
25 เมษายน 2025
บีบีซีไทย
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าผู้กล่าวหาว่า นายพอล แชมเบอร์ส นักวิชาการที่ศึกษาด้านกองทัพ จากมหาวิทยาลัยนเรศวร มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ คือกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 3 จากเดิมที่เคยเข้าใจว่าเป็นกองทัพภาคที่ 3 เท่านั้น
ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยทาง กมธ.ทหารฯ เรียนเชิญให้กองทัพภาคที่ 3 เข้ามาชี้แจงเรื่องนี้ต่อที่ประชุม เนื่องจากเห็นว่าการฟ้องร้องดังกล่าวอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงเสรีภาพทางวิชาการ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อจากพรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ.ทหารฯ บอกว่า ได้เรียนเชิญ ผศ.ดร.นภิสา ไวฑูรเกียรติ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ ม.นเรศวร ซึ่งเป็นผู้บริหารสถานประชาคมอาเซียนศึกษาที่นายพอลสังกัดอยู่ รวมถึงผู้แทนจากกองทัพภาคที่ 3 เนื่องจากปรากฏความว่ากองทัพภาคที่ 3 โดย พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 มอบอำนาจให้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับนายพอล
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการ กอ.รมน.ภาค 3 ด้วย แต่ในที่ประชุมวานนี้ (24 เม.ย.) พ.อ.วีรพงษ์ ไชยวงศ์ ผู้อำนวยการกองข่าว กองทัพภาคที่ 3 (ผอ.กขว.ภ.3) ได้รับมอบหมายให้เข้าชี้แจงกับ กมธ.ทหารฯ ผ่านการประชุมออนไลน์ด้วยแอปพลิเคชันซูม มีตติ้ง (Zoom meeting) แทน
วิโรจน์ตั้งคำถาม เหตุใดคนโพสต์สารตั้งต้นไม่โดน แต่นายพอลกลับโดน ม.112 ทั้งที่ไม่ได้เขียน-ไม่ได้โพสต์
จากการซักถามในที่ประชุมของ กมธ.ทหารฯ ทางตัวแทน กอ.รมน.ภาค 3 บอกว่าการแจ้งความจับนายพอล ตั้งต้นมาจากโพสต์เฟซบุ๊กของนายอัษฎางค์ ยมนาค เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2567 ซึ่งกล่าวหาว่า "มหาวิทยาลัยนเรศวรจ้างฝรั่งมาบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ หรืออย่างไร ?" โดยหยิบยกคำโปรยภาษาอังกฤษบนสูจิบัตรเชิญชวนให้เข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ เรื่องการโยกย้ายและแต่งตั้งนายพลทหาร-ตำรวจระดับสูงของไทยในปี 2567 ซึ่งจัดโดยสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค (ISEAS-Yusof Ishak Institute) ของสิงคโปร์
นายอัษฎางค์แปลบทโปรยส่วนหนึ่งเป็นภาษาไทย และชี้ว่าเนื้อหาคำโปรยดังกล่าวมีเนื้อความหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยข้อเท็จจริงแล้ว ข้อความดังกล่าวที่นายอัษฎางค์หยิบยกขึ้นมานั้น เป็นข้อความประชาสัมพันธ์การสัมมนาที่ทางผู้จัดงานสัมมนาออนไลน์เป็นผู้เขียนขึ้นมาเองและเผยแพร่บนเว็บไซต์ของสถาบันฯ ยูซุฟ อิสฮัค เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2567 หาใช่นายพอลเป็นผู้เขียนแต่อย่างใด เนื่องจากนักวิชาการจากสถานประชาคมอาเซียนผู้นี้ ได้รับเชิญให้ไปเป็นผู้พูดในงานสัมมนาดังกล่าวเท่านั้น
"ดูก็รู้ว่าแอดมินหรือผู้จัดงานเป็นผู้เขียน ใครที่ไหนจะเขียนแล้วใช้สรรพนามว่า he (เขา) ถ้า ดร.พอล เขียนเองก็ต้องใช้สรรพนามว่า I (ผม) ไหม เขาเป็นชาวอเมริกัน จะมาตกภาษาอังกฤษง่าย ๆ แบบนี้ได้เหรอ ดังนั้นถ้าคุณอ่านดู คุณก็จะรู้เลยว่า ดร.พอล ไม่ใช่คนเขียน" นายวิโรจน์ ประธาน กมธ.ทหารฯ กล่าวกับบีบีซีไทย
ก่อนหน้านี้ บีบีซีไทยเคยติดต่อไปยังสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค และได้รับการตอบกลับมาว่า "สถาบันฯ ให้ความสำคัญกับผลงานของ ดร.พอล เนื่องจากคดีของเขาอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ดังนั้น ทางสถาบันฯ จึงของดให้ความเห็นเพิ่มเติมในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เราจะติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดต่อไป"
นายวิโรจน์บอกว่าทั้ง กอ.รมน.ภาค 3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีภูธร (สภ.) เมืองพิษณุโลก ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อความที่นายอัษฎางค์หยิบยกมาแปลนั้นถูกต้องหรือไม่ ที่แย่ไปกว่านั้นคือไม่ได้ให้นักแปลภาษาอังกฤษมืออาชีพแปลข้อความดังกล่าวให้ถูกต้องด้วยซ้ำ แต่กลับแจ้งข้อหานายพอลแล้วว่ามีความผิด
"เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค แปลข้อความดังกล่าวด้วยความเข้าใจของเขาเอง" นายวิโรจน์ กล่าว "และเมื่อเข้าไปดูเฟซบุ๊กของเขา เราก็อนุมานได้เลยว่าทัศนคติทางการเมืองเขาเป็นอย่างไร อาจตั้งข้อสงสัยได้ว่าเขาแปลโดยมีอคติหรือไม่ ?"
ทั้งนี้ ในโพสต์เฟซบุ๊กของนายอัษฎางค์ที่เป็นสารตั้งต้นให้แจ้งข้อกล่าวหานายพอลนั้น ยังมีภาพประกอบเป็นรูปนายพอลถ่ายรูปร่วมกับนักวิชาการคนอื่น ๆ เช่น ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, ศ.ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์, รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ เป็นต้น พร้อมกับระบุข้อความกล่าวหาว่านายพอลเป็น "ฝรั่งล้มเจ้า"
นายวิโรจน์ ตั้งคำถามด้วยว่าเหตุใดนายอัษฎางค์กลับไม่ใช่จำเลยที่ 1 ในคดีความนี้ ทั้งที่เป็นผู้เผยแพร่ข้อความซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีความผิด ม.112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ด้วยเช่นกัน
"เกิดอะไรขึ้นกับ กอ.รมน. ครับ คุณไปเป็นพวกเดียวกันแล้วเหรอ ? บัญชีที่ชื่อว่า เอ็ดดี้ อัษฎางค์ เป็นเจ้าพนักงานของ กอ.รมน. หรือเป็นไอโอเหรอ ?"
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าผู้กล่าวหาว่า นายพอล แชมเบอร์ส นักวิชาการที่ศึกษาด้านกองทัพ จากมหาวิทยาลัยนเรศวร มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ คือกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 3 จากเดิมที่เคยเข้าใจว่าเป็นกองทัพภาคที่ 3 เท่านั้น
ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยทาง กมธ.ทหารฯ เรียนเชิญให้กองทัพภาคที่ 3 เข้ามาชี้แจงเรื่องนี้ต่อที่ประชุม เนื่องจากเห็นว่าการฟ้องร้องดังกล่าวอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงเสรีภาพทางวิชาการ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อจากพรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ.ทหารฯ บอกว่า ได้เรียนเชิญ ผศ.ดร.นภิสา ไวฑูรเกียรติ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ ม.นเรศวร ซึ่งเป็นผู้บริหารสถานประชาคมอาเซียนศึกษาที่นายพอลสังกัดอยู่ รวมถึงผู้แทนจากกองทัพภาคที่ 3 เนื่องจากปรากฏความว่ากองทัพภาคที่ 3 โดย พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 มอบอำนาจให้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับนายพอล
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการ กอ.รมน.ภาค 3 ด้วย แต่ในที่ประชุมวานนี้ (24 เม.ย.) พ.อ.วีรพงษ์ ไชยวงศ์ ผู้อำนวยการกองข่าว กองทัพภาคที่ 3 (ผอ.กขว.ภ.3) ได้รับมอบหมายให้เข้าชี้แจงกับ กมธ.ทหารฯ ผ่านการประชุมออนไลน์ด้วยแอปพลิเคชันซูม มีตติ้ง (Zoom meeting) แทน
วิโรจน์ตั้งคำถาม เหตุใดคนโพสต์สารตั้งต้นไม่โดน แต่นายพอลกลับโดน ม.112 ทั้งที่ไม่ได้เขียน-ไม่ได้โพสต์
จากการซักถามในที่ประชุมของ กมธ.ทหารฯ ทางตัวแทน กอ.รมน.ภาค 3 บอกว่าการแจ้งความจับนายพอล ตั้งต้นมาจากโพสต์เฟซบุ๊กของนายอัษฎางค์ ยมนาค เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2567 ซึ่งกล่าวหาว่า "มหาวิทยาลัยนเรศวรจ้างฝรั่งมาบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ หรืออย่างไร ?" โดยหยิบยกคำโปรยภาษาอังกฤษบนสูจิบัตรเชิญชวนให้เข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ เรื่องการโยกย้ายและแต่งตั้งนายพลทหาร-ตำรวจระดับสูงของไทยในปี 2567 ซึ่งจัดโดยสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค (ISEAS-Yusof Ishak Institute) ของสิงคโปร์
นายอัษฎางค์แปลบทโปรยส่วนหนึ่งเป็นภาษาไทย และชี้ว่าเนื้อหาคำโปรยดังกล่าวมีเนื้อความหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยข้อเท็จจริงแล้ว ข้อความดังกล่าวที่นายอัษฎางค์หยิบยกขึ้นมานั้น เป็นข้อความประชาสัมพันธ์การสัมมนาที่ทางผู้จัดงานสัมมนาออนไลน์เป็นผู้เขียนขึ้นมาเองและเผยแพร่บนเว็บไซต์ของสถาบันฯ ยูซุฟ อิสฮัค เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2567 หาใช่นายพอลเป็นผู้เขียนแต่อย่างใด เนื่องจากนักวิชาการจากสถานประชาคมอาเซียนผู้นี้ ได้รับเชิญให้ไปเป็นผู้พูดในงานสัมมนาดังกล่าวเท่านั้น
"ดูก็รู้ว่าแอดมินหรือผู้จัดงานเป็นผู้เขียน ใครที่ไหนจะเขียนแล้วใช้สรรพนามว่า he (เขา) ถ้า ดร.พอล เขียนเองก็ต้องใช้สรรพนามว่า I (ผม) ไหม เขาเป็นชาวอเมริกัน จะมาตกภาษาอังกฤษง่าย ๆ แบบนี้ได้เหรอ ดังนั้นถ้าคุณอ่านดู คุณก็จะรู้เลยว่า ดร.พอล ไม่ใช่คนเขียน" นายวิโรจน์ ประธาน กมธ.ทหารฯ กล่าวกับบีบีซีไทย
ก่อนหน้านี้ บีบีซีไทยเคยติดต่อไปยังสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค และได้รับการตอบกลับมาว่า "สถาบันฯ ให้ความสำคัญกับผลงานของ ดร.พอล เนื่องจากคดีของเขาอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ดังนั้น ทางสถาบันฯ จึงของดให้ความเห็นเพิ่มเติมในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เราจะติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดต่อไป"
นายวิโรจน์บอกว่าทั้ง กอ.รมน.ภาค 3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีภูธร (สภ.) เมืองพิษณุโลก ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อความที่นายอัษฎางค์หยิบยกมาแปลนั้นถูกต้องหรือไม่ ที่แย่ไปกว่านั้นคือไม่ได้ให้นักแปลภาษาอังกฤษมืออาชีพแปลข้อความดังกล่าวให้ถูกต้องด้วยซ้ำ แต่กลับแจ้งข้อหานายพอลแล้วว่ามีความผิด
"เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค แปลข้อความดังกล่าวด้วยความเข้าใจของเขาเอง" นายวิโรจน์ กล่าว "และเมื่อเข้าไปดูเฟซบุ๊กของเขา เราก็อนุมานได้เลยว่าทัศนคติทางการเมืองเขาเป็นอย่างไร อาจตั้งข้อสงสัยได้ว่าเขาแปลโดยมีอคติหรือไม่ ?"
ทั้งนี้ ในโพสต์เฟซบุ๊กของนายอัษฎางค์ที่เป็นสารตั้งต้นให้แจ้งข้อกล่าวหานายพอลนั้น ยังมีภาพประกอบเป็นรูปนายพอลถ่ายรูปร่วมกับนักวิชาการคนอื่น ๆ เช่น ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, ศ.ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์, รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ เป็นต้น พร้อมกับระบุข้อความกล่าวหาว่านายพอลเป็น "ฝรั่งล้มเจ้า"
นายวิโรจน์ ตั้งคำถามด้วยว่าเหตุใดนายอัษฎางค์กลับไม่ใช่จำเลยที่ 1 ในคดีความนี้ ทั้งที่เป็นผู้เผยแพร่ข้อความซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีความผิด ม.112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ด้วยเช่นกัน
"เกิดอะไรขึ้นกับ กอ.รมน. ครับ คุณไปเป็นพวกเดียวกันแล้วเหรอ ? บัญชีที่ชื่อว่า เอ็ดดี้ อัษฎางค์ เป็นเจ้าพนักงานของ กอ.รมน. หรือเป็นไอโอเหรอ ?"

แถลงการณ์
กรณีบทความของอัษฎางค์ ยมนาค
ที่ถูกอ้างอิงในกระบวนการดำเนินคดีต่อ ดร.พอล แชมเบอร์ส
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 3 ได้มีการอ้างอิงบทความของข้าพเจ้า อัษฎางค์ ยมนาค ซึ่งเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ในการดำเนินการตรวจสอบ และเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลในการแจ้งความดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แก่ ดร.พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการชาวสหรัฐอเมริกา นั้น
...See more.....
คำเตือน: บีบีซีไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อเนื้อหาที่มาจากภายนอก
วันนี้ (25 เม.ย.) นายอัษฎางค์ ยืนยันผ่านเฟซบุ๊กว่า เนื้อความที่อาจเข้าข่ายผิด ม.112 นั้น มาจากบทความของนายพอล ซึ่งเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ และ "มีลักษณะของ Disguised Political Attack (การโจมตีทางการเมืองที่สวมเสื้อคลุมวิชาการ) และส่งผลกระทบเชิงภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของสถาบันฯ ในระดับนานาชาติ"
พร้อมกันนี้ เขายังได้ชี้แจงว่าเป็นการให้ความเห็นโดยสุจริตในฐานะพลเมืองไทยที่มีสิทธิและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะในหมวด 4 มาตรา 50 ซึ่งกำหนดให้ประชาชนมีหน้าที่พิทักษ์สถาบันหลักของชาติ ได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยไม่ได้มีเจตนากล่าวหาหรือให้ร้ายบุคคลใดเป็นการเฉพาะเจาะจง และตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ต่อการตัดสินใจหรือกระบวนการของหน่วยงานรัฐ
"เนื้อหาทั้งหมดของบทความนั้น ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงและการวิเคราะห์ตามหลักกฎหมาย ไม่ได้ใส่ร้ายหรือบิดเบือน แต่คือการชี้ให้เห็นถึงความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงในบทความของ ดร.พอล แชมเบอร์ส ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่า มีลักษณะที่ละเมิดกฎหมายไทย
การที่หน่วยงานความมั่นคงใช้บทความดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นในการตรวจสอบ จึงถือเป็นการใช้ข้อมูลภาคประชาชนอย่างมีคุณค่า และสะท้อนว่า สังคมไทยยังเปิดพื้นที่ให้พลเมืองได้ทำหน้าที่ของตนเพื่อปกป้องชาติบ้านเมืองอย่างสง่างาม" นายอัษฎางค์ กล่าว
วันนี้ (25 เม.ย.) นายอัษฎางค์ ยืนยันผ่านเฟซบุ๊กว่า เนื้อความที่อาจเข้าข่ายผิด ม.112 นั้น มาจากบทความของนายพอล ซึ่งเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ และ "มีลักษณะของ Disguised Political Attack (การโจมตีทางการเมืองที่สวมเสื้อคลุมวิชาการ) และส่งผลกระทบเชิงภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของสถาบันฯ ในระดับนานาชาติ"
พร้อมกันนี้ เขายังได้ชี้แจงว่าเป็นการให้ความเห็นโดยสุจริตในฐานะพลเมืองไทยที่มีสิทธิและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะในหมวด 4 มาตรา 50 ซึ่งกำหนดให้ประชาชนมีหน้าที่พิทักษ์สถาบันหลักของชาติ ได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยไม่ได้มีเจตนากล่าวหาหรือให้ร้ายบุคคลใดเป็นการเฉพาะเจาะจง และตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ต่อการตัดสินใจหรือกระบวนการของหน่วยงานรัฐ
"เนื้อหาทั้งหมดของบทความนั้น ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงและการวิเคราะห์ตามหลักกฎหมาย ไม่ได้ใส่ร้ายหรือบิดเบือน แต่คือการชี้ให้เห็นถึงความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงในบทความของ ดร.พอล แชมเบอร์ส ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่า มีลักษณะที่ละเมิดกฎหมายไทย
การที่หน่วยงานความมั่นคงใช้บทความดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นในการตรวจสอบ จึงถือเป็นการใช้ข้อมูลภาคประชาชนอย่างมีคุณค่า และสะท้อนว่า สังคมไทยยังเปิดพื้นที่ให้พลเมืองได้ทำหน้าที่ของตนเพื่อปกป้องชาติบ้านเมืองอย่างสง่างาม" นายอัษฎางค์ กล่าว

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อจากพรรคประชาชน เป็นฐานะประธาน กมธ.การทหาร สภาผู้แทนราษฎร
ด้านนายวิโรจน์ กล่าวต่อไปว่าการใช้ ม.112 มาเอาผิดนายพอลทั้งที่หลักฐานต่าง ๆ ไม่สามารถนำมาใช้แจ้งข้อหาได้เลยด้วยซ้ำ ถือว่าการดำเนินการของ กอ.รมน.ภาค 3 รวมถึงตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก ได้สร้าง New low bar หรือบรรทัดฐานใหม่ที่แย่ลงกว่าเดิม
เขาอธิบายว่าทางหน่วยงานทำไปโดย "ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในเวทีโลก" เนื่องจากกรณีของนายพอล ทำให้ แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ "รู้สึกตกใจ" และ "ตอกย้ำถึงความกังวลที่มีมาอย่างยาวนาน" ของสหรัฐฯ ต่อการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทย
ทั้งนี้ ในการประชุม กมธ.ทหารฯ วานนี้ (24 เม.ย.) มีตัวแทนจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าร่วมฟังการชี้แจงจากฝ่ายต่าง ๆ ด้วย
นอกจากนี้ ประธาน กมธ.ทหารฯ ยังเห็นว่าการดำเนินการของ กอ.รมน. ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย
"ความประพฤติเช่นนี้ของ กอ.รมน. สะท้อนถึงความไม่จงรักภักดี" นายวิโรจน์กล่าวกับบีบีซีไทย
เตรียมส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ฟัน กอ.รมน.ภาค 3 -ตำรวจ-ตม. ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ
นายวิโรจน์ กมธ.ทหารฯ เปิดเผยว่าทาง กอ.รมน.ภาค 3 ชี้แจงว่าการแจ้งข้อความข้อหา ม.112 ต่อนายพอล ใช้อำนาจตามมาตรา 7 (1) แห่ง พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ซึ่งระบุอำนาจเฉพาะการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินแนวโน้มสถานการณ์ที่อาจกระทบความมั่นคง และต้องรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไป เนื่องจาก กอ.รมน. เป็นส่วนราชการสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
แต่ทาง กมธ.ทหารฯ มีความเห็นว่าการใช้อำนาจดังกล่าวไม่เป็นไปตามมาตรา 7 ดังที่ กอ.รมน.ภาค 3 กล่าวอ้าง เพราะไม่พบว่าทางหน่วยงานได้จัดทำรายงานเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ ครม. มีมติให้ดำเนินคดีกับนายพอล และไม่มีมติ ครม. ใด ๆ ที่แจ้งว่าให้ดำเนินคดีกับนายพอลด้วย
"หากไม่มีการตัดสินใจใด ๆ จากคณะรัฐมนตรี ทาง กอ.รมน.จะตัดสินใจตามอำเภอใจใด ๆ ไม่ได้" นายวิโรจน์ กล่าว
นอกจากนี้ ทาง กอ.รมน.ภาค 3 ยังบอกด้วยว่าอาศัยอำนาจของกระทรวงกลาโหมตามมาตรา 8 ของ พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกลาโหม พ.ศ. 2551 เนื่องจากถือว่าเป็นข้าราชการทหาร ซึ่งนายวิโรจน์มองว่าเป็นการตีความอำนาจกฎหมาย "ด้วยความสับสนว่าตนเองสังกัดอะไรกันแน่" และหาก กอ.รมน.ภาค 3 ยืนยันว่าใช้อำนาจเหล่านี้ได้ ก็ถือว่าเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากการดำเนินคดีกับนายพอลต้องได้รับการอนุมัติจาก รมว.กลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพต่าง ๆ ก่อน
"แบบนี้ถือว่ากำลังละเมิดอำนาจรัฐมนตรีกลาโหมและผู้บัญชาการเหล่าทัพหรือไม่ ?" นายวิโรจน์ตั้งคำถาม "หาก กอ.รมน.จะปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สนใจอำนาจตามกฎหมายของตัวเอง มันก็ไม่แตกต่างจากโจรติดดาว"

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร กล่าว การใช้ ม.112 มาเอาผิดนายพอลทั้งที่หลักฐานต่าง ๆ ไม่สามารถนำมาใช้แจ้งข้อหาได้เลยด้วยซ้ำ ทาง กอ.รมน. ทำไปโดย "ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในเวทีโลก"
ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นอีกครั้งที่ทำให้เกิดคำถามต่อการมีอยู่ของหน่วยงานความมั่นคงที่ชื่อว่า กอ.รมน.
นายอนาลโย ก่อสกุล ที่ปรึกษา กมธ.ทหารฯ ซึ่งเข้าฟังการชี้แจงเมื่อวานนี้ด้วย ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่าเรื่องที่เขายังคงติดใจมาก ๆ คือจังหวะเวลาในการฟ้องร้องดำเนินคดีนายพอล ซึ่งดำเนินขึ้นขณะที่รัฐบาลกำลังจะต่อรองมาตรการด้านภาษีการค้ากับฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ
"มีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า กอ.รมน. เล่นประเด็นนี้ในตอนนี้ คือต้องการวางยารัฐบาลหรือไม่" นายอนาลโย ตั้งคำถามผ่านโพสต์ของเขา
ทว่านายวิโรจน์ปัดตกแนวคิดนี้ โดยบอกว่า "ไม่หรอกครับ พฤติการณ์ของ กอ.รมน. เขาเป็นรัฐซ้อนรัฐอยู่แล้ว เขาอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลเขาก็ทำ"
"ผมจึงเสนอมาตลอดว่าให้ยุบไง คิดง่าย ๆ หากเป็นบริษัทเอกชน กอ.รมน. ก็ถือเป็นพนักงานบริษัทที่ไม่ฟังคำสั่งผู้จัดการ แล้วก็ไปสร้างความเสียหายให้กับบริษัท มันก็ต้องไล่ออกสถานเดียว ยุบหน่วยงานทิ้งสถานเดียว สิ่งที่สำคัญคือโง่แล้วขยัน ซึ่งอันนี้ทั้งโง่และขยัน แล้วก็ลุแก่อำนาจด้วย"
ในที่ประชุม กมธ.ทหารฯ วานนี้ ได้มีมติเห็นว่า การดำเนินการของ กอ.รมน.ภาค 3 ตลอดจนการดำเนินคดีโดย สภ.เมืองพิษณุโลก และการเพิกถอนวีซ่าของนายพอลโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) พิษณุโลก ทั้งที่คดียังไม่ถึงที่สุดนั้น อาจเข้าข่ายมีความผิดตาม มาตรา 172 และ 175 แห่ง ป.อาญา (แจ้งความเท็จ) มาตรา 172 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ.2561 ในข้อหาเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมาตรา 134 วรรคสอง แห่ง ป.วิอาญา เนื่องจากไม่ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของหลักฐานก่อนแจ้งข้อกล่าวหา และมาตรา 200 วรรคสอง แห่ง ป.อาญา ที่ระบุว่าเจ้าพนักงานกลั่นแกล้งให้บุคคลอื่นต้องโทษคดีอาญา
กมธ.ทหารฯ จึงมีมติให้รวบรวมข้อเท็จจริง เพื่อแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ ควบคู่ไปกับกระบวนการยุติธรรมของกรณีนี้ ในกรณีที่หากศาลสั่งไม่ฟ้องหรือยกฟ้องนายพอล ทาง ป.ป.ช. จะได้นำกรณีนี้ไปสู่การไต่สวน และดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป
https://www.bbc.com/thai/articles/cz9501jpdl7o