
“ทิวากร” : 199 วัน แห่งการต่อสู้เชิงอุดมการณ์
28/02/2568
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2568 ทนายความเดินทางไปทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดขอนแก่น เพื่อเข้าเยี่ยม “ทิวากร วิถีตน” เกษตรกร วัย 49 ปี ผู้ต้องขังคดี 112 ที่ถูกศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาจําคุก 6 ปี จากเหตุโพสต์ภาพสวมเสื้อ “เราหมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์แล้ว” และโพสต์ข้อความถึงสถาบันกษัตริย์เกี่ยวกับการใช้มาตรา 112 รวม 3 โพสต์ ในปี 2564 แม้จะมีการยื่นขอประกันตัวเพื่อออกมาต่อสู้ในชั้นฎีกามาแล้วถึง 6 ครั้ง แต่ศาลก็ยังไม่อนุญาตให้ทิวากรได้ประกันตัวสักครั้ง
แม้จะถูกคุมขังแต่ทิวากรยังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับมาตรา 112 และได้เขียนหนังสือร้องทุกข์ถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับความไม่เป็นธรรมในการไม่ได้รับการประกันตัวของผู้ต้องขังคดีมาตรา 112
กับชีวิตข้างในเรือนจำทิวากรยังคงศึกษาและอ่านหนังสือสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเรื่องราวของนักเคลื่อนไหวต่อสู้ในต่างประเทศ ที่มีประโยคตรึงใจทิวากรคือ “ไม่ว่ายังไงเราต้องไม่ฆ่าอีกฝ่าย เราจะฆ่าไอเดียเขา” วลีที่สะท้อนถึงปรัชญาการต่อสู้อย่างสันติของตัวเขาเอง ที่มุ่งเปลี่ยนความคิด ไม่ใช่ทำลายผู้คน
_________________________________________
วันที่ 21 ม.ค. 2568
ทนายความนำเรื่องร่างฎีกาที่ส่งให้ทิวากรตรวจตั้งแต่ต้นเดือนมาพูดคุย “มีประเด็นไหนที่ต้องการให้แก้ไขหรือเพิ่มเติมไหม” ทนายถาม “ให้ทนายเขียนตามความเหมาะสมหรือความเห็นของทนายทุกคนได้เลย” ทิวากรตอบอย่างเรียบง่าย แต่มีข้อเสนอที่แน่วแน่ เขาอยากให้ร่างฎีกาที่เขียนด้วยลายมือตนเองทั้ง 13 หน้า เข้าสู่สำนวนด้วย และอยากแถลงต่อหน้าผู้พิพากษาโดยตรง
เมื่อทนายชี้แจงว่าปกติในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกา ศาลไม่มีการนัดพร้อมเป็นพิเศษ แต่มักนัดฟังคำพิพากษาเพียงครั้งเดียว ทิวากรจึงเปลี่ยนใจ “ยื่นเอกสารที่เขียนด้วยลายมือของผมเองเป็นคำแถลงเข้าไปดีกว่า” ทนายจึงถามต่อว่า “คาดหวังยังไงกับคำพิพากษา” ทิวากรตอบในทันทีด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า “แล้วแต่ศาลจะตัดสินเลย ไม่คาดหวังอะไร เพราะถ้าศาลเขียนคำพิพากษาที่ไม่ดีออกมา ศาลก็ต้องอธิบายเอง”
ทนายแจ้งข่าวอีกว่าอัยการยื่นฎีกาแล้ว มีหมายแจ้งไปที่บ้านทิวากร แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นประเด็นอะไร ทิวากรเพียงยิ้มบาง ๆ พร้อมกล่าวว่า “ก็เอาให้สาแก่ใจเลย”
บทสนทนาเปลี่ยนไปสู่เรื่องการอ่านหนังสือ เขาเล่าถึงหนังสือที่กำลังอ่าน Cry Freedom: The Legendary True Story of Steve Biko and the Friendship that Defied Apartheid ของ John Briley เรื่องราวในช่วงที่เนลสัน แมนเดลา อดีตประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของแอฟริกาใต้ ถูกคุมขังถึง 27 ปี จากการเคลื่อนไหวต่อต้านนโยบายแบ่งแยกสีผิว ที่มีสตีฟ บีโกหนึ่งในนักเคลื่อนไหวผิวดำยังคงออกมาต่อสู้กับนโยบายนั้นพร้อมกับคนอื่น ๆ แม้แต่คนผิวขาวที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ดวงตาของเขาทอประกายเมื่อเล่าถึงวลีที่ประทับใจ “ไม่ว่ายังไงเราต้องไม่ฆ่าอีกฝ่าย เราจะฆ่าไอเดียเขา”
คำพูดนี้สะท้อนปรัชญาการต่อสู้ของทิวากรเอง ไม่ใช่การทำลายบุคคล แต่เป็นการต่อสู้กับแนวคิด เป็นการต่อสู้อย่างสันติในท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งในสังคมไทย
วันที่ 17 ก.พ. 2568
หลังผ่านไปเกือบหนึ่งเดือน เมื่อพบกันอีกครั้ง ทิวากรมีร่องรอยของความอ่อนเพลียเล็กน้อย “ตอนนี้ได้เขียนหนังสือออกมา 2 ฉบับ” ทิวากรเล่าด้วยความกระตือรือร้น “เป็นหนังสือร้องทุกข์ต่อสมาชิกสภาผู้แทนฯ สส.วีรนันท์ ฮวดศรี” ฉบับแรกเขาอธิบายเกี่ยวกับความไม่เป็นธรรมในการไม่ได้รับการประกันตัว ไม่เพียงแต่กรณีของเขา แต่รวมถึงผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 คนอื่น ๆ ด้วย “อยากให้มีการอภิปรายเรื่องนี้ในรัฐสภา” ทิวากรกล่าวด้วยความหวัง
ฉบับที่สองมีเนื้อหาวิพากษ์การตีความมาตรา 112 ที่กว้างขวางเกินกว่าเหตุ เกินขอบเขตของกฎหมาย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้จะถูกคุมขัง แต่ทิวากรยังคงติดตามและวิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคดีของเขาอยู่ แต่สิ่งที่เขากังวลคือ “ตอนนี้หนังสือน่าจะยังไม่ถูกส่งออกมา น่าจะอยู่กับผู้อำนวยการแดน” แสดงให้เห็นถึงอุปสรรคในการสื่อสารกับโลกภายนอก
ทนายแจ้งเรื่องสำคัญคือการยื่นประกันครั้งล่าสุดเป็นครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2568 พร้อมผู้ต้องขังทางการเมืองคนอื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 16 คน ซึ่งท้ายที่สุดศาลยังคงมีคำสั่งไม่ให้ประกันทุกคน
“คดีของผมเปรียบเหมือนการแข่งตะกร้อ” เขาอธิบายพร้อมกับเปรียบเทียบอย่างน่าสนใจ “ที่ตอนนี้ฝ่ายโจทก์กับฝ่ายจำเลยมีคะแนนเท่ากันแล้ว ศาลควรจะให้ประกันตัวโดยไม่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมอะไรมาอีก เพราะผลคดีสามารถแพ้หรือชนะก็ได้”
เมื่อถามถึงความเป็นอยู่ในเรือนจำ ทิวากรเล่าว่า พักหลังเขาเป็นหวัดบ่อย ๆ ก็เลยลาออกจากการเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ในห้องสมุด แต่ความกังวลของเขากลับไม่ได้เกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง แต่เป็นกังวลว่าจะทำให้คนข้างนอกรู้สึกว่าเขาไม่ทำงานหรือเปล่า ทนายแนะนำให้เขาดูแลสุขภาพตนเองก่อน ถ้าไม่สบายก็หยุดพักก่อนดีแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องคนข้างนอก
วันที่ 28 ก.พ. 2568
“หนังสือร้องทุกข์ทั้งสองฉบับมีความคืบหน้าไหม ?” ทิวากรถามทนายความที่มาเยี่ยมด้วยน้ำเสียงกังวล หนังสือที่เขาเอ่ยถึงเป็นหนังสือร้องทุกข์ที่เขาเขียนขึ้นด้วยลายมือของตนเอง ส่งถึง ส.ส.วีรนันท์ ฮวดศรี ฉบับแรกเกี่ยวกับความไม่เป็นธรรมในการไม่ได้รับการประกันตัวของผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ส่วนฉบับที่สองวิพากษ์การตีความกฎหมายมาตรา 112 ที่กว้างเกินขอบเขต
ทนายแจ้งว่ายังไม่มีความคืบหน้า จึงนัดกันว่าสัปดาห์หน้าจะมาเยี่ยมอีกครั้ง และให้ทิวากรช่วยติดตามให้เจ้าหน้าที่นำเอกสารมามอบให้ทนาย เพราะทนายเคยสอบถามแล้วแต่ไม่มีใครรู้เรื่องเลย
แม้จะอยู่ในเรือนจำ แต่ใจของทิวากรยังคงกังวลถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับ ส.ส.ที่เขาส่งหนังสือร้องทุกข์ไปหา “ตอนนี้ผมก็รู้สึกเกรงใจ ส.ส.ของพรรคประชาชน เพราะกลัวว่าจะไปเอาประเด็น 112 มาเป็นเหตุให้พรรคอาจจะถูกยุบในอนาคต
ขณะนี้หลังจากลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ในห้องสมุดเนื่องจากปัญหาสุขภาพ ทิวากรถูกย้ายไปอยู่กองงานเย็บผ้า “ตอนนี้ผมได้ไปอยู่งานเย็บผ้า ก็จะเย็บพวกดอกไม้ผ้า” เขาเล่า
ทิวากรสังเกตเห็นความผิดปกติในการจำแนกนักโทษของเรือนจำ “ปกติแล้วจะมีคณะกรรมการจำแนก ซึ่งก็ไม่ได้มีการคัดแยกจำแนกอะไรเป็นพิเศษ แต่ในส่วนของผมมีการเรียกผมให้ไปคุยสอบถามสัมภาษณ์เป็นเรื่องเป็นราว แล้วก็มีการบันทึกภาพ” เขาตั้งข้อสังเกตว่า “คงเป็นการนำไปรายงานกับคนที่ยังติดตามอยู่”สะท้อนถึงการถูกเฝ้าระวังเป็นพิเศษในฐานะนักโทษคดีการเมือง
“ช่วงนี้มีอาการชาตรงบริเวณนิ้วมือทั้งสองข้าง” ทิวากรเล่าถึงปัญหาสุขภาพที่กำลังเผชิญ “ก็อาศัยนวดผ่อนคลายเอา ฝ่าเท้าบางทีเดินก็มีอาการเจ็บจี๊ดจี๊ด” อาการเหล่านี้อาจเป็นผลมาจากความเครียดและความกดดันที่เขาต้องเผชิญอยู่ทุกวัน
จนถึงปัจจุบัน (26 ก.พ. 2568) ทิวากรถูกคุมขังที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดขอนแก่นตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. 2567 โดยไม่ได้รับสิทธิประกันตัวเป็นเวลา 199 วัน หรือมากกว่า 6 เดือนแล้ว
ทนายยื่นประกันครั้งที่ 6 อ้างคำสั่งให้ประกันปริญญา-จิรวัฒน์ ที่มีโทษเท่ากัน ศาลฎีกายังคงยืนยันไม่ให้ประกัน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2568 หลังการยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ที่ให้ลงโทษจำคุกทิวากร ทนายความได้ยื่นประกันทิวากรระหว่างฎีกาเป็นครั้งที่ 6 เสนอเงินประกัน 500,000 บาท ระบุเหตุผลโดยสรุปว่า
คดีนี้ศาลชั้นต้นได้มีคําพิพากษายกฟ้อง และต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้กลับคําพิพากษาเป็นลงโทษจําคุก
จําเลย ซึ่งจําเลยได้ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด และได้ยื่นฎีกาต่อศาลฎีกาแล้วเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2568
ตั้งแต่ในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวน ตลอดจนชั้นพิจารณา จําเลยไม่มีพฤติการณ์หลบหนี โดยจําเลยได้มาพบพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการตลอดกระบวนการ จําเลยมีความประสงค์ในการต่อสู้คดีมาโดยตลอด ทั้งนี้ เพื่อให้ศาลมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุอันกระทบต่อการพิจารณาจําเลยยินยอมรับเงื่อนไขห้ามจําเลยเดินทางออกนอกประเทศและขอให้ศาลกําหนดวันนัดรายงานตัวต่อศาลเป็นระยะ
ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาเคยมีคําสั่งลงวันที่ 24 ม.ค. 2568 อนุญาตปล่อยชั่วคราว ปริญญา ชีวินกุลปฐม ซึ่งถูกดําเนินคดีในข้อหาเดียวกันกับจําเลย โดยระบุว่า “พิเคราะห์แล้ว จําเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ประกอบกับจําเลยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมาก่อน ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี จึงอนุญาตให้ปล่อยจําเลยชั่วคราวในระหว่างฎีกา ตีราคาประกัน 400,000 บาท” อีกทั้งเคยมีคําสั่งลงวันที่ 10 ธ.ค. 2567 อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจิรวัฒน์ ซึ่งคดีดังกล่าวทั้งสองมีลักษณะข้อหาคล้ายคลึงกับคดีนี้ รวมทั้งศาลลงโทษจําคุกในอัตราโทษที่เท่ากัน ผู้ร้องจึงประสงค์ขอให้ศาลฎีกาอนุญาตปล่อยชั่วคราวจําเลยในคดีนี้ด้วยเช่นกัน
จําเลยเป็นผู้มีภูมิลําเนาถิ่นฐานที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน เป็นเพียงบุคคลธรรมดา ก่อนถูกดําเนินคดีนี้จําเลยประกอบสัมมาอาชีพโดยมีอาชีพทํานาและเลี้ยงวัว ปัจจุบันจําเลยมีอาการเจ็บป่วยคือป่วยคือมีอาการปวดที่บริเวณช่วงหลังและบริเวณเอวอย่างรุนแรง ซึ่งจําเลยรักษาอย่างต่อเนื่องอยู่ที่โรงพยาบาลขอนแก่น
นอกจากนี้ ในคดีนี้ไม่ปรากฏเหตุและพฤติการณ์ใด ๆ ของจําเลยที่เข้าเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 ที่ศาลจะไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจําเลย ผู้ร้องจึงขอให้ศาลได้ใช้ดุลยพินิจพิจารณาคําร้องโดยยึดหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าจําเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ และก่อนมีคําพิพากษาถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดกระทําความผิดจะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทําความผิดมิได้ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 29 วรรคสอง
อย่างไรก็ตาม วันต่อมา (15 ก.พ. 2568) ศาลฎีกายังคงมีคำสั่งไม่ให้ประกันทิวากรเช่นเคย ระบุคำสั่งว่า “พิเคราะห์แล้วเห็นว่าเหตุที่อ้างตามคำร้องของจำเลยที่ขอให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกามิใช่เหตุผลอันสมควรที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ทั้งศาลฎีกาเคยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างฎีกามาแล้ว ส่วนเหตุผลตามคำร้องที่อ้างอาการเจ็บป่วย จำเลยมีสิทธิได้รับการรักษาตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์อยู่แล้ว จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง“
.
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
วันเกิดครบ 49 ปี ‘ทิวากร’ ปีแรกในฐานะผู้ต้องขังระหว่างฎีกา ‘คดี 112’ จากการไม่ศรัทธา
https://tlhr2014.com/archives/73417