Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
ผมขออนุญาตอธิบายมุมมองของผม ต่อกรณีที่พรรคประชาชนมีความจำเป็นที่ต้องฟ้องหมิ่นประมาทผู้ที่กล่าวหาพรรคด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ในทางที่สื่อว่า พรรคมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย เพื่อทุกท่านจะได้สบายใจว่า การฟ้องในครั้งนี้ไม่ใช่การฟ้องเพื่อปิดปาก (SLAPP: Strategic lawsuit against public participation) และขอยืนยันว่าพรรคประชาชน ยังคงเคารพในเสรีภาพของการแสดงออก (Freedom of Expression) และเปิดกว้างยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ จากทั้งคนที่เห็นตรง และเห็นต่าง อยู่เสมอ
.
ผมคิดว่าเหตุผลความจำเป็นที่ต้องฟ้องในครั้งนี้ มีประเด็นสำคัญอยู่ 3 ประเด็น คือ
.
1. การกล่าวหาในลักษณะที่สื่อว่าพรรคประชาชน มีส่วนเกี่ยวพันกับการก่อการร้าย นั้นเป็นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ และมีความเป็นไปได้ว่าผู้ที่เผยแพร่ มีเจตนาที่จะเผยแพร่ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จ รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต หรือมีความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงต่อความจริง ทั้งๆ ที่อยู่ในวิสัยที่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ แต่ก็ไม่กระทำ หลักฐานอ้างอิงที่นำมาเชื่อมโยงเพื่อกล่าวหา ก็ปราศจากน้ำหนักที่มีนัยสำคัญ เป็นการเชื่อมโยงเอาเองตามอคติ
.
ซึ่งถือเป็น “ความมุ่งร้ายโดยเจตนา” (Actual Malice)
.
ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา Barry Goldwater อดีตวุฒิสมาชิก ก็เคยฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทต่อ Fact Magazine และผู้จัดพิมพ์ Ralph Ginzburg หลังจากที่นิตยสารดังกล่าวเผยแพร่บทความในปี 1964 ซึ่งอ้างว่า Goldwater มีปัญหาทางจิต และไม่เหมาะสมสำหรับตำแหน่งประธานาธิบดี บทความนี้ได้รับความคิดเห็นจากจิตแพทย์ที่ไม่ได้ตรวจสุขภาพจิตของ Goldwater โดยตรง ซึ่งนำไปสู่การถกเถียงครั้งใหญ่ในวงการสื่อ และจิตเวชศาสตร์
.
ในที่สุด ศาลได้พิจารณาว่ากรณีนี้เป็น ความมุ่งร้ายโดยเจตนา (Actual Malice) และพิพากษาให้ Goldwater ชนะคดี โดยได้รับค่าชดเชย $1 และค่าเสียหายเชิงลงโทษ (Punitive Damages) อีก $75,000
.
(ต่อ)
2. การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จในครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพรรคประชาชนโดยลำพัง แต่ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อสาธารณะอย่างร้ายแรง ความเคียดแค้นชิงชังที่เกิดขึ้น จากข้อความเท็จที่ใส่ร้ายว่าพรรคประชาชนเกี่ยวพันกับการก่อการร้าย นั้นส่งผลกระทบต่อความปรองดองของประชาชน และอาจก่อให้เกิดความแตกแยก และความรุนแรงระหว่างประชาชนด้วยกันเอง การฟ้องร้องในครั้งนี้ พรรคประชาชนจึงไม่ได้ดำเนินการด้วยความโกรธ หรือต้องการที่จะตอบโต้ แต่มีเจตนาที่ต้องการจะปกป้องสาธารณะ จากผลกระทบของการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จในครั้งนี้
.
ผมเชื่อว่า หากเป็นการด่าทอต่อว่าในทางที่ทำให้พรรคเสียหาย โดยที่ไม่มีผลกระทบต่อสาธารณะ ต่อให้เป็นการด่าทอด้วยถ้อยคำผรุสวาท ผมก็เชื่อว่าพรรคประชาชนจะไม่มีทางฟ้องอย่างแน่นอนครับ
.
3. การฟ้องของพรรคประชาชนในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการดำเนินคดีอาญา ไม่ได้ต้องการให้ผู้เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จต้องถูกจำคุก หรือต้องรับโทษทางอาญา แต่เป็นการฟ้องร้องในทางแพ่ง เพื่อให้ผู้กระทำได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงในสิ่งที่ตนกล่าวอ้าง และในกรณีที่ผู้เผยแพร่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ผู้ที่เผยแพร่ก็ควรต้องรับผิดชอบต่อสาธารณะตามสมควร โดยที่พรรคไม่ได้หวังที่จะเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินทองมหาศาลจากผู้ที่กระทำ แต่อย่างใด
.
ผมคิดว่า หากผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ยอมรับผิด และขอโทษต่อสาธารณะ พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะไม่กระทำการในลักษณะนี้อีก ผมก็เชื่อว่าพรรคประชาชน ก็พร้อมที่จะพิจารณายุติการฟ้อง หรือถอนฟ้อง การขอโทษ ก็เพียงขอโทษต่อสาธารณะก็พอครับ ไม่จำเป็นต้องขอโทษพรรคประชาชนก็ได้ พอขอโทษต่อสาธารณะเสร็จ จะกลับมาด่าพรรคประชาชนต่อเลยก็ได้ครับ จะไม่ชอบ หรือจะเกลียดพรรคประชาชนอย่างไร พวกเราพร้อมที่จะเคารพเสรีภาพในการพูด (Freedom of Speech) ของประชาชนทุกคนอยู่แล้วครับ
.
หวังว่าทรรศนะของผมต่อการฟ้องของพรรคประชาชน จะทำให้ทุกคนเข้าใจถึงความจำเป็นในการปกป้องสาธารณะ และมีความสบายใจมากขึ้นนะครับ
.
ขอบคุณครับผม
(^/!\^)
.....
‘ปกรณ์วุฒิ’ แจงปมจ่อฟ้องคนกล่าวหาเป็นพรรคบีอาร์เอ็น บอกเลยเถิดเกินไป แต่จะอยู่ในหลักการที่ยึดถือ
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ระบุว่าพรรค ปชน.จะฟ้องบุคคลที่ออกมากล่าวหาว่าพรรค ปชน.เป็นแนวร่วมของขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี หรือบีอาร์เอ็น ในส่วนนี้รายละเอียดเป็นอย่างไรว่า คงพูดได้แค่รายละเอียดภาพกว้าง เพราะคนที่ดูเรื่องนี้คือ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค ปชน. ที่ดูฝ่ายกฎหมาย แต่พรรค ปชน.ยังมีหลักการเช่นเดิมคือเราไม่เห็นด้วยกับการฟ้องปิดปาก แต่เราก็พิสูจน์ด้วยการเตรียมยื่นร่างกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการ SLAPP (Strategic Lawsuit Against Public Participation)
นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ยืนยันว่าการป้องกันการ SLAPP นั้น เราไม่ได้เอาคำว่า “หมิ่นประมาท” ออกจากสารระบบกฎหมายไทย เราไม่ได้บอกว่าใครจะพูดอะไรก็ได้ เพียงแค่ฐานของความผิดจะต้องได้สัดส่วนกับการทำความผิดนั้น รวมถึงยืนยันว่าการดำเนินการทางกฎหมายของพรรค ปชน.ไม่ว่าเรื่องใดก็ตามจะอยู่ในหลักการที่พรรคยึดถือแน่นอน
“เรื่องนี้พรรคประเมินแล้วว่ามันเลยเถิดจากการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไปแล้ว และมีการทำกันอย่างเป็นระบบ ฉะนั้น เราจึงตัดสินใจว่าจำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิในการดำเนินคดี โดยเหตุผลที่ตัดสินใจฟ้องในกรณีนี้คือ เรื่องความรู้สึกของคนที่ได้เห็นและรับชมคลิปดังกล่าว ทุกคนรู้อยู่แล้วว่านี่ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต นี่คือการกล่าวหาว่าเราอยู่เบื้องหลังกลุ่มบางกลุ่มที่ก่อความไม่สงบ ซึ่งถือว่าเลยเถิดไปมาก จึงคิดว่าไม่ควรปล่อยให้กระบวนการที่ทำกันเป็นระบบ ซึ่งพยายามทำให้ประชาชนเข้าใจแบบนี้ต่อไปได้อีกแล้ว” นายปกรณ์วุฒิระบุ
ที่มา มติชนออนไลน์
(https://www.matichon.co.th/politics/news_4871379)