุผลกลใดหรือ ? ที่รัฐบาลจะต้องการเปลี่ยนชื่อ"สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์" ให้ย้อนยุคไปถึงสมัยก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตยในปีพ.ศ. 2475
และเราต้องไม่ลืมว่า การเปลี่ยนชื่อนี้อาจส่งผลต่อความเข้าใจของสังคมเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ เพราะคำมีความหมาย สามารถชี้นำความเข้าใจของสังคมได้
คำว่า "พระคลังข้างที่" เป็นคำเดิมที่ใช้กันในสมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งต่อมาได้มีการแยกส่วนระหว่างทรัพย์สินแผ่นดินกับส่วนพระองค์ในสมัยรัชกาลที่ 4 และหลังการปฏิรูปราชการแผ่นดินปีพ.ศ. 2435 สมัยรัชกาลที่ 5 "กรมพระคลังข้างที่" ก็ได้รับสถานะเป็นกรมอิสระในสังกัดกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ
ทั้งหมดนี้ได้รับการปรับเปลี่ยนไปแล้วหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองปีพ.ศ. 2475 เมื่อมีการออก พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2479 เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพย์สินในกรมพระคลังข้างที่เดิมอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาล ภายใต้แนวคิดว่าพระมหากษัตริย์ทรง “ปกเกล้าแต่ไม่ปกครอง” หลังจากนั้น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพย์สินส่วนนี้ก็ได้รับการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่มีครั้งใดที่จะมีผู้คิดอยากย้อนอดีตไปไกลและเด่นชัดยิ่งขึ้นถึงเพียงนี้
และด้วยเหตุผลทั้งสองประการข้างต้น ดิฉันจึงขอเรียนให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศทราบถึงจุดยืนของดิฉัน
https://www.facebook.com/Lookkate.ch/posts/722975956903085