Puangthong Pawakapan
3h·
เห็นนายกฯ เศรษฐาประกาศไม่ยุบ กอ.รมน. และจะปรับให้กองทัพไปทำงานพัฒนามากขึ้น ชี้ว่าคุณเศรษฐาไม่มีความรู้เกี่ยวกับกิจการภายในของกองทัพแม้แต่น้อยเลย
คนเดือนตุลาในพรรคเพื่อไทยรู้ดีว่าทหารไทยเข้ามาเกี่ยวข้องกับงานพัฒนาในชนบทตั้งแต่ยุคที่สู้กับคอมมิวนิสต์ แต่เมื่อคอมมิวนิสต์พ่ายแพ้ไปแล้ว งานพัฒนาชนบทกลับขยายเข้าสู่พื้นที่สังคม การเมือง และเศรษฐกิจใหม่ๆ ในเขตเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ ดิฉันขอแนะนำให้คนเดือนตุลาของพรรคเพื่อไทยเปิดงบประมาณประจำปีของกลาโหมและกอ.รมน. ให้นายกฯ ดูเป็นความรู้
ตัวเลขนี้นำมาจากงบกลาโหมปี 2564
1. งบป้องกันปราบปรามบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด 316,748,600 บาท
2. แผนบูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 11,058,000 บาท
3. แผนพัฒนาพื้นที่และเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ 7,498,500 บาท
4. แผนพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตอ. 1,778,061,500 บาท
กอ.รมน. ก็มีงบทำนองเดียวกัน ดังนี้
1. งบป้องกันปราบปรามบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด 181,698,800 บาท
2. พิทักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 52,112,400 บาท
3. งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 17,000,300 บาท
ก่อนหน้านี้มีโครงการสร้างความสามัคคีแก้ไขความแตกแยกในสังคม (บ่มเพาะอุดมการณ์หลักของชาติ)
ปัจจุบันโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวของกองทัพ มีการสร้าง Army Land มากกว่า 150 แห่งในค่ายทหารทั่วประเทศ ซึ่งไม่รู้ว่าประชาชนได้ประโยชน์อะไร
เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ภารกิจของกองทัพขยายออกไปในเรื่องที่ไม่ควรเป็นภารกิจของทหาร หลายเรื่องทหารไม่มีความเชี่ยวชาญ ใช้ภาษีของประชาชนคุ้มค่าหรือไม่ ก็ไม่มีการประเมินจากองค์กรภายนอก หลายโครงการถูกใช้เพื่อจัดตั้งและอบรมมวลชนให้จงรักภักดีต่ออุดมการของรัฐและกองทัพ
คุณเศรษฐายังกล่าวว่าอยากให้ทหารช่วยงานด้านบรรเทาสาธารณภัย นอกจากนำรถทหารมาช่วยขนคนในพื้นที่น้ำท่วมแล้ว ในเวลาที่ภาคเหนือประสบปัญหาไฟป่าในช่วงหน้าแล้งทุกปี เราเคยได้เห็นทหารออกมาช่วยแก้ดับไฟป่าหรือไม่ อย่างไร?
อันตรายของการที่ผู้นำพลเรือนขาดความรู้ความเข้าใจในกิจการทหาร และขาดเจตน์จำนงที่จะปฏิรูปกองทัพ ก็คือ แทนที่จะนำทหารออกจากการเมือง กลับช่วยขยายโอกาสให้ทหารเข้ามามีบทบาทในสังคมและการเมืองมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ