วันศุกร์, มกราคม 10, 2568

ชวนอ่าน เรื่องราวของเด็กสาวชายแดนแม่สอด กับสถานที่อโคจรริมแม่น้ำเมย กระแสข่าวช่วงนี้มีแต่เรื่องของเหยื่อแดนไกล ลองฟังบทสะท้อนของคนท้องถิ่นดูบ้าง



Sin City เมืองบาป

โดย ใกล้รุ่ง พรหมสุภา
สำนักข่าวชายขอบ

เปิดปีพ.ศ. 2568 มาด้วยข่าวการล่อลวง “ซิง ซิง” นักแสดงจีนที่นั่งเครื่องบินลงสุวรรณภูมิไปร่วมงานกับบริษัทผลิตภาพยนตร์ไทย แต่กลับหายตัวเข้าไปในเมืองเมียวดี

ด้วยความเป็นบุคคลมีชื่อเสียงอยู่ประมาณหนึ่ง ซิง ซิงได้รับการประสานนำตัวออกจากอาณาจักรอาชญากรรมมาได้โดยเร็ว แม้ในบางขณะจะยังมีความพยายามบิดเบือนข่าวให้เขาไม่ใช่เหยื่อการค้ามนุษย์ แต่เป็นผู้กระทำผิดหรือสมรู้ร่วมคิด กระทั่งมือปืนรับจ้างและสายเกรียนในโลกออนไลน์ก็ยังปั่นกันให้สนุกว่านักแสดงหนุ่มน่าจะแค่หนีเมียไปหาสาวคาสิโนบ้าง หรือสมัครใจใช้หน้าตาไปหากินกับธุรกิจมืดบ้าง

ในปีพ.ศ. 2567 สังคมไทยค่อย ๆ เรียนรู้ว่า เมียวดีได้ขยับขยายจาก “เมืองคาสิโน” มาสู่เมืองอาชญากรรมไปสักพักแล้ว ชื่อเสียงของเมืองไม่เพียงพ่วงพันกับธุรกิจล่อลวง (สแกม) ทั้งออนไลน์และทางโทรศัพท์หรือCall Center ที่ทำให้เดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า หากยังมัดให้ไทยต้องยอมจำนนกับหลักฐานที่ว่า พื้นที่และโครงข่ายบ้านเรา ได้อำนวยให้ขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติที่เหี้ยมโหดดำเนินการได้โดยสะดวกและเฟื่องฟูอย่างที่สุด

ในความเร่งด่วนของโลกออนไลน์ ความดำ-ขาวมักถูกหยิบมาเล่น ด้านหนึ่งเมียวดีคือเมืองบาปที่ทุกคนต่างเป็นผู้ร้าย ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังติดอาวุธ มาเฟีย เครือข่ายยาเสพติด และนักล่อลวงทุกรูปแบบ ทุกคนที่ออกมาจากอาณาจักรอาชญากรรมล้วนคืออาชญากรที่สมควรได้รับโทษ แต่ในอีกด้านหนึ่ง เมียวดีก็ถูกมองเป็นคุกขังเหยื่อค้ามนุษย์แบบที่ต้องถูกมัดมือเท้ากระชากลากถูไปเท่านั้น แม้ในโลกของความเป็นจริงที่ซับซ้อน อาณาจักรอาชญากรรมใหญ่น้อยหลายสิบตลอดแนวชายแดนไทย-พม่าที่มีคนเป็นหมื่นแสน ย่อมไม่สามารถขับเคลื่อนอยู่ได้ด้วยเพียงเจ้าของธุรกิจ ผู้คุมติดอาวุธ มาเฟีย + เหยื่อการค้ามนุษย์ หรือ + นักสแกมอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่คือทั้งหมด ทั้งที่หายใจอยู่ในที่ทำงานหรือที่เรียกกันว่า “ไซท์” เดียวกัน + ผู้ได้รับประโยชน์อีกมหาศาลนอกประเทศพม่า รวมถึงในไทย

“ดาว” เธอผู้เติบโตและเรียนหนังสือจบมัธยมปลายจากศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ (migrant school) ในแม่สอดโดยไร้สถานะบุคคลใดๆ จนถึงปัจจุบัน คือหนึ่งในอดีต “คนทำงาน” ใน Sin City ที่ยังคงเข้าออกเพื่อพบปะเพื่อนฝูงอยู่เสมอ สองปีก่อนที่เธอยังทำงานอยู่ที่นั่น “งานสีเทาแปลว่างานที่ผิดกฎหมายไทย แต่ไม่ได้ทำร้ายใครและไม่ได้มีอะไรผิด” ตัวอย่างเช่น แอดมินเพจพนันที่ไม่ได้โกงหรือหลอกดูดเงิน งานคาสิโน บาร์โฮสต์ ขายบริการทางเพศ รวมถึงธุรการและการเงินของธุรกิจที่ “เปิดในไทยไม่ได้”

“ตอนนั้นหนูเข้าใจว่า งานสีดำเป็นงานต้องไปพูดหลอกคน ทำร้ายทุบตีคน ค้ายา ฯลฯ เวลาคนชวนไปทำงาน เราก็จะถามกันว่าเป็นสีเทาหรือสีดำ แต่ส่วนใหญ่เขาจะไม่บอกตรง ๆ หรอก อย่างเช่นชวนไปเป็นรปภ. มันฟังดูธรรมดาใช่มั้ย แต่ที่จริงรปภ.ก็คือคนคุมบ่อนหรือว่าไซท์ที่ต้องทำโทษคน ทุบตีคนที่ทำผิดสัญญาหรือคิดหนี”

เมื่อถามว่า คนที่ถูกชวนไปเป็นรปภ.ส่วนใหญ่จะเข้าใจหรือไม่ว่างานจริงเป็นอย่างไร เธอนิ่งคิดแล้วตอบว่า “หนูคิดว่าใคร ๆ ถ้าคิด ก็ต้องรู้แหละ แต่ส่วนใหญ่มันไม่อยากคิดไกล เพื่อลูกเพื่อเมียเพื่อพ่อแม่เราต้องไม่คิด ถ้าคุยกับเพื่อน เพื่อนจะบอกให้หยุดคิด อย่าคิดมาก ยิ่งตอนหลังนี้ที่เพื่อนหนูไปทำงานที่นั่นเยอะขึ้น หนูเห็นว่าทุกอย่างถูกมองว่าสีเทาไปหมดแล้ว มันคืองานทั้งหมด มันไม่มีอะไรสีดำอีกแล้วด้วย”

ชีวิตของดาวในวันที่ยังทำงานในฉ่วย ก๊กโก่ อยู่แยกจากเหยื่อการค้ามนุษย์ มันคือเรื่องเธอได้ยินและรับรู้ว่ามีอยู่ เสียงซุบซิบบอกกันว่า สาวลาวสาวเวียดนามที่ไม่เต็มใจทำงานจะถูกเอาไฟช็อต หรือจับมัดนั่งให้มดกัดแทนการทุบตีที่จะทิ้งร่องรอยจนเสียของ แต่เมื่อไม่เห็นตรงหน้า ก็ง่ายที่จะไม่นึกถึง ชีวิตเธอแวดล้อมด้วยเพื่อนจากโรงเรียนเก่าที่เป็นธุรการ บัญชี โปรแกรมเมอร์เกาหลีและอินเดียที่มีหน้าที่เกี่ยวกับธุรกรรมออนไลน์ และคนไทยที่อยู่ในที่ทำงานเดียวกัน

“ในนั้นทุกคนก็ยุ่งกับเรื่องตัวเอง ได้ยินแต่เขาพูดกันอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่เคยเห็น เขาไซท์นี้ดีกว่าที่นั่น ไซท์นั้นเป็นคนชาติอะไร ที่ไหนทำงานแล้วไม่ได้เงิน แต่ถ้ารอบตัวเรา มันไม่รู้ไม่เข้าใจนะว่าใครถูกบังคับ ใครถูกขาย ใครถูกหลอก เราเองก็ไม่ได้เข้าใจเรื่องค้ามนุษย์” ในธุรกิจที่ดาวรู้จัก เพื่อนฝูงที่ได้รับการชักชวนจากเครือข่ายจะได้ที่พัก อาหาร และเงินใช้จำนวนหนึ่งก่อนในระหว่างทดลองงาน

“เขาเซ็นสัญญากันว่า ถ้าทำไปหกเดือนแล้วทำยอดได้ จะได้เงินเดือนสองหมื่น ทีนี้บางคนทำไม่เก่ง พอได้บ้างแต่ยอดไม่ถึง ก็อาจจะได้แค่แปดพัน แต่ในสัญญามันจะมีค่าอะไร ๆ ที่บริษัทจ่ายให้ไปแล้ว ที่พัก อาหาร เงินติดตัว บางคนใช้หมดแล้วเบิกล่วงหน้าด้วย ก็จะถูกหักไปจนไม่เหลือ บางที่เขาตั้งใจโกงก็จะบวกดอกเบี้ยให้แพง ๆ ที่แบบนั้นคนจะบอกต่อกันแล้วไม่มีคนอยากทำ เขาก็น่าจะต้องไปซื้อคนมา” ดาวไม่สามารถตัดสินใจได้ว่า สัญญาจ้างงานแบบที่เธอเคยรู้เรียกได้ว่ายุติธรรมหรือไม่ เพราะ “นายหน้าหางานไทยก็ทำแบบนี้นะ ไม่มีสัญญาเขียนด้วย พวกเราไม่รู้หรอกว่ามันจะถูกไม่ถูกแต่เราไม่ได้มีทางเลือกเยอะ ในหมู่พวกหนูมันมีเพื่อนที่ที่ทำงานไม่เก่งทำยอดไม่ได้ด้วย แล้วเขาไม่ได้อ่านสัญญาดี ๆ ก่อนว่าจะต้องโดนหักอะไร พอเป็นหนี้แล้วเขาจะหนีแต่ถูกจับได้ เขาก็ถูกส่งไปให้ BGF กระทืบ หนูก็สงสารเขามาก ไม่มีใครชอบหรอกที่เป็นแบบนั้น แต่เวลาอยู่ที่นั่น มันเกินไปจากที่เราจะคิดว่าถูกผิดคืออะไร”

หลังจากที่ออกจากงานด้วยเหตุที่คนรักชาวไทยขอร้อง ดาวกลับมาอยู่แม่สอด และการกลับเข้าไปเที่ยวหาเพื่อน ตลอดจนร่วมปาร์ตี้ของคนรู้จักที่ได้ดิบได้ดีจากธุรกิจมืด ก็ทำให้เธอเริ่มเห็น Sin City จากมุมที่ไม่เคยกล้ามองมาก่อน

“มีผู้หญิงไทยคนหนึ่งในปาร์ตี้ เขาได้ยินว่าหนูพูดไทยได้และมาจากฝั่งไทย เขาก็ค่อย ๆ เดินมาถามหนูนะว่า ช่วยได้ไหม หนูก็ตกใจ เขาใส่เครื่องประดับถือกระเป๋าอะไรดูเหมือนมีเงินมาก แต่เขาอยากออกจากที่นั่น หนูก็สงสารเขา แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ ถ้าเราช่วยเขา เขารอดหนึ่งคน เราก็ตายหนึ่งคน คนที่ชวนเราไปและเพื่อนเราที่นั่นก็อาจจะตายอีกด้วยหลาย ๆ คน”

“ในคาสิโนคนไทยที่เปิดให้คนไปเที่ยวได้ เขาไม่เก็บผู้หญิงไว้ขายหรอก แต่นายหน้าไทย พม่า จีนที่เก็บผู้หญิงไว้ตามไซท์อื่น ๆ เขาจะมาเสนอผู้หญิงให้เลือก” ดาวพยายามอธิบายว่าเธอไม่เข้าใจคำว่าค้ามนุษย์ดีนัก และจะใช้คำว่า “ขาย” ตามที่คนที่นั่นใช้เท่านั้น

“สาวไทยที่ข้ามฟากตอนสามทุ่มกับตีสามไปขายบริการที่คาสิโน หนูไม่ได้ยินว่าเขาถูกขายมา แต่เวลาไปทำงานที่นั่นนายหน้าให้ยาเสพติด ถ้าอยากได้ยาก็ไปสิ ปาร์ตี้ทีก็แจกฟรีที เด็กเอ็นฯพม่า ทำงานแม่สอดได้ชั่วโมง 500 แล้วยังต้องจ่ายตำรวจ ก็เลือกไปอยู่ที่นั่น เพราะได้ชั่วโมงเป็นแสนจั๊ต (ประมาณ 800 บาท) ได้เต้น ได้อัพยา ยาก็ได้ฟรีบ้าง ซื้อบ้าง ติดยาก็ทำต่อ นายหน้าก็ได้เงิน ก็ไม่ได้มีใครบอกหนูว่านี่คือค้ามนุษย์หรือเปล่า”

ดาวมีโอกาสได้คุยกับหญิงลาวที่ถูกนำมาบริการในปาร์ตี้แห่งหนึ่ง ซึ่งเล่าให้เธอฟังว่า การมาทำงานในเมียวดีครั้งแรก คือ “ถูกขายและบังคับค้าบริการ” ก่อนที่จะถูกขายต่อจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ต่อไปอีกไม่รู้จบ จนเวลาผ่านไป สภาพร่างกายที่ทรุดโทรมจากยาเสพติดก็ทำให้ราคาตกลงเรื่อย ๆ

“เขาบอกหนูว่า ขายตัวทีหนึ่ง นายหน้าเอา 70 เขาได้ 30 หักค่ากิน ค่าอยู่ ค่ายา จะใช้หนี้ยังไง แต่เขาก็ว่า ต่อให้ใช้หนี้ได้แล้วเขาจะไปไหน เขาไม่ไปไหนแล้ว” หญิงสาวลาวทำให้ดาวนึกถึงรุ่นน้องจากค่ายผู้ลี้ภัยที่มาเรียนโรงเรียนเดียวกับเธอที่แม่สอด สาวสวย เรียบร้อย ไปโบสถ์ทุกอาทิตย์

“หนูมาเจอที่ปาร์ตี้ที่นี่ หนูตกใจ เขาตัดผมสั้น สักเต็ม ผอมโทรม ติดยา เขาเล่าว่ารุ่นพี่ที่โรงเรียนที่เป็น BGF ชวนเขาไปเป็นเมียเช่าคนจีนที่ก๊กโก่จนเขาสร้างบ้านให้แม่ได้ แต่ตอนนี้ผัวคนจีนทิ้งไปเอาเด็กใหม่ที่รุ่นพี่คนเดิมนี่แหละหาให้”

“เรื่องแบบนี้ตอนหนูทำงานอยู่นั่นหนูไม่ค่อยจะได้ยิน หนูมาได้ยินก็ตอนหนูเป็นคนนอกแล้ว”

ดาวเข้าออกฉ่วย ก๊กโก่ได้อยู่พักหนึ่งจากการทำบัตร “เหมือนบัตรประชาชนของเมืองเขา” เป็นบัตรปีต่อปี ซึ่งจะทำได้เมื่อมีเงินและมีคนรู้จักเท่านั้น เพื่อนของดาวยังคงทำงานและเช่าบ้านอยู่ในฉ่วย ก๊กโก่หลายคน ค่าเช่าบ้านที่นั่นสูงตามค่าแรงที่ได้

“ต้องยื่นบัตรผ่านด่านถึงจะไปเที่ยวได้ ในฉ่วยก๊กโก่ก็มีวัดเยอะมากก ไปไหว้พระก็ได้ ส่วนโซนบาร์ นวด บ่อน เราไม่กล้าไป ไซท์ทำงานนี่ก็เหมือนบริษัทเอกชน เป็นที่ส่วนตัวของเขา เข้าไปไม่ได้ถ้าไม่มีคนรู้จัก เกิดอะไรในนั้นคนนอกไม่เห็น”

ดาวชี้ให้ดูเมืองฝั่งตรงข้ามน้ำเมยจากคาเฟ่ China View อันมีชื่อของแม่สอด เธอบอกว่า เช่นเดียวกับที่เราใช้ชีวิตอยู่แม่สอดท่ามกลางผู้คนที่ได้รับประโยชน์จาก Sin City และนั่งมองอาณาจักรอาชญากรรมอีกริมฝั่งน้ำอย่างคนนอก เธอเชื่อว่า คนทำงานที่อยู่โดยสมัครใจในเมียวดี ก็มองความชั่วร้ายและผลของอาชญากรรมเหมือนกับว่ามันอยู่ห่างออกไปคนละฝั่งน้ำเช่นกัน

คนทำงานโดยสมัครในในเมียวดีจำนวนหนึ่งคือชาวพม่าและกะเหรี่ยงในพื้นที่ ซึ่งเป็นไปตามหลักการค้ามนุษย์ของทุกแห่งที่มักไม่กระทำกับคนในพื้นที่ที่มีชุมชนและเครือข่ายอยู่ใกล้ ๆ เครือข่ายการหางานในเมียวดีไม่ต่างอะไรกับการหางานในไทยที่ยึดโยงอยู่กับภูมิลำเนาเดิมและชาติพันธุ์ ซึ่งในกรณีของเธอก็คือโรงเรียน เครือข่ายโรงเรียนที่เชื่อมโยงกับอำนาจมีโอกาสเปิดทางสู่งานรายได้ดีได้มากกว่าคนอื่น และบางโรงเรียนก็อาจไม่มีเครือข่ายในพื้นที่เหล่านี้เอาเลย

“เพื่อนหนูพูดได้ห้าภาษา จบ highschool โรงเรียนเดียวกับหนู อยู่แม่สอดถ้าได้เงินเดือนหมื่นนึงก็ดีใจแล้ว อยู่ที่นั่น เขามีหน้าที่ทำบัญชี คุมคนทำงาน และจัดการอะไร ๆ ให้เจ้านายจีน พม่า ฝรั่ง สิงคโปร์ ไทย ของบริษัทเขา เงินเดือนปกติคือห้าหมื่น บวกเปอร์เซ็นต์ตามยอดที่ทำได้ ถ้าถึงเป้าก็พิเศษอีก ในไซท์นี่หนูไปหาเขา ถ้าทำได้ตามเป้าเขาจะตีระฆังที ถ้าวันไหนตี 3 ทีติดกันคือยอดได้แล้วหนึ่งล้าน เพื่อนหนูเดือนหนึ่งได้เป็นแสน ๆ เขาก็ไม่อยากคิดอะไรแล้วใช่มั้ย รุ่นพี่อีกคนไปเป็นเมียเช่าคนจีน ได้เดือนละสองแสน คนจีนซื้อที่ดินให้พ่อแม่เขาด้วย แบบนี้เขาจะสนทำไมว่าคนจีนนี่จะทำมาหากินอะไร หนูจะกล้าโทษเขามั้ย”

“มันเริ่มมาจากครูใหญ่โรงเรียนหนู ฝากงานให้รุ่นพี่หนูไปเป็น BGF ในตำแหน่งดีหน่อย” เธอเล่าอย่างระมัดระวัง “เขาก็ได้เป็นใหญ่เป็นโตเร็ว แล้วก็ชวนเพื่อน ๆ รุ่นพี่รุ่นน้องไปทำงาน คนที่ได้ไปก็ชวนกันต่ออีกเป็นทอด ๆ คนทำงานสแกมเขาอยากได้คนคุยเก่ง รู้หลายภาษา คล่องคอมพิวเตอร์ คนที่ชวนคนเก่ง ๆ มาทำงานได้ จะได้ค่าหัวด้วยได้ทิปด้วย” เพื่อน พี่ น้องจากโรงเรียนเดียวกับเธอไปทำงานเป็นรปภ.คุมไซท์ และทำงานในธุรกิจสแกมออนไลน์และคอลเซ็นเตอร์จำนวนมาก

“พี่คิดดูว่า ตั้งแต่รัฐประหารพม่า คนหนีมาเมืองไทยเท่าไหร่ งานหายากขึ้น บ้านเช่าอาหารทุกอย่างแพงขึ้น ตำรวจไถเวลาจับก็ไถแพงขึ้น จะทำบัตรแรงงานขอพาสปอร์ต CI ยากไปหมด แพงไปหมด ไปกรุงเทพฯค่านายหน้ากี่หมื่น เสี่ยงถูกจับส่งกลับไปเจอทหารพม่าอีก แต่แค่ข้ามฟากไปเมียวดี มีงานทำ เงินดี ปลอดภัยถ้าเราไม่ยุ่งกับใคร” เธออธิบาย โดยละประโยค แล้วจะไม่ให้เขาทำเหรอ ไว้ในฐานที่เข้าใจ และเสริมว่า “ที่สำคัญนะ เวลามีเงิน มันก็คือคนที่ประสบความสำเร็จ เขาจัดงานเลี้ยงวันเกิดใหญ่โต ปิดบาร์ทั้งชั้น เชิญครูที่โรงเรียนมา บริจาคเงินให้โรงเรียน ได้ใบประกาศขอบคุณ ได้ถ่ายรูปติดที่โรงเรียนด้วย ใคร ๆ ก็นับถือ”

“หนูคิดว่าทุกคนมองว่ามันเป็นแค่งาน บอกตัวเองว่าเราแค่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เราไม่ได้เอาเงินใคร คนจ่ายก็ไม่ได้จ่ายให้เรา เวลามีคนฆ่าตัวตายเพราะโดนหลอก เราก็ไม่ใช่คนฆ่า เรื่องทุบตีคน เรื่องค้ามนุษย์ เรื่องหลอกคนมาทำงาน เขาก็จะมองว่าเขาไม่ได้เป็นคนหลอก หรือถ้าเขาทำตรง ๆ เขาก็มองว่ามันเป็นงาน เขาทำตามคำสั่งเท่านั้น หนูคิดว่าเขาแค่หยุดคิด เพราะหนูก็ถูกบอกให้หยุดคิดบ่อย ๆ” เธอเชื่อว่า โรงเรียนที่ได้รับบริจาคก็ยินดีที่จะ “หยุดคิด” ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อประโยชน์ต่อการศึกษาของเด็กอีกจำนวนมากเช่นกัน

เมื่อถามว่า หากธุรกิจมืดทำให้ผู้คนที่ขาดโอกาสได้มีที่เหยียบยืนอย่างสง่าผ่าเผยได้ขนาดนี้ แล้วเหตุใดจึงจำเป็นจะต้องไปล่อลวงเหยื่อจำนวนมหาศาลจากจีน ไทย ไต้หวัน ลาว เวียดนาม เคนยา รัสเซีย อุซเบกิสถาน ยูกานดา อินเดีย มาเลเซีย ฯลฯ มาอีก ดาวตอบทันทีว่า อาณาจักรอาชญากรรมมีความต้องการแรงงานมหาศาลในทุกระดับ โดยเฉพาะระดับล่างที่ไม่ต้องรับค่าตอบแทนสูง การขยายตลาดไปยังประเทศต่าง ๆ ยังหมายความถึงความต้องการแรงงานจากประเทศเหล่านั้น ส่วนเครือข่ายหาแรงงานสมัครใจก็ทำงานกันไม่ทัน ต้องขยายไปถึงคนไม่รู้จักเพื่อให้ได้จำนวนมากขึ้น และขยับไปถึงการคิดหาประโยชน์จากการหักค่าหัวเพิ่มขึ้น

“บริษัทเพื่อนหนูนะ เจ้านายคนจีนเขาเชื่อว่าถ้าคนออกจากงานหรือขายเขาไปที่อื่นแล้ว ต้องมีคนเข้าแทนทันที เก้าอี้มีสี่ขา หายไปขาหนึ่งไม่ได้ ต้องหาให้ได้ทันที ไม่อย่างนั้นจะเสียโชคเสียลาภ พอรีบ ๆ คนหาเขาก็ไม่สนแล้ว ไม่ต้องอธิบายงานแล้ว ยุ่งยาก จัดการมาเลยเพราะคิดว่าเดี๋ยวก็อยู่ได้ บางคนก็รับได้ก็ทำเป็นอาชีพไป บางคนรับไม่ได้ทำไม่ได้ จัดการไม่ได้ เขาจะส่งให้คนอื่นจัดการ BGF จัดการยังไงเพื่อนที่นั่งอยู่ในห้องทำงานไซท์ไม่ได้ไปเห็น จัดการแล้วขายต่อไปที่อื่น ไปไหนไม่รู้แล้ว”

ในวันที่ดาวต้องการทิ้งอดีตในเมียวดีไว้ข้างหลังโดยไม่คิดแม้แต่จะย้อนกลับไปเที่ยวหาใครอีก เธอยอมรับแก่ตัวเองอย่างกล้าหาญว่า เธอสามารถพูดได้แล้วว่า สิ่งที่ดำเนินไปใน Sin City เป็นสิ่งที่ “ไม่ควรจะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้”

“แล้วหนูยอมรับด้วยว่าหนูเคยได้ประโยชน์ หนูเสียใจที่หนูช่วยใครไม่ได้ ถ้าจะว่าสิ่งที่เพื่อนหนูทำมันผิด จะว่าผิดก็ได้ แต่เมืองนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง ใครทำให้มันเกิดขึ้นบ้าง คนใหญ่ ๆ ของกะเหรี่ยงคนไหน คนใหญ่ ๆ ของคนไทยคนไหน เวลาขายคนมาใครได้เงิน คนข้ามไปข้ามมาใครได้เงิน เวลาเพื่อนหนูส่งเงินมาฟอกในไทย ใครได้เงิน ใครได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เอาดอลลาร์จากที่นู่นมาไทย ใครได้กำไรจากการสั่งซื้อซิมโทรศัพท์ ใครได้เงินจากเวลาที่เพื่อนหนูสั่งผู้หญิงไทยจากจังหวัดอะไร ๆ มาบริการเจ้านาย การปล่อยให้เมียวดียังเป็นแบบนี้ ใครได้เงิน มีใครยอมรับไหม”

นอกจากโจทย์สำคัญว่าด้วยทางเลือกชีวิตของคนสองฝั่งชายแดนที่ถูกบีบรัดมาเนิ่นนาน ทั้งด้วยสถานะทางกฎหมายและนโยบายการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติกับผู้ลี้ภัยแล้ว แทนที่จะวนเวียนอยู่กับการตัดไฟฟ้า สัญญาณอินเตอร์เน็ต ไล่ล่าอุปกรณ์อินเตอร์เน็ตดาวเทียม “สตาร์ลิงค์” เพื่อตัดสะพานโจร รัฐไทยจะหาญกล้าที่หันมองโจรที่อยู่ในสังคมไทยได้แล้วหรือยัง


กล้าไฟเขียวให้ทุกกลุ่มกองกำลังทราบได้อย่างเป็นทางการหรือยังว่า ไทยไม่ใช่ Sin City และเรายินดีให้เขาจัดการกับอาณาจักรอาชญากรรมชายแดนทั้งหมดได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบกับผู้ได้รับประโยชน์ฝั่งไทยทุกคนไม่ว่าใคร

https://transbordernews.in.th/home/?p=41016