นี่หรือเปล่าที่เขาว่า “ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น” น่ะ รมว.พลังงานตอบกระทู้สด ส.ส.ฝ่ายค้าน คล้องจองตามไปเป็นปี่เป็นขลุ่ย แต่บางเม้นต์ไม่คิดอย่างนั้น บ่น รัฐบาลผสมแบบแบ่งโควต้า “ลองคิดเรื่องเลือกคนให้เหมาะสมกับงานบ้างซักนิดเถอะ”
เขาคงผิดหวังมากเมื่อ พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ลุกขึ้นตอบกระทู้สดของ ศุภโชติ ไชยสัจ ส.ส.ก้าวไกล อ้างว่าก่อนหน้ามาเป็นรัฐมนตรี ตนไม่เคยรู้ประสีประสากับเรื่องพลังงานเลย “ผมก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป เราก็ไม่รู้เรื่องหรอกครับว่าอะไรคืออะไร
ถึงเวลาเราก็ต้องไปจ่ายค่าน้ำมัน ไปเติมน้ำมัน เติมที่ปั้ม…ผมไม่เคยรู้ครับว่าน้ำมันมันคืออะไร เท่าไหร่…พอผมมาเป็นรัฐมนตรีว่าการพลังงานก็คิดเหมือนท่านศุภโชติพูด ปัญหามันเหมือนกับจะแก้ด้านซ้ายก็มาเจอด้านขวา...
ปัญหาต่างๆ ที่มันเป็นประเด็นมาถึงทุกวันนี้ รวมทั้งภาระของกองทุนน้ำมันเนี่ย มันไม่เคยมีใครคิดจะแก้ปัญหาเลยครับ ท่านพูดถูกเลยครับ มันถึงต้องเป็นแบบนี้ เพราะกฏเกณฑ์กติกาที่เรากำหนดเอาไว้กว่า ๔๐ ปี เกือบ ๕๐ ปี
มันเป็นมาแบบนี้โดยที่ไม่เคยมีใครคิดจะปรับปรุงแก้ไข ก็ใช้กันแต่กองทุนน้ำมัน” ก็พอดีที่หลักใหญ่ใจความในการอภิปรายของ ส.ส.ศุภโชติว่าถึง มาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ ๓๓ บาทต่อลิตร มันมาพร้อมกับปัญหา
ปัญหาแรกออกมาตรการนี้มาช่วยผู้ใช้น้ำมันดีเซล แล้วกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซินล่ะ กลุ่มผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ซึ่งใช้น้ำมันเบนซินเป็นหลักยิ่งหนักใหญ่ ท่านกำลังทำแบบเดิมๆ คือยกภาระไปให้กองทุนน้ำมันเข้ามารับส่วนต่างทางด้านราคา
แต่ว่าสถานะกองทุนฯ ตอนนี้ย่ำแย่ ติดลบกว่า ๑ แสน ๑ หมื่นล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นกองทุนที่สุ่มเสี่ยงต่อการล้มละลายเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าจะบอกว่าให้กองทุนฯ ไปกู้จากธนาคารพาณิชย์ โดยให้แบ๊งค์ชาติค้ำประกัน ธนาคารที่ไหนเขาจะอยากให้กู้ในเมื่อกองทุนน้ำมันเอาแต่ติดลบเพิ่มทุกวัน