ข่าวรายงานว่าได้แจ้งผลการพิจารณาในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่องที่มีผู้ร้องว่าพรรคเพื่อไทยกระทำการเข้าข่ายความผิดต้องยุบพรรค กรณีส่งนายชาญ พวงเพ็ชร์ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น อบจ.ปทุมธานี ทั้งๆ ที่ถูก ปปช.ชี้มูลความผิดคดีทุจริต
ว่า “ไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลเพียงพอที่จะรับคำร้องไว้ดำเนินการ ตามข้อ ๖ วรรคสองของระเบียบ กกต.” ก็คือตีตกคำร้องด้วยเหตุผลว่า การถูกชี้มูลความผิดข้อหาทุจริตนั้น มิใช่การกระทำ “อันเป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมืองแต่อย่างใด”
ซ้ำร้าย “ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดให้พรรคการเมือง ต้องดำเนินการคัดเลือกบุคคลเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น” เสียด้วย ฟังดูทะแม่ง ๆ อยู่ แต่เอาเถอะ รอดูว่าจะมีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้นไหม
แต่ที่เห็นได้แน่ๆ ว่าเลขาธิการกรรมการเลือกตั้งคนนี้ประพฤติมิชอบในหน้าที่การงาน ก็เรื่องยังอึงคนึงอยู่ สว.กลุ่มใหญ่ที่เกาะกันเป็นเสียงข้างมาก ประมาณ ๑๔๐ คนนั้นได้มาจากการฮั้ว ตามโพยที่ได้รับแอบเอาเข้าไปใช้กาโหวตรอบระดับประเทศ
อัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สว.ในบัญชีรายชื่อสำรองเป็นผู้ปูดเรื่องนี้ บอกว่า “ในเอกสารแนะนำตัว สว.๓ มีการเขียนหมายเลขโพยอยู่ด้านหลัง” ผู้ตรวจเลือกรายหนึ่งพบพฤติกรรมนั้น นำความไปแจ้งแก่ กกต.ในคืนเดียวกัน แต่ไม่มีผลอะไร
ตามระบียบการได้มาซึ่ง สว.นั้นห้ามนำเอกสารอื่นใดๆ เข้าไปในห้องโหวตเลือกกันเองรอบดังกล่าว แต่ปรากฏว่าเลขาฯ แสวงอนุญาตให้นำเอกสารแนะนำตัว (ที่จะทำให้ผู้สมัครรู้จักกันและกัน) เข้าไปด้วยได้ ทว่าเวลาโหวตห้ามเปิด สว.๓ ขึ้นดู
พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ซึ่งได้เป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่งอ้างว่า “นำโพยเข้าไปเนื่องจากไม่สามารถจำหมายเลขผู้ที่ต้องการจะเลือกได้” ทั้ง ๒๐ กลุ่ม กลโกงของผู้จัดตั้ง สว.ที่เรียกว่า ‘สีน้ำเงิน’ กลุ่มนี้ ก็คือ
เขียนโพยไว้ด้านหลังของเอกสารดังกล่าวอย่างชัดเจน แค่เหลือบดูก็รู้แจ้ง เหตุนี้จึงมีบรรดา สว.ในรายชื่อสำรองกว่า ๓๐ คน ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทั้งได้มอบเอกสารหลักฐานไว้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษด้วยแล้ว
(https://www.facebook.com/thestandardth/posts/caVhgkNw24 และ https://www.facebook.com/thestandardth/posts/j7MEUrhSug)