มาเรียนรู้เกี่ยวกับโรค ‘ไบโพลาร์’ กันหน่อยเป็นไร ในโอกาส #วันไบโพลาร์โลก ๓๐ มีนา ของทุกปี TLHR / ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน @TLHR2014 เข้าเยี่ยม ‘น้ำ วารุณี’ ผู้ซึ่ง “ถูกจองจำในคดี #ม112 มากว่า ๙ เดือนแล้ว”
ทว่า วารุณีป่วยด้วยโรคไบโพลาร์มามากกว่า ๕ ปี นี่คือความรู้โดยประสบการณ์ที่เธอมีให้กับสังคม “คนทั่วไปจะคิดว่าโรคนี้คนเป็นในหนึ่งวันจะร้องไห้ และเดี๋ยวก็ดี อารมณ์สลับไปมา แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้น อาการไบโพลาร์จะมีช่วงระยะเวลาของมัน
ในการเป็นขั้ว ‘mania’ (ละเมอเพ้อพก) และซึมเศร้า อาจจะกินระยะเวลาเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือนก็แล้วแต่คน ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายในช่วงระยะเวลาแป๊บเดียวนั้นไม่ใช่ และคนที่ใช้ความรุนแรงก็เป็นเพราะเขาเป็นคนรุนแรง ไม่ใช่ว่าคนที่เป็นโรคนี้จะใช้ความรุนแรง”
นี่ไง เหมือนจะบอกว่า แล้วใยยังกักขังเขาอยู่ ผู้พิพากษาทั่นไม่คิดจะเรียนรู้บ้างหรือ วารุณีเคยกล่าวถึงอาการของโรคทีเธอเป็นอย่างทรงๆ ชนิด Type 2 คือ “มีช่วงที่ซึมเศร้า (depress) นานมากกว่าช่วงละเมอเพ้อพก” อาการของเธอออกไปทางใช้เงินมือเปิบ
“ใช้เงินไม่คิด ขาดสติ แต่ไม่เคยใช้ความรุนแรงหรือสุดโต่งอะไรนะ” แต่อาการซึมเศร้าของเธอยาวนาน “ช่วงซึมเศร้ามีโอกาสที่จะทำร้ายตัวเอง หนูเคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้ว ๔ ครั้ง โดยการกินยานอนหลับ” มากๆ ถึง ๕๐ เม็ด
“หนูว่าโรคไบโพลาร์รักษายากนะ เพราะว่าต้องกินยากดทั้งขั้วซึมเศร้า และขั้ว ‘เพ้อพก’ จะกดขั้วใดขั้วหนึ่งไม่ได้” เสียท่าเธอไม่ไบโพลาร์ขั้นรุนแรง แบบว่าเสพยาพอของขึ้นแล้วขึ้นค้อปเตอร์ไป ‘Bungee Jumping’ กับตุนาหงันมือรอง
เดี๋ยวนี้แค่ขี่จักรยานขวานหงายกับยอดหทัยเบอร์หนึ่ง ก็เลยถือว่าไม่ใช่ไบโพลาร์