ที่จริง ‘เสรีพิศุทธ์’ ต้องโพล่งไปเลยว่า “ลุงแก่แล้ว ขอลุงก่อน” ดีกว่าอุปมาอุปมัยอย่างผิดผีผิดไข้ ว่าเรือจะล่ม ต้องให้คนแก่ ผู้หญิง และเด็กขึ้นเรือชูชีพไปก่อน คนหนุ่มเสียสละเสี่ยงภัยอยู่ข้างหลัง นี่มันการช่วงชิงอำนาจการเมืองต่างหาก
นั่งแถลงข่าวมีฉากหลัง พวกน้าๆ อาๆ เพื่อไทยพร้อมหน้า อีกทั้งคนนั่งข้างพยักเพยิดยิ้มกริ่ม บ้างหัวร่อสมใจ นี่ละหรือสถานการณ์เรือล่ม “ควรจะสนับสนุนเพื่อไทย ให้ยังมี ๑๕๑ เสียงเพิ่มขึ้นไปอีก จะได้ไม่หนักใจในการที่จะไปหา ส.ส. สว.มาเพิ่ม”
ฟังวีรบุรุษนา ‘กรัง’ พูดเอาแต่ได้ ช่างแห้งแล้งในจิตใจเสียเหลือเกิน เกริ่นด้วยการบอกว่า พวก สว.และพรรคการเมืองลูกไล่รัฐประหารตั้งแง่รังเกียจ ‘ก้าวไกล’ แล้วมาตลบท้ายให้ว่า “จะทำยังไงล่ะ ถ้ายังยืนยันอยู่ เพื่อไทยก็ไม่ผ่านหรอก เชื่อผมสิ
แต่ถ้าเสียสละก็คงพอไปได้” เสียสละอย่างไรล่ะ ช่วยโหวตให้แล้วไสหัวไปงั้นหรือ ไม่เช่นนั้นถ้าอยากอยู่ด้วยก็ต้องยอมศิโรราบตามที่พวกนั้นเรียกร้อง พวกลุงๆ น้าๆ จะได้ครองอำนาจสบายๆ ง่ายด้วย ไม่มีใครคอยตรวจสอบเหมือนรัฐบาลที่แล้วโดน
อยากให้ไปอ่านโพสต์ของ I’m from Andromeda สักนิด เขาเขียนเรื่อง “หลักฐานประวัติศาสตร์ครั้งแรกของ (การ) เสียสละให้ผู้หญิงและเด็กก่อน” เล่าตั้งแต่เหตุการณ์ไฟไหม้บนเรือ จากนิวยอร์คไปยังเมืองเลออาฟวร์ ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส
นั่นเมื่อปี ค.ศ.๑๘๔๐ ที่มีคำพูดว่า “ดูแลผู้หญิงและเด็กก่อน” ซึ่งสะท้อนสะท้านไปทั่วทั้งสองฝั่งแอ๊ตแลนติค และได้รับการปฏิบัติตามนั้นแทบทุกครั้งที่เกิดโศกนาฏกรรมของเรือเดินสมุทร จนมาแทบสุดโต่งในปี ๑๘๖๐ ในนิยายเรื่องกัปตันแฮริงตัน
กัปตันคนนี้จบชีวิตพร้อมเรือที่อับปาง แต่นั่นหลังจาก “เขาสั่งให้เด็กและผู้หญิงลงเรือก่อน ชายใดที่แตะเรือก่อนเด็กและผู้หญิงเขาจะฆ่า...และสุดท้ายเมื่อช่วยทุกคนเสร็จ แฮร์ริงตันก็จมลงไปพร้อมกับเรือ” วีรบุรุษนากรังควรเอาอย่าง
เขาเล่าไปถึงยุค ‘ไทแทนิค’ พวกชายกลาสีเรือที่รอดชีวิตมาได้ “ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นคนขี้ขลาดไปตลอดชีวิต” เขาลงท้ายว่า “การเสียสละให้คนอื่น เป็นการกระทำที่น่ายกย่อง แต่กลับกัน คนที่บอกให้คนอื่นเสียสละโดยที่ตัวเองไม่เสียสละนั้น
นอกจากจะเห็นแก่ตัวและทุเรศแล้ว ยังจะถูกสังคมตีตราว่าเป็นวีรบุรุษจอมปลอม” อีกด้วย
(https://www.facebook.com/imfromandromed/posts/SSWUBJKSeL4x และ https://twitter.com/Thairath_News/status/1682345840403431424)