อานนท์ นำภา
15h·
ขออภัยที่เขียนเกิน 8 บรรทัด อันที่จริงแอดไม่ได้อยากมุ่งเน้นการช่วยเหลือรายบุคคลโดยการระดมโอนเงิน เพราะในฐานะคนระดมก็ไม่สามารถบอกได้หรอกว่าเขาได้เยอะเกินไป ได้น้อยเกินไป ได้รับแบบไม่ควรได้ ที่สำคัญเราไม่ได้มีหน้าที่ไปรับผิดชอบคาดเดาหรือตอบข้อสงสัยนั้น
.
แต่มีสองสามอย่างที่อยากชี้แจง คือ
1.การช่วยเหลือใครก็ตามเป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะพิจารณาจากข้อมูลที่เขามี และวิจารณญาณของตัวเขาเอง การโอนเงินเป็นอำนาจ 100% ของเจ้าของเงิน
.
2. การวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นอยู่เสมอเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการระดมเงิน ไม่ว่าจะระดมเพื่อใช้ในการชุมนุม ระดมช่วยคน ระดมในแง่ไหนก็จะถูกวิจารณ์หรือกระทั่งตำหนิด้วย ทั้งคนระดมและคนที่ได้รับเงิน ซึ่งก็คงเป็นสิทธิ์ที่ทุกคนจะพูดได้ แม้จะมาพูดว่าไม่โอน ไม่เห็นด้วย ก็พูดได้เหมือนกัน แต่เราคงไม่ไปเถียงหรือชี้แจงอะไรด้วย และคนที่ได้รับความช่วยเหลือก็คงต้องน้อมรับคำพูดมากมายที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าเขาจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม
.
3. อย่างไรก็ตามได้อ่านสองสามความเห็นซึ่งอยากตอบ คือ
3.1 ทำไมไม่ทำมาหากิน มาขอบริจาคทำไม: ถึงจะเขียนไปแล้วว่าเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นเพื่อตั้งตัวหลังออกจากเรือนจำ ก็ยังจะมีคนพูดราวกับเงินนี้จะทำให้เขาอยู่ได้ทั้งชาติ ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงใดใดเลย
.
ระหว่างที่คนคนหนึ่งถูกขัง ครอบครัวเขาต้องรับภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ซึ่งอาจจะเป็นค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าเดินทาง ค่ากินอยู่ของคนข้างนอกและข้างใน อาจต้องหยิบยืมคนอื่น มากน้อยขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ติดอยู่ เขาอาจออกจากเรือนจำมาโดยเริ่มต้นจากการติดลบเพราะขาดรายได้มาหลายเดือนและยังเป็นหนี้ เขาจะเอาเงินที่ไหนมาเป็นทุนทำมาหากิน เมื่อเริ่มจากติดลบ
.
สมมติว่าการระดมโอนเงินหนึ่งครั้งทำให้เขาได้เงินหลักแสนขึ้นมา มันก็อยู่ที่คนที่ได้รับจะใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างไร เขาอาจใช้หมดในวันเดียว เขาอาจใช้ไปได้หลายเดือน เขาอาจนำไปต่อยอดเพื่อสร้างอาชีพ มันเป็นไปได้หมด เราเพียงแต่ช่วยสนับสนุนให้เขายืนขึ้นได้เท่านั้น ไม่ได้จะทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีแต่อย่างใด
.
ช่วยก็คือช่วย อยากช่วย เห็นควรช่วย ตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยแต่จะไปคาดหวังว่าเขาจะใช้อย่างไร มันคงเป็นไปได้ยาก ถึงเราจะเป็นเจ้าของเงินก็ตาม เพราะนี่คือเงินให้เปล่าแท้ๆ คนโอนคงหวังได้ แค่คนที่ได้รับจะใช้ดูแลครอบครัวและตัวเองให้รอดปลอดภัยในเบื้องต้นเพียงแค่นั้นและคนได้รับก็คงไม่ต้องแจกแจงหรอกว่ามีคนช่วยเหลือเขาเท่าไหร่และเขานำเงินนั้นไปทำอะไร
.
3.2 คดีระเบิดไม่ควรเรียกว่าคดีการเมืองและไม่ควรช่วย : คดีระเบิดเป็นคดีประเภทอาวุธ ใช่ แต่ก็ยังเป็นคดีการเมืองในแง่ที่มันเกิดขึ้นในการชุมนุมทางการเมือง จากเหตุแห่งการเมือง มันไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย เพราะถ้าไม่มีการชุมนุมเรียกร้องต่อสู้ในรูปแบบต่างๆ เนื่องมาจากความไม่พอใจรัฐบาล แต่ละคนก็คงใช้ชีวิตปกติ ไม่ต้องมาชุมนุมและไม่ต้องเลือกใช้วิธีใดใดก็ตามที่แต่ละคนใช้เพื่อเรียกร้อง ซึ่งทางเลือกที่จะใช้วิธีใด เป็นข้อถกเถียง วิจารณ์ ด่าทอกันมาตลอดอยู่แล้ว แอดก็แค่บอกว่าแอดมองแบบนี้ ใครจะมองยังไงก็เป็นสิทธิ์เช่นเดียวกัน
.
3.3 ทำครอบครัวเดือดร้อนเอง ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง ทำไมต้องไปช่วย : การจะทำหรือไม่ทำอะไร ถูกมองว่าเป็นทางเลือกของคนคนนั้น ขณะเดียวกันก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาเลือกได้จริงมั้ย หรือมีปัจจัยอะไรที่เขาเลือกเคลื่อนไหวแบบนั้น โดยเฉพาะบางคน บางคดี ยังไม่มีคำพิพากษาและเจ้าตัวก็ไม่ได้รับสารภาพ เราคงไม่สามารถและไม่ควรไปตีตราเขา แม้ในคดีที่ไม่ใช่คดีการเมือง ไม่ว่าผู้ต้องขังหรือผู้ที่พ้นโทษ ก็มีการรณรงค์ให้สังคมให้โอกาสพวกเขาได้กลับเข้ามาร่วมสังคมและใช้ศักยภาพที่ตัวเองมีให้เกิดประโยชน์ แล้วกับคนที่มีจุดมุ่งหมายทางการเมือง แม้เป็นคนที่ถูกรัฐบอกว่ากระทำผิดร้ายแรงภายใต้กฎหมายของรัฐ ทำไมชุมชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยและความเท่าเทียมจึงจะปฎิเสธและไม่ให้โอกาสพวกเขา
.
แอดคิดว่าเฟซบุ๊คอานนท์สามารถเป็นชุมชนของการช่วยกระจายข่าวสารผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ทุกคน การช่วยเหลือในฐานะคนเท่ากันเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับแอดแล้วมันเป็นหน้าที่ที่ควรจะทำด้วย กำลังทำอยู่และจะทำต่อไป
.
อานนท์ นำภา
12h·
27 ต.ค. 66 วันนี้ใช้เงินค่อนข้างเยอะ แต่ก็ได้ช่วยเหลือทุกคนอย่างครอบคลุมมากขึ้นเช่นกัน (29 คน)
.
อาหารและของแห้ง เรือนจำพิเศษกรุงเทพ 22 คน
จำนวน 7,470 บาท
.
อาหารสำหรับ 2 วัน เรือนจำคลองเปรม 2 คน จำนวน 855 บาท (658 บาทและ197บาท) ซื้อในชื่ออีกคนมากกว่าแต่เขาจะสามารถนำไปแบ่งกันได้เนื่องจากถูกขังอยู่ด้วยกัน
.
อาหารสำหรับ 1 คน เรือนจำมีนบุรี จำนวน 185 บาท
.
อาหารสำหรับ 1 คน รพ.ราชทัณฑ์ จำนวน 334 บาท (ต้องกินสามวัน ศุกร์-อาทิตย์)
.
โอนเงินสมทบเพิ่มจากที่กองทุนราษฎรประสงค์ช่วยเหลือวารุณี 3,000 บาท โดยทนายที่เข้าเยี่ยมได้ฝากเข้าเรือนจำให้เรียบร้อย เหตุที่โอนเป็นเงินให้วารุณีเนื่องจาก ที่รพ.ราชทัณฑ์กำหนดให้ไลน์1แอคเคาท์สามารถซื้อของให้ผู้ต้องขังได้แค่ 1 คน จึงซื้อให้เอกชัย โดยวารุณีมีครอบครัวดูแลอยู่แลอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว
.
ซื้อของใช้ อาหารแห้ง ที่จำเป็นสำหรับ 2 ผู้ต้องขังที่เรือนจำนราธิวาส กรณีนี้ลำบากหน่อยเพราะอาหารปรุงก็ซื้อไม่ได้ ต้องหาคนไปซื้อของให้ที่เรือนจำโดยตรง โชคดีที่มีคนต้องไปที่นั่นพอดี จึงได้ฝากเขาซื้อให้ เนื่องจากทางเราไม่เคยซื้อให้โดยตรงเลย จึงได้ซื้อของให้จำนวนมากพอสมควรเพราะคงไม่ได้ไปบ่อยๆแน่นอน รวมจำนวน 5,942 บาท (บิลละ 2,932 บาท และ 3,010 บาท)
.
รายละเอียดการใช้จ่ายปรากฎตามใบเสร็จและสลิปโอนเงินที่แนบมา รวมใช้จ่ายทั้งสิ้น 17,786 บาท
.
ยอดเงินคงเหลือ ณ วันที่ 27 ต.ค. 66
>> 53,120.45 บาท<<