สาวความยืดนะนี่ นางสาวจินตนา ศรีสารคาม ผู้อำนวยการ ตอ.พัฒนาการ ออกแถลงการณ์ฉบับ ๒ ยืนกราน ‘หยก’ “ไม่มีสภาพการเป็นนักเรียน” เพราะไม่มีผู้ปกครองไปมอบตัวตามระเบียบ ผู้ปกครองในที่นี้คือ ‘มารดา’ ผู้ซึ่งหนีหาย ไม่ยอมรับผิดชอบ
แล้วก็ผลักไสอีกครั้ง “ยังมีหน่วยงานทางการศึกษาอื่นที่ สามารถดูแลการเรียนต่อให้เหมาะสมตามความต้องการได้” เท่านั้นไม่พอ กล่าวหาใส่ร้ายอย่างขาดสำนึกปุถุชน “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อความไม่ปลอดภัยในการดำเนินชีวิต”
โอ้แม่จ้าว ขนาดนั้นเลยเชียว ว่าเด็กหญิงวัย ๑๕ ปีคนนี้เป็นอันตรายต่อ “นักเรียน ครู บุคลากร และผู้ปกครอง รวมทั้งอาคารสถานที่และทรัพย์สินอื่น ๆ ของโรงเรียน” จากการพยายามเข้าชั้นเรียน โดยย้อมสีผมและไม่ยอมแต่งเครื่องแบบ
“ไม่ใช่หนูดื้อแพ่งโง่ๆ แต่หนูคิดว่า สิ่งที่ทำอยู่ในโรงเรียนในประเทศคือเรื่องไม่ปกติ เด็กหลายคนก็คงอยากแต่งตัวไปรเวทเหมือนกันแหละ แต่อาจจะถูกพ่อแม่ไม่ให้ สังคมไม่ให้” ใช่เลย ดังที่หยกว่าโครงสร้างสังคมที่กดทับ จนไม่สามารถเป็นเจ้าของร่างกายตนเองได้
“สังคมไทยก็ต้องเปลี่ยนตอนนี้ ถ้าไม่ใช่ตอนนี้แล้วจะเป็นตอนไหนคะ พูดในฐานะที่ตัวเองเป็นเยาวชนเพราะเปลี่ยนเพื่อให้หนูได้อยู่ต่อ ให้เพื่อนๆ ทุกคนได้ไปต่อพร้อมกัน...สิ่งที่หนูทำไม่ได้เป็นเรื่องฆ่าคนตาย (แต่) เป็นการแสดงออกทางความคิดผ่านสัญญะ”
อะไรกัน ผู้อำนวยการโรงเรียน ลุแก่อำนาจขนาดมุสากล่าวหาร้ายแรงมากเพียงนั้น ทั้งที่ “หยกเคยโดนตำรวจล้วงเข้าไปในเสื้อเพื่อเอาไอแพด...ถูก อานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำกลุ่มโหนสถาบันขู่ฆ่า ถ้ามึงไม่ยอมรับกระบวนการของศาล กูจะฆ่ามึง”
มีแต่เสียงของผู้เข้าใจบริบทจริงจัง โดยไม่มีม่านประเพณีและ/หรือจริตคนดีย์มาบดบังเท่านั้น ชี้ช่อเหมาะควร “เห็นที่ว่าจะต้องฟ้องศาลให้คุ้มครองสิทธิของน้องหยกเป็นการฉุกเฉิน จะได้เป็นการรักษาสิทธิของน้องในเบื้องต้น” Parit Chiwarak แนะ
Sunai @sunaibkk แห่งฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์เห็นพ้องดังนั้น ในเมื่อ “กฎหมายได้กำหนดไว้ว่าผู้ปกครองไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อแม่” (Parit แจง) และ (Sunai เสริม) “เปิดช่องให้ผู้ที่ดูแลอุปการะทำแทนได้ แต่โรงเรียนก็ไม่ผ่อนผัน”
เท่ากับว่าโรงเรียนนั่นแหละฝ่าฝืนกฎหมายเสียเอง
(https://www.facebook.com/paritchi/posts/LUkAAx1JXAL, https://twitter.com/sunaibkk/status/1670014790511783936/photo/1 และ https://www.facebook.com/permalink=100088172342826)