ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี
June 15
·
ความจริงและความเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมกาลเวลา
ดูภาพจากข่าวสดออนไลน์ มีภาพน่าเอ็นดูของหนูน้อยวัยประมาณ6-8ขวบ เกาะประตูรั๊วโรงเรียนที่จังหวัดลำปางพร้อมตะโกน”ก้าวไกล-พิธา” แถมมีบางคนชู 3นิ้วอีกด้วย ทำให้เดาได้ว่า พ่อแม่ซึ่งคงอยู่ในวัยประมาณ 25-35ปี เชียร์คุณพิธาจนลูกได้ยินติดหู หรือไม่ก็เด็กอาจจะดู TikTok จนชื่นชมคุณพิธาเอง นี่แหละคือความจริง ความเดียงสา และความอยากรู้อยากเห็นของเด็กในยุคปัจจุบัน
อีกภาพหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ผ้าผืนน้อยที่ห้อยอยู่ที่ประตูโรงเรียน ซึ่งถูกเด็กม้วนตลบขึ้นไปเพื่อให้พวกเขาสามารถมองเห็นตัวจริงและเชียร์คุณพิธา สมัยนี้จะไปปิดบังซ่อนเร้นกันต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าถามว่า ใครมาปิดผ้าและปิดทำไม คำตอบก็อาจจะเป็นพวกครูหรือภารโรงมาติดไว้มั๊ง เพราะไม่ต้องการให้เด็กได้เห็น ได้ยินคุณพิธาพูดเรื่องการเมือง คนเหล่านี้ก็อาจจะถูกกล่าวหาว่า เป็นพวกหัวโบราณ (Conservative) เพราะสมัยนี้แล้วยังคิดว่า เด็กมันเล็กเกินไป ยังไม่เดียงสาหรือเห็นว่า โรงเรียนเป็นสถานที่เรียนอย่างเดียว แต่เด็กเหล่านี้เดี๋ยวนี้ไม่คิดแบบนั้นแล้ว กาลเวลามันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว นี่คือgeneration gabหรือช่องว่างระหว่างวัย และมุมมองที่ต่างกัน
คุณพิธาปราศัยพร้อมชี้ไปที่หอนาฬิกาแล้วอธิบายว่า นาฬิกาและเวลาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่หยุดไม่ได้ อย่าไปเกรงกลัว ซึ่งผมเห็นด้วย 100% ตัวผมเองแม้จะอายุ 78ปีแล้ว แต่ก็ยังคงพยายามศึกษา พยายามเข้าใจสิ่งต่างๆรอบตัวและพร้อมปรับตัวอย่างต่อเนื่อง (หากผมคิดและพิสูจน์แล้วว่า ถูกต้อง) บุคคลที่เข้าใจผมมากที่สุดในเรื่องนี้ก็คือท่านอดีตนายกทักษิณ ท่านจะพูดเสมอเวลาคุยกันว่า”คุณปลอดประสพน่ะ ถึงแม้เขาจะมีอายุเยอะ แต่เขามีการศึกษาสูงมากและเป็นคนทันสมัยเสมอ”
ดังที่ผมย้ำว่า ความจริงและการเปลี่ยนแปลงเป็นของคู่กัน จะเห็นได้จากข่าวเช้านี้ที่ปักษ์ใต้มีพยาบาลคนหนึ่งยึดถือหลักของโรงพยาบาล สั่งให้คนไข้รอหมอ แทนที่จะรีบไปตามหมอเพราะคนไข้มีอาการหนัก สุดท้ายคนไข้หญิงที่มีอายุน้อยก็สิ้นลมไปต่อหน้าพยาบาลคนนั้น นี่ถ้าหากพยาบาลคนดังกล่าวพยายามค้นหาความจริง และยอมเปลี่ยนแปลงกติกา (อันคร่ำครึ)และรีบไปตามแพทย์ คนไข้ก็อาจจะรอดได้
ยังมีตัวอย่างอีกเรื่องคือ เลขาธิการปปช.ยอมออกมาพูดความจริงหลังรับรู้มาเกือบ 4ปีแล้วว่า คุณพิธาถือหุ้น ITVในฐานะผู้จัดการมรดกโดยมีหนังสือหลักฐานจากศาล นี่หากพูดมาก่อนหน้านี้เรื่องราวต่างๆของคุณพิธาก็จะเปลี่ยนแปลง คุณสรยุทธ์ คุณดนัยก็จะได้เอาเวลาไปออกข่าวสำคัญอย่างอื่นได้บ้าง มาถึงตอนนี้คุณพิธาก็ได้แจ้งว่าได้โอนหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดกให้น้องไปแล้ว นักกฏหมายก็ได้ตีความว่า ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่า คุณพิธาไม่เคยถือหุ้นมาก่อนเลย แต่ปัญหาที่น่าห่วงและกำลังจะตามมาก็คือ บรรดานักร้องและผู้ร่วมทำเอกสารซึ่งมีคนตั้งข้อสังเกตว่า เท็จ จะอยู่อย่างไร
ผมขอเสนอคุณพิธาว่า ไหนๆก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่หนุ่มที่สุดแล้ว คุณพิธาควรแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ อโหสิกรรมยกโทษให้พวกเขาเหล่านั้นเสีย โดยมีข้อแม้ว่า ต้องออกมาพูดความจริงและออกมาขอโทษต่อสังคม คุณพิธาเอาเวลาไปทำงานตามที่สัญญากับประชาชนดีกว่า เชื่อพี่(รุ่นพี่ที่ BBC) หรือลุงปลอด(รุ่นพี่บิดาคุณพิธาที่เกษตร) เถิด จำคำกลอนนี้ไว้ให้ดี “น้ำเหม็นมล้างสิ่งเหน้า ไฉนหยุด มล้างอุทกบริสุทธิ์ เสื่อมร้าย”
พอเถิดครับ”นิติสงคราม” หากยังดื้อดึงดันต่อๆไป มันจะลามเสียหายไปยังอีกหลายองค์กร แล้วประเทศมันจะไม่เหลืออะไรให้ยึดถือ
(https://www.facebook.com/photo/?fbid=786973589552387&set=a.470681734514909)
·
ความจริงและความเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมกาลเวลา
ดูภาพจากข่าวสดออนไลน์ มีภาพน่าเอ็นดูของหนูน้อยวัยประมาณ6-8ขวบ เกาะประตูรั๊วโรงเรียนที่จังหวัดลำปางพร้อมตะโกน”ก้าวไกล-พิธา” แถมมีบางคนชู 3นิ้วอีกด้วย ทำให้เดาได้ว่า พ่อแม่ซึ่งคงอยู่ในวัยประมาณ 25-35ปี เชียร์คุณพิธาจนลูกได้ยินติดหู หรือไม่ก็เด็กอาจจะดู TikTok จนชื่นชมคุณพิธาเอง นี่แหละคือความจริง ความเดียงสา และความอยากรู้อยากเห็นของเด็กในยุคปัจจุบัน
อีกภาพหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ผ้าผืนน้อยที่ห้อยอยู่ที่ประตูโรงเรียน ซึ่งถูกเด็กม้วนตลบขึ้นไปเพื่อให้พวกเขาสามารถมองเห็นตัวจริงและเชียร์คุณพิธา สมัยนี้จะไปปิดบังซ่อนเร้นกันต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าถามว่า ใครมาปิดผ้าและปิดทำไม คำตอบก็อาจจะเป็นพวกครูหรือภารโรงมาติดไว้มั๊ง เพราะไม่ต้องการให้เด็กได้เห็น ได้ยินคุณพิธาพูดเรื่องการเมือง คนเหล่านี้ก็อาจจะถูกกล่าวหาว่า เป็นพวกหัวโบราณ (Conservative) เพราะสมัยนี้แล้วยังคิดว่า เด็กมันเล็กเกินไป ยังไม่เดียงสาหรือเห็นว่า โรงเรียนเป็นสถานที่เรียนอย่างเดียว แต่เด็กเหล่านี้เดี๋ยวนี้ไม่คิดแบบนั้นแล้ว กาลเวลามันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว นี่คือgeneration gabหรือช่องว่างระหว่างวัย และมุมมองที่ต่างกัน
คุณพิธาปราศัยพร้อมชี้ไปที่หอนาฬิกาแล้วอธิบายว่า นาฬิกาและเวลาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่หยุดไม่ได้ อย่าไปเกรงกลัว ซึ่งผมเห็นด้วย 100% ตัวผมเองแม้จะอายุ 78ปีแล้ว แต่ก็ยังคงพยายามศึกษา พยายามเข้าใจสิ่งต่างๆรอบตัวและพร้อมปรับตัวอย่างต่อเนื่อง (หากผมคิดและพิสูจน์แล้วว่า ถูกต้อง) บุคคลที่เข้าใจผมมากที่สุดในเรื่องนี้ก็คือท่านอดีตนายกทักษิณ ท่านจะพูดเสมอเวลาคุยกันว่า”คุณปลอดประสพน่ะ ถึงแม้เขาจะมีอายุเยอะ แต่เขามีการศึกษาสูงมากและเป็นคนทันสมัยเสมอ”
ดังที่ผมย้ำว่า ความจริงและการเปลี่ยนแปลงเป็นของคู่กัน จะเห็นได้จากข่าวเช้านี้ที่ปักษ์ใต้มีพยาบาลคนหนึ่งยึดถือหลักของโรงพยาบาล สั่งให้คนไข้รอหมอ แทนที่จะรีบไปตามหมอเพราะคนไข้มีอาการหนัก สุดท้ายคนไข้หญิงที่มีอายุน้อยก็สิ้นลมไปต่อหน้าพยาบาลคนนั้น นี่ถ้าหากพยาบาลคนดังกล่าวพยายามค้นหาความจริง และยอมเปลี่ยนแปลงกติกา (อันคร่ำครึ)และรีบไปตามแพทย์ คนไข้ก็อาจจะรอดได้
ยังมีตัวอย่างอีกเรื่องคือ เลขาธิการปปช.ยอมออกมาพูดความจริงหลังรับรู้มาเกือบ 4ปีแล้วว่า คุณพิธาถือหุ้น ITVในฐานะผู้จัดการมรดกโดยมีหนังสือหลักฐานจากศาล นี่หากพูดมาก่อนหน้านี้เรื่องราวต่างๆของคุณพิธาก็จะเปลี่ยนแปลง คุณสรยุทธ์ คุณดนัยก็จะได้เอาเวลาไปออกข่าวสำคัญอย่างอื่นได้บ้าง มาถึงตอนนี้คุณพิธาก็ได้แจ้งว่าได้โอนหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดกให้น้องไปแล้ว นักกฏหมายก็ได้ตีความว่า ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่า คุณพิธาไม่เคยถือหุ้นมาก่อนเลย แต่ปัญหาที่น่าห่วงและกำลังจะตามมาก็คือ บรรดานักร้องและผู้ร่วมทำเอกสารซึ่งมีคนตั้งข้อสังเกตว่า เท็จ จะอยู่อย่างไร
ผมขอเสนอคุณพิธาว่า ไหนๆก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่หนุ่มที่สุดแล้ว คุณพิธาควรแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ อโหสิกรรมยกโทษให้พวกเขาเหล่านั้นเสีย โดยมีข้อแม้ว่า ต้องออกมาพูดความจริงและออกมาขอโทษต่อสังคม คุณพิธาเอาเวลาไปทำงานตามที่สัญญากับประชาชนดีกว่า เชื่อพี่(รุ่นพี่ที่ BBC) หรือลุงปลอด(รุ่นพี่บิดาคุณพิธาที่เกษตร) เถิด จำคำกลอนนี้ไว้ให้ดี “น้ำเหม็นมล้างสิ่งเหน้า ไฉนหยุด มล้างอุทกบริสุทธิ์ เสื่อมร้าย”
พอเถิดครับ”นิติสงคราม” หากยังดื้อดึงดันต่อๆไป มันจะลามเสียหายไปยังอีกหลายองค์กร แล้วประเทศมันจะไม่เหลืออะไรให้ยึดถือ
(https://www.facebook.com/photo/?fbid=786973589552387&set=a.470681734514909)