นิโคลล์ เพโชทู วัย 8 ขวบ เข้าร่วมเมนซา บราซิล
เด็กปัญญาเลิศ (Gifted Child) : ดูตรงไหนว่าลูกเรามีขีดความสามารถสูงพิเศษ
บรูนา อัลเวส
บีบีซี นิวส์ บราซิล ในเซาเปาโล
24 ธันวาคม 2022
แนวคิดเรื่องเด็กปัญญาเลิศ หรือ เด็กที่มีขีดความสามารถสูง ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่
ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายหนึ่ง ได้แก่ นักประสาทวิทยาศาสตร์และนักประสาทจิตวิทยา อ้างว่า มีเพียงเด็กที่มีไอคิว (IQ ย่อมาจาก intelligence quotient คือ ความฉลาดทางด้านสติปัญญา) สูงกว่าค่าเฉลี่ยเท่านั้นจึงจะถือว่าเป็นเด็กปัญญาเลิศ
ส่วนอีกฝ่าย คือ ครู, ผู้ฝึกสอนด้านกีฬา บอกว่า ความเก่งกว้างกว่านั้น และเด็กที่มีขีดความสามารถสูงในด้านต่าง ๆ ก็ควรถือว่าเป็นเด็กเก่งด้วย การถกเถียงนี้ยังไม่จบ
อย่างไรก็ตาม มีความเห็นตรงกันอยู่ว่า เด็กที่ทดสอบไอคิว ซึ่งเป็นการวัดความฉลาด หากได้เปอร์เซ็นไทล์มากกว่า 97 คือเด็กปัญญาเลิศ
เทโอ คอสตา ริเบรู เด็กวัย 6 ขวบจากนครเซาเปาโลของบราซิล เป็นหนึ่งในเด็กเหล่านี้ เขาเริ่มพูดคำแรกตั้งแต่อายุ 6 เดือน พออายุได้ 18 เดือน ก็เริ่มพูดเป็นประโยคได้ แล้วก็เริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาล
อิกอร์ ริเบรู พ่อของเทโอ กล่าวกับบีบีซีว่า "เขาเห็นคำและขอให้เราอธิบายว่า แต่ละตัวอักษรคืออะไร จากนั้นก็ถามไม่หยุด แต่ก็ไม่ใช่คำถามไร้เหตุผล"
ริเบรูบอกว่า ทางครอบครัวไม่ได้บังคับให้ลูกชายทำอะไรเลย แต่ก็ไม่เคยเพิกเฉยต่อความอยากรู้อยากเห็นของเขาเช่นกัน ทางครอบครัวได้พาเทโอไปพบกับนักจิตวิทยาประสาทซึ่งได้วัดระดับความฉลาดของเขา และพบว่า ระดับของเทโอนั้นเกินกว่าระดับเด็กปัญญาเลิศ โดยขณะที่อายุ 5 ขวบ เทโอมีความฉลาดทั้งด้านสติปัญญาและอารมณ์เทียบเท่ากับเด็กวัยรุ่น 14-15 ปี
การเป็นเช่นนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า เทโอมีพฤติกรรมที่ต่างไปจากเด็กปกติ เขาก็ยังคงชอบออกไปเที่ยวเล่น หาเพื่อนเล่น ชอบเรียนพละ และชื่นชอบไดโนเสาร์อย่างมาก ซึ่งเป็นที่มาของการสร้างช่องยูทิวบ์ของตัวเอง
เทโอชื่อชอบไดโนเสาร์อย่างมาก และมีช่องยูทิวบ์ของตัวเอง
เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา เทโอ เป็นชาวบราซิลอายุน้อยที่สุดที่ได้เข้าร่วมสมาคมเมนซาระหว่างประเทศ (Mensa International) สมาคมที่นำคนไอคิวสูงมารวมตัวกัน
ปัจจุบัน นอกจากเข้าเรียนที่โรงเรียน เทโอยังเรียนดนตรีและฟุตบอลด้วย
"สิ่งที่เราขาดคือ แรงจูงใจจากรัฐบาลและโรงเรียนของเราในการมอบสิ่งที่จำเป็นให้แก่เด็กเหล่านี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ 'ถูกใช้' ในแบบที่เป็นไปได้ที่ดีที่สุด" ริเบรู กล่าว
พ่อของเทโอ อ้างว่า เขาต้องไปขึ้นศาลเพื่อขออำนาจให้เทโอเข้าเรียนโรงเรียนประถม
เรื่องราวของนิโคลล์
พ่อของนิโคลล์ เพโชทู วัย 8 ขวบ เล่าว่า เธอเริ่มพูดคำแรกตอนอายุ 6 เดือน
พ่อแม่ของเทโอไปศาลเพื่อขอให้ศาลอนุญาตให้เขาเข้าเรียนประถมก่อนเกณฑ์ได้
เจสซิกา เพโชทู แม่ของนิโคลล์ เล่าว่า "ตอนอายุ 1 ขวบ ฉันเคยซื้อตุ๊กตาให้ลูก แต่ของเล่นที่ลูกโปรดปรานที่สุดคือดินสอและกระดาษ"
พออายุได้ 2 ขวบ ขณะเข้าเรียนโรงเรียนอนุบาล นิโคลล์ ก็มีความโดดเด่นกว่าเด็กคนอื่น ๆ
ในปี 2021 ขณะที่นิโคลล์อายุได้ 7 ขวบ ก็ได้เข้าโรงเรียนในรัฐริโอเดจาเนโร และพ่อแม่ของเธอก็ได้รับคำแนะนำว่าให้พาเธอไปวัดไอคิว
ปัจจุบัน นิโคลล์เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แต่สามารถทำโจทย์เลขของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 6 ได้
นิโคลมีความอยากรู้อยากเห็นมาก และฝันอยากจะเป็นหมอ แต่เธอชื่นชอบวิชาคณิตศาสตร์
ตอนอายุได้ 6 ขวบ เธอขอให้พ่อเล่นคีย์บอร์ด แล้วเขาก็อธิบายหลักการเล่นพื้นฐานให้เธอฟัง
"แล้วเธอก็นั่งลงเริ่มเล่นเพลงด้วยตัวเอง" แม่ของนิโคลล์เล่า
พ่อแม่ของนิโคลล์บอกว่า นิโคลล์มีความสามารถทางคณิตศาสตร์และดนตรี
เด็กหญิงไม่มีปัญหาด้านความสัมพันธ์ แต่เธอกลับหาเพื่อนได้ง่ายและปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้เร็วด้วย
นิโคลล์เป็นสมาชิกของเมนซา บราซิล (Mensa Brazil) เช่นกัน
จะหาตัวเด็กเก่งได้อย่างไร
สัญญาณการฉลาดเกินวัยไม่ใช่เด็กเก่งเสมอไป แต่การทดสอบต่าง ๆ อาจบอกได้โดยเฉพาะการตรวจวัดไอคิว ซึ่งเป็นการทำความเข้าใจขีดความสามารถของกระบวนการทางสติปัญญา
การประเมินผลนี้ทำโดยนักจิตวิทยา, นักประสาทจิตวิทยา ครูและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง โดยระบุว่า ลักษณะที่อาจบ่งชี้ถงการเป็นเด็กเก่งมีหลายอย่างรวมถึง
- อยากรู้อยากเห็นอย่างมาก
- เข้าใจคำศัพท์เกินวัย
- เรียนรู้ไว และมีขีดความสามารถทางสติปัญญาสูงมาก
- ให้เหตุผลได้ไว
- มีความเป็นผู้นำและมั่นใจในตัวเอง
- มีความจำเยี่ยม
- มีความคิดสร้างสรรค์
- มีความสามารถในการปรับตัวและดัดแปลงแนวคิดต่าง ๆ
- ช่างสังเกต
- พยายามไปให้ถึงเป้าหมายโดยไม่ย่อท้อ
"มีคนเก่งจำนวนมากที่เรียนได้เกรดไม่ดีในโรงเรียน เพราะขาดแรงกระตุ้น บางครั้งวิธีการสอนแบบซ้ำ ๆ และบริบทในชั้นเรียนอาจจะทำให้เด็กเก่งรู้สึกหงุดหงิด และทักษะต่าง ๆ ของพวกเขาก็ไม่พัฒนา" ดร.ฟาบิอานู เด อาเบรอู นักประสาทวิทยาศาสตร์ อธิบาย
ผู้เชี่ยวชาญยังคงถกเถียงกันเรื่องนิยามของความเก่ง
ในบราซิลและอีกหลายประเทศ ไม่มีระบบการหาตัวคนเก่งอย่างเป็นทางการ คนเก่งเหล่านี้ "ถูกค้นพบ" โดยครอบครัวของพวกเขาเอง ทางโรงเรียนและเพื่อน ๆ บรรดานักวิจัยประเมินว่า จำนวนของเด็กเก่งต่ำกว่าความเป็นจริงมาก
กีฬา, ศิลปะ, การพัฒนาทางวิชาการ เป็นความเก่งหรือไม่
จากข้อมูลของสภาความเก่งบราซิล (Brazilian Council for Giftedness—ConBraSD) ระบุว่า คนเก่งถูกจัดอยู่ใน 2 กลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกคือ คนเก่งด้านวิชาการ ซึ่งได้ผลการเรียนดีและมีความสามารถในการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ กลุ่มที่สองคือ กลุ่มที่เรียกว่า "มีผลิตภาพและ/หรือสร้างสรรค์"
สำหรับพริสซิลา ซายา หัวหน้าด้านจิตวิทยาของเมนซา บราซิล สติปัญญาและความสามารถสูงเป็นส่วนหนึ่งของความเก่ง
"อย่างไรก็ตาม การถูกมองว่า เก่ง คนต้องแสดงถึงลักษณะที่เกี่ยวข้องทางด้านสังคมและอารมณ์ด้วย พวกเขาเป็นคนที่มีความอ่อนไหวและเห็นอกเห็นใจคนอื่น, มีสำนึกในด้านความยุติธรรมสูง, ช่างสังเกต และสนใจในรายละเอียด" ซายา กล่าว
"นอกจากนี้ยังมีหลายทักษะที่เกินกว่าด้านสติปัญญาซึ่งจะปรากฏในดนตรี, กีฬา, ศิลปะ และการเต้นรำ"
ข้อถกเถียง
แต่เรื่องความเก่งเป็นเรื่องที่ยังถกเถียงกันอยู่
ดร.แพทริเซีย เรซัก นักประสาทจิตวิทยา ที่มหาวิทยาลัยเซาเปาโล (University of Sao Paulo) ซึ่งเป็นสมาชิกสถาบันคนปัญญาเลิศของบราซิล (Brazilian Institute of Giftedness) เห็นว่า นอกจากคนเก่งแล้ว ยังมีคนที่มีความสามารถสูง
"ฉันมีลูกที่มีความสามารถทางด้านกีฬาและดนตรีอย่างมากได้ หรือมีศักยภาพเฉพาะบางด้าน แต่ฉันไม่เรียกสิ่งนั้นว่า ความเก่ง หรือ หลักแหลม แต่เรียกว่า มีความสามารถสูง" เรซัก กล่าว
อะไรทำให้เป็นเด็กปัญญาเลิศ
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เด็กปัญญาเลิศมีสมองส่วนที่เป็นสีเทามากกว่าคนทั่วไป และสิ่งนี้ทำให้เกิดการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทเร็วกว่าปกติ เพราะสารสีเทานั้นส่งผลต่อคอร์เทกซ์กลีบหน้า รวมถึงโครงสร้างบางอย่างที่ส่งผลต่อการคิด
"สมองของคนเก่งต่างออกไป ทำให้มีการพัฒนาทางสติปัญญาได้มากขึ้น พวกเขามีเซลล์ประสาทที่ใหญ่ขึ้น ทนทานขึ้นและเชื่อมต่อกันได้ดี การเชื่อมต่อกันของเซลล์ประสาทคงอยู่นานและแน่นหนา" ดร.อาเบรอู อธิบาย
"ทุกอย่างนี้เกี่ยวข้องกับเปลือกสมองบริเวณส่วนบนของสมองกลีบหน้าผาก ซึ่งทำหน้าที่ในการตัดสินใจ, เหตุผล, การป้องกัน, ความจำ และสมาธิ"
การศึกษาบางอย่างเผยให้เห็นว่า ระบบความจำของสมองของเด็ก ๆ ที่มีความสามารถทางสติปัญญาสูงมีขนาดต่างจากเด็กที่มีพัฒนาการปกติ การศึกษาอีกหลายอย่างเน้นย้ำว่า เด็กปัญญาเลิศมีเครือข่ายของสมองที่ยืดหยุ่นและบูรณาการมากกว่า