นอกจากระบบแจ้งภัย (ช้า) ที่รัฐบาลอุ๊งอิ๊งโดนชาวบ้านด่าฉ่ำ แล้วนายกฯ หญิงเอาไปเฟี้ยสกับกรมกองส่วนราชการต่างๆ ยังมีประเด็นการก่อสร้างอาคาร ๓๐ ชั้น ที่ถล่มลงมาเป็นชั้นๆ เหมือนตับแพนเค้ก เป็นไปได้อย่างไรทั้งที่โครงสร้างพื้นฐานเสร็จหมดแล้ว
สุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) อ้างว่าอาคารอยู่ระหว่างก่อสร้าง “ความแข็งแรงของตัวอาคารยังไม่เซ็ตตัว” ขณะที่วิศวกรโครงสร้างระบุว่าตามกฏกระทรวงเรื่องแผ่นดินไหว พ.ศ. ๒๕๕๐ และ ๒๕๖๔
“อาคารหลังนี้ควรต้องออกแบบให้ต้านแผ่นดินไหวในระดับที่ไม่ควรถล่มแบบนี้ จึงต้องไปตรวจสอบแบบ และ (แผน) การก่อสร้าง” ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้าง ตั้งข้อสังเกตุ สอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายกสมาคมอาคารชุดไทย
“การก่อสร้างอาคารสูงทุกอาคารในประเทศไทย หลังปี ๒๕๕๐ ต้องก่อสร้างตามมาตรฐานเพื่อรองรับแผ่นดินไหว” ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ยังบอกด้วยว่าบททดสอบแผ่นดินไหวแรงที่สุดครั้งนี้ “การก่อสร้างตึกสูงของไทยได้มาตรฐานจริงๆ”
เมื่อคลื่นแผ่นดินไหวเดินทางมาถึงชั้นดินอ่อนกรุงเทพฯ จะเป็นแผ่นดินไหวแบบคาบยาว (long period)” นอกนั้นมีปัจจัยประกอบอื่นๆ อีกหลายอย่าง “คุณภาพวัสดุก่อสร้าง เช่น คอนกรีต และเหล็กเสริมว่ามีกำลังรับน้ำหนักเพียงใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล็กเส้นที่นำมาใช้ ได้มาตรฐานและมีความเหนียวเพียงพอหรือไม่” พอดีกับที่ขณะนี้พบว่าเหล็กเส้นผลิตโดยอุตสาหกรรมจีนมีคุณภาพต่ำมาก และไม่บังเอิญที่บริษัทก่อสร้างอาคารหลังนี้เป็นบริษัทจีน ร่วมทุนกับบริษัทอิตาเลี่ยนไทย
โดยบริษัทจงเที่ยสือจวี่จี๋ตวน หรือ China Railway No.10 Engineering Group (CRCC) ถือหุ้นใหญ่สุด ๔๙% ซึ่งทำการก่อสร้างตึกสูงขนาดนี้ที่ย่านจตุจักรของกรุงเทพฯ เป็นแห่งแรกนอกประเทศจีน ถือเป็น “หมุดหมายทางยุทธศาสตร์” นั่นเลย
น่าเสียดายที่หมุดหมายนี้ถล่มทลายลงโดยง่าย
(https://scontent-sea1-1.xx.fbcdn.net/v/t39.30808-6/486635710_10796, https://x.com/thestandardth/status/1905820090328871369 และ https://tna.mcot.net/business-1508117)
