วันเสาร์, พฤศจิกายน 09, 2567

อยากให้เรื่องนี้มีแสง มูลนิธิเด็กกำพร้าที่เก่าแก่ที่สุดของเชียงใหม่ ทำร้ายเด็ก ทั้งหยิก ตี ให้กินพริกจนลิ้นบวม อดีตพี่เลี้ยงให้ข้อมูล


.....

Nattharavut Kunishe Muangsuk
14 hours ago
·
อยากให้เรื่องนี้มีแสง
มีข้อมูลว่ามูลนิธิเด็กกำพร้าที่เก่าแก่ที่สุดของเชียงใหม่ พี่เลี้ยงที่นั่น เจ้าหน้าที่ รวมถึงนักสังคมสงเคราะห์ ลงมือทำร้ายเด็ก ผู้กระทำมีถึง 9 คน คิดเป็นจำนวน 40 เปอร์เซ็นต์ของเจ้าหน้าที่ในสถานสงเคราะห์ เป็นจำนวนที่น่าหวาดหวั่น
.
มูลนิธิแห่งนี้เป็นเอกชนและจดทะเบียนถูกต้อง รับเด็กกำพร้าอายุ 3 เดือน จากบ้านเวียงพิงค์ สังกัด พม.มาดูแลต่อจนถึง 6 ขวบ จึงแบ่งเด็กเป็น 3 ห้อง คือ 3 เดือนถึง 1 ขวบ /1 ขวบครึ่งถึงสามขวบ/สามขวบครึ่งถึง 6 ขวบ ซึ่งกลุ่มที่ 2 และ 3 ที่จะถูกใช้ความรุนแรงทางกาย และการใช้คำพูดคะคอก ตวาด สั่งเด็กคุกเข่าบนพื้นเป็นเวลานานเพราะกินข้าวช้า /เด็กบางคน ให้นอนก็ไม่นอน ให้กินก็กินช้า ให้นั่งบนกระโถนหลายชั่วโมงจนหลับคากระโถน บางคนฉี่รดกางเกง โดยเอากระโถนแขวนคอทั้งแต่เช้ายันเย็น
.
นี่ไม่นับเรื่องทุบตี หยิก จับลากพื้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ปัญหาคือพี่เลี้ยงส่วนใหญ่ไม่ได้จบทางด้านปฐมวัยดูแลเด็กเล็กโดยตรง จึงดูแลกันตามมีตามเกิด และตามอารมณ์ ไม่ได้คำนึงเรื่อง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ผู้บริหารมูลนิธิ ตั้งแต่กรรมการ เลขา ประธาน เป็นหญิงสูงวัย และเป็นผู้คนในแวดวงสังคมชั้นสูงของเชียงใหม่ ที่ไม่ได้ลงมาดูแลเด็กใกล้ชิด แต่ให้อำนาจกับเลขาธิการ ซึ่งก็ใช้งาน นักสังคมสงเคราะห์ เป็นหญิงวัย 40 ต้นๆ ดูแลอีกที
.
แต่นักสังคมสงเคราะห์รายนี้ เริ่มโมโหร้ายขึ้นทุกวัน และถืออำนาจสิทธิ์ขาดดูแลเด็กในบ้าน มีประวัติว่าไม่ได้เรียนจบด้านสังคมสงเคราะห์โดยตรง แต่จบจิตวิทยา ได้รับทุนจากมูลนิธิแห่งนี้ไปอบรมระยะสั้นเพื่อให้ได้ใบประกอบวิชาชีพ กลับมาดูแลบ้านเด็ก พี่เลี้ยงคนไหนทนไม่ได้ และเริ่มเอาเรื่องมาเผยแพร่ข้างนอก ก็ไปบีบให้เขาลาออก แถมขู่จะฟ้อง ซึ่งพี่เลี้ยงที่เป็นชาวไทยภูเขา เจอความสัมพันธ์เชิงอำนาจก็รู้สึกหวาดกลัว ส่วนเจ้าหน้าที่ภายในที่เห็นความไม่ถูกต้องแล้วพยายามตักเตือนหรือห้าม ก็โดนตะคอกว่าอย่ายุ่ง แล้วเจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็กลายเป็นคนไร้ตัวตนในบ้าน
.
เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกมาข้างนอกแล้ว มีการตั้งกรรมการไปเจรจา สุดท้ายมีหลักฐานจริง คือใบตรวจร่างกายเด็กที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ทำให้มูลนิธิไม่มีทางเลี่ยง ต้องส่งเด็กกลับสถานสงเคราะห์นครพิงค์ ไล่ออกครูพี่เลี้ยง 8 ราย แต่นักสังคมสงเคราะห์ยังอยู่ดีมีสุข ทั้งที่มีข้อมูลว่ากระทำกับเด็กเช่นกัน แต่ต่อมามูลนิธิก็รับครูพี่เลี้ยงกลับมา 4 คน หนึ่งในนั้นมีประวัติรักษาอาการซึมเศร้าที่โรงพยาบาลสวนปรุง ทำให้ทางหนึ่งในกรรมการไปแจ้งความดำเนินคดีกับครูพี่เลี้ยง คดีนี้อยู่ในสำนวนของ สภ.เมืองเชียงใหม่
.
มีข้อมูลว่า ทางมูลนิธิพยายามจะรับเด็กกลับมา เพราะถ้าไม่มีเด็ก มูลนิธิก็เดินหน้าต่อไม่ได้ (อดีตการมีอยู่ของมูลนิธิอาจจำเป็น แต่ปัจจุบันหลังมีกระทรวง พม.และงบประมาณ รวมถึงการขับเคลื่อนดูแลเด็กกำพร้าในรูปแบบอื่น ๆ อาจไม่จำเป็นอีกแล้ว) แต่คนที่ทำงานด้านเด็กคิดว่า ถ้าปล่อยให้มูลนิธิ ภายใต้โครงสร้างเดิม ผู้บริหารชุดเดิม ซึ่งล้วนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไม่มีความพร้อมลงมากำกับดูแลใกล้ชิด จะสร้างความเสี่ยงกับเด็กต่อไป จึงพยายามพูดคุยทางออก แต่ทางมูลนิธิแห่งนี้กลับนิ่งเฉย และหาว่าทุกอย่างเป็นเฟกนิวส์ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน
.
เรื่องนี้มีแหล่งข่าวที่พร้อมให้ข้อมูลจำนวนมาก ทั้งอดีตเจ้าหน้าที่ อดีตพี่เลี้ยง หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ที่ยังทำงานอยู่กับมูลนิธิ รวมถึงอดีตเด็กที่เติบโตในมูลนิธิแห่งนี้แล้วเคยถูกกระทำ หากใครคิดว่าชะตากรรมของเด็กไม่ควรเป็นสิ่งที่เพิกเฉยได้ ก็ควรให้ความสำคัญ
.
เรื่องนี้ไทยพีบีเอสกำลังติดตามนำเสนออย่างใกล้ชิด ส่วนเพื่อนสื่อใดที่ต้องการข้อมูล อยากร่วมขับเคลื่อนแก้ปัญหาเรื่องนี้ ส่งข้อความมาสอบถามกันได้ครับ



(https://www.facebook.com/nattharavutm/posts/pfbid02Jq8Vu9ZCjngEGnwDi1eyQ4KP8GUx9d3tymLnjxHJRAEby1rqTD7BztzQZLzaw8ACl)