นักวิชาการ ม.เชียงใหม่บอกว่า “ปัญหาพีเอ็ม ๒.๕ ประเทศไทยทำคนเดียวไม่ได้” รศ.สมพร จันทระ ประธานคณะกรรมการสนับสนุนการแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ชี้ “ที่เราสรุปได้ตอนนี้ ถ้าเราควบคุมแหล่งกำเนิด
ควบคุมการขนส่งหรือการจราจร จะลดพีเอ็ม ๒.๕ ได้ค่อนข้างน้อย ส่วนการควบคุมการเผาป่าจะลดพิเอ็มได้ค่อนข้างเยอะ อยู่ที่ประมาณ ๒๐-๕๐% ถ้าควบคุมการเผาในพื้นที่การเกษตรจะลดฝุ่นพิษได้ประมาณ ๕-๒๐%” แต่
“สำคัญที่สุดต้องควบคุมมลพิษข้ามแดน อันนี้เป็นหัวใจสำคัญ คือลดได้ถึง ๑๐๐% เลย ข้ามแดนในที่นี้คือข้ามมาจากจังหวัดอื่นด้วย ไม่เฉพาะในต่างประเทศ” แล้วอย่างนี้กรณีที่ บก.ลายจุด ทวี้ตเอาไว้ จึงเป็นการตั้งวิสัยทัศน์แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด
“ถ้ายังเหลืออีก จะซื้อรถ 4WD เพิ่ม และที่สุดคือมี UAV ติดกล้องตรวจจับความร้อน ราคา 14,000 USD” เท่านั้นเอง “วันหนึ่งเราจะขยายงานดับไฟป่าไปที่ลาว พม่า เขมร เวียดนาม เพื่อให้ควันข้ามประเทศลดลง” แสดงว่าเขารู้จริง และน่าจะทำได้
พวกอึ่งเกิดแต่ในสระจ้อย แถมหมกอยู่แต่ในกะลา มาทำปากดีว่า “ฝันไปโน่นเพื่อนบ้านเขาคงยอมมั้ง” ทำไมจะไม่ยอมล่ะ เขาจะชอบเสียอีก ข้อมูลปีที่แล้ว ลาวเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีจุดความร้อนสูงในเพื่อบ้านละแวกนี้ เมียนมาร์รองลงมา
สำหรับขณะนี้ “จุดการเผาโดยรวมของไทยจะอยู่ที่ ๑,๕๐๐ จุดในแต่ละวัน แต่ยังไม่เท่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่นที่เมียนมาร์มีมากกว่า ๕ พันจุด” โดยเพาะวันที่ ๒๕ มีนา เวลา ๗ โมงเช้า ข้อมูลจาก GISTDA “พบ ๑๐ จังหวัดมีค่าฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน
และอยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง)” เสียด้วย “อีก ๒๔ จังหวัด มีค่าฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน และอยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม)” ฉะนั้นอึ่งไข่ทั้งหลายพึงสำเหนียก การอยู่ใต้กะลาครอบไม่ทำให้ปลอดฝุ่นพิษได้หรอกนะ
(https://twitter.com/ThaiPBS/status/1772061473373593743 และ https://twitter.com/ThaiPBS/status/1772059109157949757)