วันพุธ, เมษายน 23, 2568

ฝ่ายค้านชี้ สัญญาซื้อไฟฟ้ารอบสองที่อุ๊งอิ๊งลงนามรับช่วงจากยุคประยุทธ์ ที่จริงแล้ว “เงื่อนไขข้อที่ ๓๙ ระบุชัดเจนว่า กกพ.สงวนสิทธิยกเลิกโครงการได้”

ที่สุดของรัฐบาล ไม่ว่าจะมีกุนซือเก่งกาจขนาดไหน รอวันได้เป็นรัฐบุรุษหรือไม่ ผลลัพท์มันมาลงที่สามารถทำให้ปากท้องประชาชนชุ่มฉ่ำเพียงใด หมายรวมทั้งการบริโภคและอุปโภค มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชนชั้นกลาง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า

การลงนามซื้อพลังงานรอบสองของรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร โดยไม่แยแสเสียงคัดค้านอึงมี่ว่าจะทำให้ค่าไฟชาวบ้านแพงขึ้นไปตลอด ๒๕ ปี เพราะแนวโน้มพลังงานทดแทนมีแต่จะถูกลงไม่หยุดยั้ง เป็นอีกผลกรรมในข้อครหา เห็นแก่ประโยชน์พวกพ้อง

รัฐบาลอ้างว่าเป็นพันธะผูกพันมาแต่สมัยรัฐบาลชุด ประยุทธ์ จันทร์โอชา แก้ไขอะไรไม่ได้ แต่นี่เป็นการดำเนินการในกรอบของกฎหมาย “หากพบกระทำผิดสามารถยกเลิกสัญญาได้ทันที ไม่ต้องรอ ๒๕ ปี” ถ้ามีใครบอกว่า ตอแหล ก็น่าจะใช่

“สุดท้ายมันจะไม่มีผลอะไรเลย เพราะทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่อง ความผิดตามกฎหมาย อะไรชัดๆ แต่เป็นเรื่อง ภาครัฐดำเนินนโยบายที่ไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการ และไม่เป็นธรรมกับประชาชน” สฤณี อาชวานันทกุล ให้ข้อคิดเห็นไว้เมื่อวันก่อน

ไม่เป็นธรรมอย่างไร รายละเอียดอยู่ในโพสต์ของ วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.พรรคประชาชน เกือบทั้งนั้น เอาที่อุ๊งอิ๊งตอบอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อ ๒๕ มีนา เรื่องในรัฐบาลของเธอ “ยังไม่มีการเซ็นต์สัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มเลยแม้แต่โครงการเดียว” ก่อน

ที่จริง “ไม่ได้บอกว่ากำลังจะไปเซ็นต์สัญญาซื้อขายไฟเพิ่ม” ต่างหาก วรภพชี้ว่า “นับจากสิ้นปี ๖๗ ถึง ๒๐ เม.ย.๖๘ รัฐบาล (กฟผ.) มีการลงนามสัญญาเพิ่มเติม ๗ โครงการ เท่ากับว่าที่รัฐได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับเอกชนไปแล้ว ๗๐ โครงการ จากทั้งหมด ๘๓ โครงการ”

อีกทั้งเรื่องที่อ้างเป็นโครงการจากสมัยประยุทธ์ แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ก็ไม่จริง “เพราะ ตามระเบียบ กกพ.ที่ประกาศรับซื้อกับเอกชน มีข้อกำหนดเงื่อนไข ข้อที่ ๓๙ ระบุชัดเจนว่า กกพ.สงวนสิทธิยกเลิกโครงการได้” โดย กพช.ที่นายกฯ เป็นประธาน

“ราคาค่าไฟที่จะแพงขึ้น เพราะราคาไฟฟ้าที่รัฐประกาศรับซื้อจากเอกชนนั้นแพงเกินจริง เป็นการรับซื้อไฟฟ้าโดยไม่เปิดประมูล” เมื่อเทียบราคาที่รัฐบาลรับซื้อ กับราคาพลังงานหมุนเวียน ทั้งแสงแดดและลม ที่ถูกลงทุกปีแล้วละก็

“จะทำให้ค่าไฟประชาชนแพงขึ้นปีละ ๓,๖๐๐ ล้านบาท หรือ ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา ๒๕ ปี” เพราะว่าต้นทุนพลังงานหมุนเวียนที่รัฐบาลรับซื้อ กับต้นทุนโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้เดินเครื่อง แต่รัฐทำสัญญา พร้อมจ่าย ให้ไปแล้ว

มีมูลค่าปีละ ๓๒,๔๙๐ กับ ๕๕,๐๔๒ ล้านบาทต่อปี และที่น่าทึ่ง กลุ่มทุนพลังงานที่ได้รับคัดเลือกจากการ จิ้มชื่อครั้งก่อนและตกค้างมาถึงครั้งนี้ เป็นบริษัทเจ้าสัวไฟฟ้าตัวเอ้ กัลฟ์ที่ยื่น ขอ ๓๕ โครงการ ได้หมด

(https://www.facebook.com/TleWoraphop/posts/Vuj4p1yqiV และ https://www.facebook.com/SarineeA/posts/ZD9mtJH2b)