เท่านี้ก็ชี้ชัดแล้วว่า สว.ชุดปัจจุบันเป็นเผด็จการ เนื่องจากใช้เสียงข้างมากลากไป เห็นได้จากกรณีการโหวตเลือก สว.เข้าเป็นกรรมาธิการร่วม พิจารณาร่าง พรบ.การออกเสียงประชามติ ในสัดส่วนของ สว.๑๔ คน
ในการประชุมวุฒิสภาครั้งที่ ๑๘ เมื่อ ๒๑ ตุลาคม สุทนต์ กล้าการขาย หนึ่งใน สว.เสียงข้างมากเสนอชื่อ สว.ในกลุ่มของตนเข้าเป็นกรรมาธิการร่วมทั้ง ๑๔ คนตามที่ต้องการ นรเศรษฐ์ ปรัชญากร จึงเรียกร้องให้แทรก สว.เสียงข้างน้อยไว้ด้วย ๒ คน
โดยเสนอชื่อ ประภาส ปิ่นตบแต่ง และ นันทนา นันทวโรภาส เข้าเป็นกรรมาธิการร่วมฯ ด้วย ซึ่งมี สว.บางคนอภิปรายสนับสนุนว่าจะทำให้วุฒิสภาเป็นที่ยอมรับว่าคำนึงถึงเสียงข้างน้อย แต่ปรากฏว่า สว.พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ ลุกขึ้นโต้แย้ง
เขาอ้างว่ากรรมาธิการร่วมฯ จากวุฒิสภาต้องเป็นผู้ที่เห็นชอบกับมติของวุฒิสภา เมื่อออกเสียงคัดค้านร่าง พรบ.ของสภาผู้แทนราษฎร ที่อนุมัติให้ใช้การนับคะแนนความเห็นชอบด้วยเสียงข้างมากแบบปกติเท่านั้น แต่ถูก สว.คว่ำ จึงต้องตั้งกรรมาธิการร่วม
“เท่ากับว่าชื่อของกรรมาธิการร่วมฯ (ในสัดส่วนของ สว.) ต้องเป็นผู้ที่เห็นต่างกับ สส.” เท่านั้น พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ แสงเพชร หนึ่งใน สว.ที่ไม่เห็นชอบกับร่างฯ ของ สส. อภิปรายอ้างว่า ในสัดส่วนของ สส. มีกรรมาธิการจากฝ่ายเสียงข้างน้อยอยู่แล้ว
คือ นิกร จำนง และ กฤช เอื้อวงศ์ ดังนั้นในสัดส่วนของ สว.จึงไม่ต้องมีฝ่ายเสียงข้างน้อยเข้าไปเติมอีก “ควรคงรายชื่อไว้ตามเดิมที่เสนอมา” นั่นคือเป็น สว.ฝ่ายที่จัดตั้งมาโดยกลุ่มอนุรักษ์นิยมแวดล้อมพรรคภูมิใจไทย ที่เรียกกันว่า ‘สว.สีน้ำเงิน’
ถ้าชาวบ้านจะบอกว่า อย่างนี้การมี สว.เสียงข้างมากสีน้ำเงินไว้รักษาสถานะเดิมทางการเมือง ที่ติดค้างมาจากอำนาจรัฐประหารโดย คสช. เพื่อหักล้างความเปลี่ยนแปลง และก้าวหน้า ของประชาชน ก็ว่าได้ใช่ไหม
(https://www.facebook.com/thestandardth/posts/DLt4XhGRUpjNbon)