จนแล้วจนรอด รัฐบาลเศรษฐาก็ยังไม่ตอบ หรือตอบไม่ได้ว่า โครงการแจกเงินดิจิทัล ๑ หมื่นบาท จะเอางบประมาณมาจากไหน วีระ ธีรภัทร ถึงได้โพล่งในรายการ คุยให้คิด ทางช่องไทยพีบีเอส ว่าตลาดหุ้นไม่ขึ้น เพราะดิจิทัลวอลเล็ต
“เรื่องของเรื่องไม่มีอะไรหรอก ถ้าคุณมีเงินมาใส่ มันก็จบไปตั้งนานแล้ว ปัญหามันคือเงินตั้งต้นไม่มี” ศิริกัญญา ตันสกุล ยืนยันกับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ว่าถึงอย่างไร “จะไม่ได้เป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน โดยปกติแล้วการลงทุนจะมีตัวคูณที่สูงกว่าการแจกเงิน”
ฝ่ายนังแบกนายแบกก็เอาไปโจมตี ว่าท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง “ไหนล่ะเงินลงทุน” พวกแบกขั้น I และ E ไปสุดกู่ ใช้วิธีด้อยค่า โจมตีคุณไหมแค่จบปริญญาโท มีหน้ามาวิพากษ์พวกรัฐมนตรี ทั้งที่ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เธอเอามาพูดก็เถียงกันไม่ขึ้น
ไม่วายอวดฉลาดเอาที่ผู้ว่าฯ แบ๊งค์ชาติเผย “การขยายตัวเศรษฐกิจในปีหน้า ประมาณการไว้ที่ ๔.๔%” เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ชี้ว่า “ถ้างบประมาณลดลงไปจาก ๕๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ประมาณการก็จะลดลงไปอีก”
จากที่ตั้งไว้ต่ำกว่าตัวเลข ๕% ที่รัฐบาลคาดหวัง ยิ่งถ้าเป็นตัวเลขของสำนักงบประมาณ จะยิ่งต่ำลงไปใหญ่เหลือแค่ ๓.๒% ตรงข้ามกับที่พวกแบกพยายามประโคม เห็นไหมผู้ว่าแบ๊งค์ชาติยังบอกเลยว่า ถ้ามีแจกเงินหมื่นละก็ จีดีพีจะโตขึ้น
ทว่า ตอนนี้รัฐบาลทำท่าเป๋ เปลี่ยนนั่นลดนี่ เหมือนหารูไม่เจอ รอแต่วันที่ ๓๑ ตุลา บอร์ดใหญ่ชงออกมาว่าไง แล้วค่อยว่ากันต่อไป ส่วนที่เตี๊ยมๆ เอาไว้เผื่อใช้เป็นทางหนีทีไล่ ก็มี แจกเฉพาะคนรายได้น้อยราว ๑๕-๑๖ ล้านคน ใช้งบฯ แค่ ๑๖๐,๐๐๐ ล้าน
แต่นั้นต้องไม่ให้ผู้มีรายได้ ๒๕,๐๐๐ บาทต่อเดือนขึ้นไป หรือใครที่บัญชีเงินฝากเกิน ๑ แสนบาท ก็จะมีผู้ได้สิทธิรับเงินแจกราว ๔๓ ล้านคน นี่จะใช้งบประมาณแค่ ๔๓๐,๐๐๐ ล้าน หากขยายออกไปเป็นตัดคนที่เงินเดือน ๕ หมื่นขึ้นไปออก
จะเพิ่มจำนวนผู้รับแจกเป็น ๔๙ ล้านคน ก็งบประมาณ ๔๙๐,๐๐๐ ล้านบาท รวมแล้วขนาดลดงบประมาณลง ตามที่ผู้ว่าฯ บอกจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อยกว่านั้น รัฐบาลก็ยังไม่ยอมบอกว่าจะเอาเงินจากไหนมาเป็นสารตั้งต้น
ศิริกัญญาถึงได้บอกว่า “เรื่องงบประมาณนี่มันเถียงกันไปต่อไม่ได้จริงๆ ยกเว้นแต่จะกู้เงิน ออก พรก.กู้เงินเลยก็ทำได้ทันที แต่คิดว่าเขาคงไม่ทำ”
(https://twitter.com/Jniisss_zJo/status/1718813754262192158 และ https://twitter.com/ThaiEnquirer/status/1718179999449305120)