อย่างนี้มันจะเป็นคดีได้อย่างไร ศาลไทยเป็นศาลพระภูมิ
อันเนื่องมาแต่การนัดสืบพยานโจทย์ ที่ศาลอาญา รัชดาฯ ในคดีที่ทนายสิทธิมนุษยชน อานนท์ นำภา ถูกกล่าวหาว่าปราศรัยในการชุมนุม “เสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาธิปไตย” เมื่อ ๓ สิงหา ๖๓ เป็นการหมิ่นประมาทกษัตริย์
คำปราศรัยนั้นเกี่ยวกับการเดินทางไปยังประเทศเยอรมนีของรัชกาลที่ ๑๐ ซึ่งฝ่ายโจทก์นำพยานมาเบิกความเพิ่มอีก ๒ ปาก และฝ่ายจำเลยต้องซักค้าน แต่ทำไม่ได้เพราะศาลไม่ยอมออกหมายเรียกเอกสารการเดินทางไปเยอรมนี อันเป็นสาระสำคัญในคดี
สำหรับการเรียกอกสารเกี่ยวกับการเดินทางไปเยอรมนีของ ร.๑๐ อันจำเป็นในการซักค้านยืนยันข้อเท็จจริงในคำปราศรัย ได้เคยมีการเรียกร้องให้ศาลสั่งนำมาประกอบการพิจารณาคดีแล้วครั้งหนึ่ง เกี่ยวกับการ)ราศรัยของอานนท์ที่สนามหลวง เมื่อ ๑๙ กันยา ๖๓
ศาลยืนกรานไม่ยอมเรียกเอกสารดังกล่าวทั้งสองครั้ง อ้างว่าให้ถามค้านพยานโจทย์เอาเองโดยไม่ต้องมีหลักฐานยืนยัน เช่นนี้ทำให้การพิจารณาคดีไม่สามารถซักค้านพยานได้ ศาลให้เลื่อนสืบพยานไปเป็น ๒๗-๒๘ พฤศจิกา ๖๗ ลากยาวไปตามสไตล์ศาลไทย