เขายังโล้กันอยู่เลย เรื่องทำประชามติให้แก้รัฐธรรมนูญ จากใช้เสียงข้างมากกึ่งหนึ่งปกติ ที่ สส.ผ่านออกมา ก็เจอจระเข้ขวางคลอง พวก สว.สีน้ำเงินจะเอาโหวตสองชั้น ให้มันยากขึ้นไปหน่อย ตามด้วยข้อเสนอ ‘ชั้นครึ่ง’ จากเลขาฯ กรรมาธิการร่วม
การยอมหยวนๆ จาก นิกร จำนง เลขานุการกรรมาฯ ร่วมสองสภา เสนอให้ยกเลิก ม.๑๓ ที่ให้นับคะแนนกึ่งหนึ่ง แล้วใช้สูตร เสียงข้างมากชั้นครึ่ง แทน คือ “คะแนนเสียงข้างมากต้องสูงกว่าคะแนนเสียงที่ไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องประชามติ”
พร้อมทั้งเสนอให้ทำประชามติผ่านทางไปรษณีย์ด้วย กำหนดวันที่ ๒๐ พ.ย. จะเชิญทั้ง กกต.และไปรษณีย์มาหารือ ทว่าในการประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ ๑๐ จาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยอภิปรายว่า ชั้นครึ่งหรือสองชั้นไม่ต่างกัน
“หลักการสำคัญไม่ได้อยู่ที่การทำให้ประชามติผ่านง่ายหรือยาก แต่อยู่ที่จุดยืนของเราที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จ” ฉะนั้นถ้าเกิดมีใครสักคนในฝ่ายรัฐบาลไปเห็นชอบกับแบบสองชั้นของ สว. “เอาแค่คนเดียว สว.ก็ชนะแล้ว เพราะเขามากันเป็นแพ็ค”
จาตุรนต์บอกอยากให้เน้นที่ชั้นแรกชั้นเดียวนี่แหละ เพราะสองชั้นหรือชั้นครึ่ง จะเป็นตายร้ายดีอยู่ที่ช็อตแรก ที่ระบุให้ต้องมีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไปออกเสียงไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งเสียก่อน เท่ากับแพ้ตั้งแต่ออกวิ่ง “เท่ากับเรายอมที่จะไม่แก้ รธน.”
จาตุรนต์ว่ามันไม่ใช่ถอยกันคนละก้าวหรือครึ่งก้าว แต่ถอยไปก็ไม่มีประโยชน์ คือ “ถอย เราก็ได้กฎหมายประชามติแบบที่ สว.ทำมานั่นเอง ผลที่จะตามมาก็คือ ทำประชามติก็จะไม่ผ่านแน่นอน แล้วเราถอยเพื่ออะไร เพื่อไม่ให้รัฐธรรมนูญผ่าน” เหรอ มันไม่ได้
“หลักใหญ่ของเรายังอยู่ที่ต้องแก้ รธน.นี้ โดยให้มี สสร.” เขาหวังว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะยืนยันตามข้อเสนอของสภาผู้แทนฯ ที่จะให้ใช้หลักเกณฑ์เสียงข้างมากชั้นเดียว ส่วนประเด็นการทำประชามติผ่านระบบไปรษณีย์ เห็นว่าทำได้”
จาตุรนต์บอก ไม่เคยมีแบบนี้มา ทั้งในปี ๖๐ หรือย้อนไปรัฐธรรมนูญปี ๕๐ ไม่เคยกำหนดแบบนี้ “หลักสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่การทำประชามติผ่านง่ายหรือยาก แต่จุดยืนต่างหากว่าเราจะทำอย่างไรให้การแก้ รธน.นั้นสำเร็จ”