วันพุธ, เมษายน 03, 2567

กรณีศึกษาต่อศักดิ์ สุขวิมล อยากได้ทั้งหมด สุดท้ายอาจไม่เหลืออะไรเลย แถมจะพาครอบครัวซวยไปด้วย


Thanapol Eawsakul
58m ·

ไม่ควรได้ตั้งแต่ต้น แต่อยากได้ทั้งหมด
สุดท้ายไม่เหลืออะไรเลย แถมจะพาครอบครัวซวยไปด้วย
กรณีศึกษาต่อศักดิ์ สุขวิมล
....
(1)
วันนี้ศาลได้ออกหมายจับ “โจ๊ก” พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล จากการที่ ตำรวจสายพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ไปแจ้งความ แต่สุดท้ายก็ได้รับประกันตัวในชั้นตำรวจ
เกมนี้ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นการหาทางยัดคดีกับ“โจ๊ก” สุรเชษฐ์ หักพาล ที่จะเกษียณอายุปี 2474 เพื่อไม่ให้มีโอกาสกลับมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. อีกต่อไป
กล่าวสำหรับ กต่อศักดิ์ สุขวิมล คนทั้ง สำนักงาน ตำรวจแหงชาติ ุรู้ดัว่า การกำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. เพราะสิ่งเดียวที่มีก็คือนามสกุล ที่มาจากชาติกำเนิด
คือการเป็นน้องชายของสถิตย์พงษ์ สุขวิมล
ราชเลขานุการในพระองค์ เลขาธิการพระราชวัง ผู้อำนวยการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ประธานกรรมการในคณะกรรมการอำนวยการโครงการจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. รองประธานกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเป็นประธาน รองประธาน และกรรมการในองค์กรธุรกิจและองค์กรเพื่อสังคมที่ถือหุ้นโดยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เช่น ประธานกรรมการ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด กรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
ดู
‘พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล’ ผบ.ตร. คนที่ 14 เซลส์แมนที่ก้าวสู่บิ๊กตำรวจสายติดสปีด
https://www.thepeople.co/social/look-up/52319
(2)
การกำจัดสุรเชษฐ์ หักพาลทั้งนี้เพื่อปูทางให้กับ พล.ต.ท. สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่มีกำหนดเกษียณราชการปี 2576
ก่อนที่ พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช. ก.) มีกำหนดเกษียณราชการปี 2579
ได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ให้จงได้
ซึ่งทั้งคู่เป็นคนที่ได้รับ ตั๋วช้าง มาประดับ
"ตั๋วช้าง" : เส้นทางสู่ ผบ.ตร. ของ จิรภพ ภูริเดช และ สำราญ นวลมา ในอีก 10 ปี
https://www.bbc.com/thai/58770346
สำหรับ พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ที่มาถึงจุดนี้ได้เพราะเป็นน้องชายของ พลเอก จักรภพ ภูริเดช นายทหารและข้าราชการในพระองค์ชาวไทย รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ผู้บัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กรรมการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ กรรมการมูลนิธิโครงการหลวง รองประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุขทำความดีด้วยหัวใจ กรรมการในมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม กรรมการบริหารกองทุนพระราชทานสำหรับศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช
(3)
การก้าวขึ้นตำแหน่ง แบบค้ำถ่อของต่อศักดิ์ ได้รับการกล่าวถึง ในที่สาธารณะครั้งแรกก็คือการอภิปรายเรื่อง “ตั๋วช้าง” ของ รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีการโยกย้ายแต่งตั้งตำรวจไม่ชอบมาพากล โดยระบุว่ามี "ตั๋วตำรวจ" มาแทรกแซงกระบวนการแต่งตั้งโยกย้ายปกติ วันที่ 19 ก.พ. 2564
https://www.youtube.com/watch?v=jpgiZDFe0YI...
หลังจากนั้นอีก 3 ปี ต่อศักดิ์ ก็ได้รับการพิสูจน์ว่า ตั๋วช้างมีจริง
เมื่อได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันที่ 1 ตุลาคม 2567
โดยที่แคนดิเดต ตำแหน่งนี้คือ “โจ๊ก” สุรเชษฐ์ หักพาล ที่มีอาวุโสกว่า และ เวลาในการดำรงตำแหน่งอีกยาวนาน กว่า 7 ปี
และถ้าจำกันได้ท่าไม้ตาย ที่ทำให้ สุรเชษฐ์ตกจากเก้าอี้ ผบ. ตร ก็คือการที่ตำรวจคอมมานโด ได้ไปบุกบ้าน สุรเชษฐ์ในวันที่25 กันยายน 2566
ด่วน ตำรวจบุกค้นบ้าน "บิ๊กโจ๊ก" หลังพบเชื่อมโยงเว็บพนันออนไลน์
https://www.thairath.co.th/news/local/2727844
ซึ่งเอาเข้าจริงคนอย่างสุรเชษฐ์ ก็เติบโตข้ามหัวคนอื่นมาเช่นกัน แต่ข้ามหัว ในฐานะ การวิ่งเต้นผ่านตำรวจหรือการสร้างผลงาน ไม่ใช่เรื่องชาติกำเนิด
ภายหลังจากมีพระบรมโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งต่อศักดิ์ สุขวิมล วันที่ 27 กันยายน 2566
แล้วทุกอย่างดูเหมือนจะจบลงด้วยภาพที่สุรเชษฐ์ไปแสดงความยินดีกับต่อศักดิ์ในวันเดียวกัน
“บิ๊กโจ๊ก” แสดงความยินดี “บิ๊กต่อ” ผบ.ตร.คนใหม่
https://www.thaipbs.or.th/news/content/332228
(4)
แต่ทั้งหมดดูเหมือนเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นเอง
กระบวนการไล่ล่า สุรเชษฐ์ (ที่มีกำหนดเกษียณราชการปี 2574) ด้วย วัตถุประสงค์หลักก็คือทำให้พ้นจากตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อที่จะ ให้ คนอื่นๆ ได้ขึ้นมาเป็นผบ.ตร. ซึ่งหนึ่งในนั้นก็น่าจะเป็น
พล.ต.ท. สำราญ นวลมา ที่มีกำหนดเกษียณราชการปี 2576
พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ที่มีกำหนดเกษียณราชการปี 2579
แต่คนอย่างสุรเชษฐ์มีหรือจะยอม ทุกคนในวงการตำรวจเมื่อมาถึงตำแหน่งนี้ได้ ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ทั้งสิ้น
ดังนั้นการเอาคืนของ สุรเชษฐ์ ไม่เพียงแต่พุ่งเป้าไปยัง ต่อศักดิ์ สุขวิมลเท่านั้น แต่ยังลามไปถึง ครอบครัวของต่อศักดิ์ด้วย
ไพ่ที่เหนือกว่า ก็คือการที่สุรเชษฐ์ ไปตามประกบทักษิณ ชินวัตร ในการไปเยือนเชียงใหม่ และอยู่ในงานเลี้ยงต้อนรับ เศรษฐา ทวีสินด้วย ในวันที่ 18 มีนาคม 2567
อย่างที่ทราบก็คือหลังจากนั้นอีก 3 วันต่อมา ก็ตามมาด้วยการเรียกตัวทั้ง ต่อศักดิ์และสุรเชษฐ์มาช่วยงานที่สำนักงานสำนักนายกรัฐมนตรี
เศรษฐา เด้ง “ต่อศักดิ์-บิ๊กโจ๊ก” ช่วยงานสำนักนายกรัฐมนตรี
https://www.prachachat.net/politics/news-1525958
ใครเห็น คำสั่งนี้ก็จะงง เพราะการเรียกตัวสุรเชษฐ์ มาช่วยงานที่ นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเป็นคนที่กำลังถูกสอบสวนอยู่ แต่คนอย่างต่อศักดิ์ สุขวิมลที่ดำรงตำแหน่งผบ. ตร และยังไม่มีคดีความใดๆนอกเสียจากทนายตั้มได้ออกมาแฉ กลับต้องอยู่ในสภาพเดียวกับสุรเชษฐ์ หักพาล
นี่ถือว่าเป็น ชัยชนะอย่างสำคัญของสุรเชษฐ์
เท่านั้นยังไม่พอ ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ซึ่งเป็นทีมทนายของสุรเชษฐ์ ก็ยังรุกไปยัง ครอบครัวสุขวิมลต่อ
ษิทราเปิดเส้นทางเงินส่วย อ้างโยงถึงญาติ ผบ.ตร. ยืนยันไม่ได้รับงานใคร เดินหน้านำข้อมูลเข้าแจ้งความ 28 มี.ค. นี้
https://thestandard.co/sithra-opens-a-route-for-police.../
(5)
ตอนนี้เหตุนี้ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่บอบช้ำที่สุดคือ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล และครอบครัวสุขวิมล
ถึงตอนนี้อาจจะทำให้ ต่อศักดิ์ สุขวิมล กลับมาทบทวนตัวเองได้บ้างว่า ในวันที่ได้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ในวันที่ 27 กันยายน 2566 ตัวเองก็น่าจะหยุดตรงนั้นแล้ว ไม่ต้องไปกวาดล้าง ไล่ล่าสุรเชษฐ์ หักพาล ต่อเลย เพราะถ้าไม่ล่าในวันน้ ก็ไม่มีทางทีจะเอาคืนในวันนี้
และเป็นการเอาคืนที่ลุกลามไปยังครอบครัวสุขวิมลด้วย

https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/7649342648465841?ref=embed_post